CF:บทที่ 731 อู๋ฮ่าวเหรินกลับมาแล้ว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 731 อู๋ฮ่าวเหรินกลับมาแล้ว

 

เมื่อเหล่าผู้ปฏิวัติบนโลกนั้นได้พบว่าสหายของพวกเขา ชาวโครน่าได้ขับยานรบของพวกเขามุ่งหน้ามายังโลกแล้ว, พวกเขาก็บ้าคลั่งกันอย่างมาก

 

แน่นอนว่า, ถึงพวกเขาจะบ้าคลั่งกันเพียงใดแต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่, พวกเขายังไม่ได้รีบออกไปในทันที, แต่โดยผ่านคนของพวกเขา, พวกเขาได้เริ่มทำการโปรโมตเพื่อสร้างแรงกระตุ้นบนโลกอินเตอร์เน็ทให้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

 

"ดูนั่นสิ, ดูนั่น, บอกแล้วว่า มัวแต่ตั้งรับอย่างฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้ผลหรอก, ยิ่งไปกว่านั้นขังให้ทุกคนอยู่บนโลกเอาไว้ก็เหมือนกับทำลายตัวเองชัดๆ, แล้วจะเอายังไงต่อล่ะทีนี้"

 

"ยานรบของโครน่าได้บินมาถึงโลกแล้ว, แต่ฟิวเจอร์กรุ๊ปกลับยังไม่ได้ออกมาต่อต้านอะไร, สงสัยจังเลยว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นแอบตกลงทำสัญญาอะไรที่พูดไม่ได้เอาไว้กับชาวโครน่ารึเปล่านะ?"

 

"นั่นสิ, ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน, ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะต้องขายผู้คนทั้งโลกให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วแน่ๆเพื่อแลกกับความปลอดภัยของพวกเขาแน่ๆ"

 

"ไม่, พวกเราไม่ยอมที่จะตายเปล่าหรอกนะ, แต่ตอนนี้ยานของชาวโครน่าก็ได้มาถึงโลกแล้ว, พวกเราคงหมดโอกาศแล้วล่ะ"

 

"ประท้วง, แบบนี้ต้องประท้วง"

 

"......"

 

ความคิดเห็นในโลกออนไลน์ล้วนไปในทางเดี่ยวกัน, หลังจากที่พวกเราได้เห็นภาพในวิดีโอเมื่อได้เห็นยานอวกาศของชาวโครน่าที่บินลงมาบนโลก

 

ส่วนคนส่วนใหญ่ที่คอยสนับสนุนฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่นั้นต่างก็เริ่มที่จะลังเลขึ้นมา, และพวกเขาก็เริ่มตั้งคำถามต่อฟิวเจอร์กรุ๊ป, เพื่อให้พวกเขาอธิบายออกมา

 

ถึงแม้จะมีคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปบางคนที่เริ่มสงสัยขึ้นมาเช่นกันเมื่อไดเห็นภาพในวิดีโอ

 

ภายใต้การชี้นำของวิดีโอและความคิดเห็นในอินเตอร์เน็ท, ทำให้พนักงานฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ผลักฟิวเจอร์กรุ๊ปให้ไปเป็นอีกฝั่งของของมนุษยชาติ, กลายเป็นคนกบฏและทรยศต่อมนุษย์ชาติ

 

ในห้องประชุมในสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, บุคคลสำคัญทั้งหมดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นก็ได้มารวมตัวกันเพื่อรอคำตอบเช่นกัน

 

"ทำไมล่ะ, พวกเราจะมียานอวกาศไปทำไม, ถ้าพวกเราไม่ตอบโต้กลับไปบ้าง"

 

 "ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน, แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านประธานจะทำตามที่เขาว่ากันเอาไว้ในอินเตอร์เน็ทจริงๆ, มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่แล้วที่จะใช้กำลังในการจับมนุษยชาติเอาไว้, ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งชาวโครน่าด้วยซ้ำ"

 

"บางทีอาจจะมีอะไรบางที่พวกเรายังไม่รู้ก็ได้, รอให้ท่านประธานออกมากันคำตอบกันก่อนเถอะ

 

บางคนที่รู้จักกับลู่เปงเฟยก็ได้พูดกระซิบกระซาบกับเขา "ลู่เปงเฟย, คุณรู้จักกับท่านประธานนี่, คุณมีข่าวจากวงในมาบ้างไหม?"

 

ลู่เปงเฟยส่ายหัวแล้วพูดขึ้น "ตอนนี้ผมเองก็สับสนเหมือน, แต่ผมบอกคุณได้แค่ว่าระบบเกราะป้องกันนั้นไม่มีวันเสียหายได้หรอก, นอกจากนี้นะ, ถึงระบบเกราะป้องกันจะเสียหาย, แต่ยานรบของพวกเราก็ทรงพลังอยู่, ในเวลานี้ผมเองก็เลยไม่เข้าใจในสถานการณ์เช่นกัน"

 

"อ้า! จริงด้วย มันจะเป็นไปได้ยังไง?"

 

เว่ยหมิงที่อยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้นมาอย่างลึกลับ "ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าท่านประธานนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม, อย่างไรก็ตาม, เราไม่ควรที่จะเชื่อข่าวในอินเตอร์เน็ทให้มากจะดีกว่า"

 

"หืม, คุณเว่ยคุณได้ข่าวอะไรมาอย่างงั้นเหรอ?"

