CF:บทที่ 781 กองทัพของสหพันธ์

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 781 กองทัพของสหพันธ์

 

กองกำลังป้องกันของทายะล่า, กำลังจอมมองเจ้าตัวเขมือบที่ลอยอยู่ในอวกาศ พร้อมกับภาวณาอยู่ในใจของพวกเขา

 

พวกเขาหวังว่ากองทัพของทางสหพันธรัฐจะมาถึงในไม่ช้า, ไม่อย่างนั้นแนวรับของทางอารยธรรมทายะล่าอาจจะต้านทานไม่ไหวในไม่ช้า

 

"ทำไมพวกเขาถึงยังไม่มาอีก? พวกเขาอยู่ที่ไหนกันตอนนี้?"

 

"รายงานท่านนายพลครับ, มีข่าวแจ้งมาจากทางกองบัญชาการว่าพวกเขาได้มาใกล้จะถึงเขตดาวย่าเฟยแล้วครับ"

 

"บ้าเอ๊ย, ทำไมพวกนั้นถึงได้ช้าอย่างงี้?" พวกเขาไม่รู้หรือไงว่า, พวกเราจะต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้วนะ" นายพลได้พูดบ่นออกมา

 

พวกมันนั้นอึดอย่างมาก, สัตว์ประหลาดพวกนั้นทั้งทรงพลังมากเกินไปและยังมีจำนวนมากเกินไปอีกด้วย

 

ถ้าป้อมปืนไม่สามารถต้านทานพวกมันไว้ได้ล่ะก็, อารยธรรมทายะล่าคงได้จบสิ้นไปนานแล้ว

 

2 วันผ่านไป, ทางกองทัพของสหพันธรัฐจึงได้มาถึงที่นี่

 

มองดูเข้าตัวเขมือบที่อยู่เต็มไปทั่วทั้งอวกาศ, พวกเขาจึงได้เปิดฉากการโจมตีในทันที

 

แต่ทว่า, หลังจากที่การโจมตีระลอกแรกได้ผ่านไป และพบว่าจำนวนของเจ้าตัวเขมือบไม่ได้ลดลงไปเลย พวกเขาจึงได้เข้าใจถึงความจนตรอกของอารยธรรมทายะล่า

 

สัตว์ประหลาดพวกนี้แม้จะไม่แข็งแกร่งมาก, แต่ความสามารถในการเพิ่มจำนวนของพวกมันนั้นทำให้ผู้คนต้องรู้สึกสิ้นหวังได้

 

อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่การต่อสู้ได้ผ่านไป พวกเขาก็พบว่าชุดเกราะที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ผลิตขึ้นมานั้นได้ผลกับสัตว์ประหลาดพวกนี้อย่างมาก

 

ถึงแม้ว่าพวกมันจะสามารถกินแร่ธาตุได้ก็ตาม, เมื่อพวกมันต้องเจอกับชุดเกราะอย่างหนาที่พวกเขาใส่มา กลับทำอะไรไม่ได้เลย

 

ด้วยพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังของชุดเกราะสามารถฆ่าพวกมันให้ตายได้อย่างง่ายดาย, ถึงแม้สัตว์ประหลาดจะมีขนาดใกล้เคียงกับยานอวกาศแต่พวกมันก็สามารถฆ่าได้อย่างง่ายดายด้วยการทำลายที่ร่างกายของพวกมัน

 

เมื่อทางอารยธรรมทายะล่าได้รู้ถึงสถานการณ์นี้, พวกเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของชุดเกราะของฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่เช่นกัน แต่ทว่าอย่าว่าแต่จะก่อตั้งหน่วยรบชุดเกราะขึ้นมาเลย, พวกเขาจะซื้อซักชุดยังไม่ไหวเลย

 

จริงๆแล้ว, อารยธรรมทายะล่านั้นอ่อนแอมาก, พวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะสั่งซื้อชุดเกราะที่ราคาแพงเช่นนี้มาก่อตั้งหน่วยรบชุดเกราะได้

 

อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่ได้เห็นผลการรบของหน่วยชุดเกราะของกองทัพสหพันธ์แล้ว, พวกเขาก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้อีก

 

ณ เขตดาวบลู, การพัฒนาของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้มาถึงจุดที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น, การพัฒนาของเขตดาวที่บุกเบิกขึ้นมาใหม่นั้นได้มาถึงขั้นตอนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

มีบางคนที่ได้มายื่นเรื่องต่อฟิวเจอร์กรุ๊ปและหวังจะได้มาอยู่ที่นี่เพื่อสร้างโรงงานและทำธุรกิจที่นี่ด้วย

 

ในเวลานี้, ลู่เปงเฟยที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานและมองดูรายงานการเงินอย่างปวดหัว

 

"สถานการณ์ของพวกเราหนักถึงขนาดนี้จริงๆเลยเหรอ?"

 

"ท่านประธานลู่ครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดไปหรอกครับ, เพราะไม่ว่าจะการวิจัยเรื่องของชุดเกราะก็ดีหรือยานรบก็ดี แล้วแล้วแต่สิ้นเปลืองเงินทั้งหมดครับ, ชุดเกราะรบทั้งสองผลิตภัณฑ์ของพวกเรายังดี, แต่ชุดเกราะพลเรือนนั้นพอที่จะถูไถค่าวิจัยไปได้, แต่พวกเราก็เริ่มที่จะขาดทุนด้านการวิจัยและการผลิตยานรบแล้วครับ"

 

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ? ไม่ใช่ว่าชุดเกราะรบและยานรบของพวกเรานั้นสมรรถนะดีมากไม่ใช่รึยังไง?"

 

"มันดีก็จริงอยู่ครับ, แต่ในเมื่อผู้คนเขาไม่ซื้อ, พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันครับ"

 

"พวกคุณพอจะรู้เหตุผลมั๊ย?" ลู่เปงเฟยถามอย่างคิ้วขมวด

 

"ก็เพราะมันไร้ประโยชน์น่ะสิครับ, สำหรับหลายๆอารยธรรมแล้ว มันเปล่าประโยชน์ที่จะซื้ออาวุธแบบนี้ในปัจจุบันครับ"

 

ลู่เปงเฟยก็นึกออกขึ้นมาได้ในฉับพลัน, ในช่วงที่ไร้การต่อสู้เช่นนี้, ทั้งยานรบและชุดเกราะต่างก็เป็นของที่สิ้นเปลืองมาก

 

ปราศจากซึ่งสงคราม, พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อให้มากมายนัก, พวกเขาจำเป็นแค่ต้องซื้อชุดเกราะรบมาบางส่วนเพื่อนำมาใช้ฝึกฝนเท่านั้น

 

ส่วนยานรบนั้น, ลู่เปงเฟยรู้สึกพูดอะไรไม่ออกกับการที่ท่านหัวหน้าผลิตสิ่งนี้ขึ้นมา

 

ยานรบที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปผลิตขึ้นมานั้นสมรรถนะของมันนั้นดีมากอย่างแน่นอน, แต่ราคาของมันย่อมไม่ได้ถูก

 

อารยธรรมที่แข็งแกร่งคงไม่เหลียวมองยานรบที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นผลิตขึ้นมาอยู่แล้ว, และอารยธรรมที่อ่อนแอก็คงไม่สามารถที่จะซื้อได้เช่นกัน

 

ทางที่ดีที่สุดคือต้องสร้างชื่อเสียงของยานรบขึ้นมาในการรบจริง

 

แต่ในสถานการณ์ในปัจจุบันของสหพันธรัฐนั้น, ไม่มีเรื่องของการต่อสู้เกิดขึ้นเลย

 

ส่วนในเรื่องชื่อเสียงของชุดเกราะรบ, เนื่องจากอารยธรรมต่างๆใช้มันในการบุกเบิกดวงดาว, ชื่อเสียงของพวกมันจึงดีขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่น่าเสียดายที่, อารยธรรมเหล่านั้นคิดที่จะผลิตชุดเกราะขึ้นมาใช้เอง, จึงมีอารยธรรมไม่มากนักที่สั่งซื้อชุดเกราะรบเป็นปริมาณมาก

 

ณ โลกที่อยู่ไกลออกไป, อู๋ฮ่าวเหรินซึ่งกำลังอยู่กับภรรยาและลูกสาวของเขา หลังจากที่เขาได้ทราบข่าวนี้แล้ว เขาก็ตัดสายของลู่เปงเฟยไป

 

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้กลัวที่จะสูญเสียเงิน, เพราะวัสดุในการผลิตส่วนใหญ่นั้นในตอนนี้เขาเป็นคนที่จัดหาให้อยู่

 

แน่นอนว่าเขาเองก็ขาดเงินเช่นกัน, ไหนจะเรื่องการการผลิตยาเสริมความแข็งแกร่งและการสร้างหน่วยชุดเกราะของตัวเองขึ้นมานั้น ต้องใช้ทรัพยากรอย่างมาก

 

ส่วนเรื่องของหน่วยยานรบ, ในปัจจุบันส่วนหนึ่งยังต้องพึ่งพาการจ้างคนของอารยธรรมซีซาร์อยู่, และส่วนหนึ่งก็คัดเลือกมาจากผู้คนในเขตดาวบลู

 

การจัดตั้งกองทัพนั้นสิ้นเปลืองเงินอย่างมาก, แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ต้องจัดตั้งขึ้นมา

 

หากมีบางอย่างถูกเปิดเผยออกมา, เขาแทบไม่ต้องคิดเลยว่าอารยธรรมต่างๆนั้นจะต้องคิดไม่ซื่อกับเทคโนโลยีต่างๆที่เขามีอย่างแน่นอน

 

ถ้ามันเป็นแค่อารยธรรมเดียว เขาก็คงไม่กลัวเท่าไร, แต่ทว่าหากเป็นหลายๆอารยธรรมมารวมกันแล้วล่ะก็ มันได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาแน่

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยที่กำลังอุ้มตูตูอยู่, ก็มองดูอู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังคิ้วขมวดแล้วถามขึ้น "เกิดอะไรขึ้นเหรอที่รัก?"

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองดูหลิงเมิ่งเสวี่ย, และตูตูที่กำลังขยับตัวขณะที่กำลังหลับปุ๋ย และยิ้มออกมา

 

"ไม่เป็นไรหรอกที่รัก, แค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆในโรงงานของลู่เปงเฟยเท่านั้นน่ะ"

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยมองมาที่ตูตู, และมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินแล้วพูดขึ้น "ถ้าอย่างนั้น, ก็ไปที่นั่นเถอะค่ะแล้วไปจัดการกับมัน"

 

เธอนั้นรู้ดีว่า, เพื่อที่อู๋ฮ่าวเหรินจะได้อยู่ร่วมกับเธอและลูกสาว, ในช่วงนี้เขาจึงได้ผลักงานทั้งหมดออกไป

 

"ไม่ไปหรอก"

 

เขาแตะที่ใบหน้าที่จ้ำม่ำของตูตูด้วยมือของเขาและพูดขึ้นมา "ผมจะยังอยู่บนโลกอีกสักพัก"

 

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้, จี้ก็ได้บอกกับเขาว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับสตาร์เกตและใต้ทะเลขึ้นอีกแล้ว, ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเกิดขึ้นที่นั่น

 

เรื่องนี้ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินประหลาดใจ, เขาไม่คิดว่าสตาร์เกตที่พังไปแล้วและไร้ซึ่งพลังงาน, จะยังสามารถใช้การได้

 

อย่างไรก็ตาม, ในสถานการณ์นี้ได้เตือนเขาให้รู้ว่าโลกนี้ไม่ปลอดภัยอย่างที่เขาคิดอีกต่อไปแล้ว

 

ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนในอนาคต, เขาก็จะอยู่เคียงข้างครอบครัวของเขา, มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้นที่ครอบครัวของเขาจะปลอดภัยที่สุด

 

ต่อให้มีอันตรายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น, เขาก็สามารถที่จะหาทางจากโลกอนาคตผ่านระบบซองแดงได้

 

"ฉันได้ยินมาว่าหลิวหมิงเยี่ยก่อกวนคุณทุกวันในช่วงนี้"

 

อู๋ฮ่าวเหรินได้ยินหลิงเมิ่งเสวี่ยที่จู่ๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา, หัวใจของเขาก็หยุดเต้นไปชั่วขณะแล้วรีบพูดขึ้นมา "คุณก็รู้จักผมดีนี่, ผมไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก"

 

"หืม, แล้วคุณกำลังกังวลอะไรอยู่? ฉันสัญญากับหลิวหมิงเยี่ยไปแล้วว่า, ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ ฉันจะไม่โทษคุณหรอก, ถ้าไม่ใช่เพราะคุณประสบความสำเร็จมาก พวกเธอก็คงไม่มาก่อกวนคุณแบบนี้หรอก"

 

อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา, ดูเหมือนมันจะเป็นความผิดพลาดที่พวกเขาประสบความสำเร็จมากเกินไปเช่นนี้

 

เขาคิดว่าต่อให้เขาเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้, เขาควรที่จะทำเรื่องผิดพลาดบ้าง

 

โชคยังดีที่, เขานั้นยังคงหนักแน่นอยู่ได้หลังจากได้รับยาเสริมแกร่งทั้งร่างกายและจิตวิญญาณมาจากระบบซองแดง

 

อย่างไรก็ตาม, ท่าที่ของเหล่าผู้หญิงในช่วงนี้นั้น ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นกังวล, มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งที่ได้พบกัน

 

ในเวลานี้, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้พูดขึ้นมาว่า "ฉันได้ยินมาว่าการมีสามีหรือภรรยาหลายคนนั้นอนุญาตบนโลกแล้วสินะคะ"

 

"อืม, อนุญาตแล้ว แต่กฏของทางสหภาพก็มีเงื่อนไขว่าหากมีการยินยอม และไม่ขัดต่อกฏหมายถึงจะทำได้, เพราะทางสหภาพกำลังกระตุ้นให้มีบุตรกันเยอะๆน่ะ"

 

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ยังไงก็เกิดขึ้นอยู่แล้วต่อให้กฏหมายไม่อนุญาตก็ตามที

 

สหภาพมนุษย์ในอนาคตเองก็เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว, ด้วยการพัฒนาของอารยธรรม, ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถที่จะห้ามได้

 

ในเมื่อไม่สามารถที่จะห้ามได้, ก็สู้ปล่อยมันไปซะตั้งแต่แรก, ดีกว่าให้มีเล็กมีน้อย 3 คน 4 คน

 

ในขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินและหลิงเมิ่งเสวี่ยกำลังคุยกันถึงเรื่องนี้, อารยธรรมต่างๆในสหพันธรัฐก็ได้ทราบถึงเรื่องของเจ้าตัวเขมือบในอารยธรรมทายะล่า

 

เมื่อเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่วิเศษเช่นนี้, พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความคิดที่จะจับพวกมัน



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น