 

แม้แต่ลู่เปงเฟยก็ยังหันมามองที่เขาและอยากที่จะรู้ในสิ่งที่เขารู้เช่นกัน

 

"พวกคุณดูเหมือนว่าจะลืมบางสิ่งบางอย่างไปนะ"

 

"เอาน่า, อย่ามัวแต่ทำเป็นอุบหน่อยเลยน่า, เดี๋ยวผมชวนคุณไปเที่ยวที่ถนนแสงเย็นนี้ก็ได้"

 

"ศูนย์กลางสมองกล"

 

"โอ้! ศูนย์กลางสมองกล,  จริงด้วยสิ จริงด้วย"

 

"ผมลืมไปได้ยังไงกันนะ?"

 

"ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเราเป็นกังวลนั้นศูนย์เปล่าไปเลย"

 

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนโง่, ระบบศูนย์กลางสมองกลนั้นทรงพลังมาก, ซึ่งถ้าเป็นพนักงานระดับอาวุโสในบริษัทก็จะรู้เรื่องนี้กันดี

 

ในเวลานี้ทั้งโลก, ไม่สิ จำนวน 1 ใน 3 ของทางช้างเผือกนั้นถูกจับตาดูโดยศูนย์กลางสมองกลอยู่ อย่าว่าแต่แค่ระบบเครือข่ายของโลกเลย

 

ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามที่ว่าในอินเตอร์เน็ทจริง, และท่านประธานที่มีอำนาจในการควบคุมศูนย์กลางสมองกลอยู่, ข้อมูลเช่นนี้ไม่มีทางที่จะถูกเผยแพร่ออกไปได้อย่างแน่นอน

 

ยิ่งไปกว่านั้น, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษยชาติจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับชาวโครน่า

 

ในเวลานี้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ถูกเผยแพร่ออกมาเฉยๆ แต่มันไม่ได้ถูกจำกัดข่าวสารต่างหาก

 

ซึ่งต่อให้เป็นคำพูดที่ให้ร้ายฟิวเจอร์กรุ๊ปแต่ก็ยังไม่จัดการอะไร, ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก

 

ซึ่งหากคิดให้ลึกๆแล้ว, พวกเขาก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น

 

มีบางคนที่ลองคิดตาม, แล้วร่างกายของพวกเขาก็รู้สึกสั่นกลัวขึ้นมา, ถ้าพวกเขาไม่เชื่อในตัวของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วไปเข้าร่วมกับพวกเขา, ผลที่ตามมาคงได้เป็นเรื่องเศร้าแน่

 

เมื่อคิดถึงคนพวกนั้นที่ลาออกจากฟิวเจอร์กรุ๊ปและเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านแล้ว, และพวกคนที่โผล่หัวออกมาเพื่อโจมตีฟิวเจอร์กรุ๊ปในเวลานี้นั้น, ในท้ายที่สุดแล้วก็เกรงว่าคงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ๆ

 

ในเวลานี้, หลิงเมิ่งเสวี่ย, หลิวหมิงเยี่ยและโจ้วหลานก็ได้เข้ามา

 

เมื่อมองมาที่ทุกคน, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้พูดขึ้นมาว่า "สถานการณ์ในปัจจุบัน, ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว, ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกคุณนั้นคิดอย่างไรกับความคิดเห็นพวกนั้นในอินเตอร์เน็ทก็เถอะนะ"

 

ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่เว่ยหมิงพูดเมื่อสักครู่, หลายๆคนในที่นี้คงได้ออกมาถามคำถามไปแล้ว

 

ในเวลานี้พวกเขาพอจะเดาได้แล้วว่าบริษัทนั้นมีเป้าหมายอะไร, แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะออกมาถามคำถามเป็นคนแรก

 

อย่างไรก็ตาม, ก็มีบางคนที่ฉลาดมากพออยู่, และพวกเขาก็คนๆหนึ่งที่จะยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณ

 

"พูดได้"

 

"ผมคิดว่าความคิดเห็นเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความลือและสิ่งที่โจมตีบริษัทของเราเท่านั้น, ด้วยฝีมือของผู้ที่ไม่หวังดี ดังนั้นพวกเราควรที่จะจัดการพวกเขาครับ"

 

"ฉันเองก็เห็นด้วยที่จะควรจะจัดการเรื่องการตามล่าหาตัวคนทำและเพื่อไม่ให้พวกเขาปล่อยข่าวลือต่อได้อีกค่ะ"

 

"........."

 

ทุกคนนั้นไม่ใช่คนโง่, แต่ในเวลานี้เป็นเวลาที่จะโชว์ความสามารถออกมา

 

ในปัจจุบันฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นต่างไปจากฟิวเจอร์กรุ๊ปสมัยที่ยังควบคุมโดยอู๋ฮ่าวเหรินอยู่

 

มีเพียงคนที่แสดงผลงานที่ดีในบริษัทเท่านั้นถึงจะมีโอกาสที่จะได้ออกไปนอกโลกเพื่อไปดูอวกาศอันไร้พรหมแดนได้

 

"พอได้แล้ว"

 

หลิวหมิงเยี่ยหันไปมองที่ลู่เปงเฟยและถามขึ้่น "คุณได้พูดอะไรออกไปใช่ไหม?"

 

ลู่เปงเฟยพูดขึ้นมาอย่างหดหู่ "อย่ามามองที่ผม, ไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งนั้น"

 

ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เว่ยหมิงผู้ซึ่งเดินหลบออกไปข้างๆทำราวกับว่าไม่มีใครที่อยู่ที่นี่แล้ว

 

เว่ยหมิงหันมามองที่ลู่เปงเฟยโดยที่ไม่พูดอะไร, แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น "ผมไม่ได้บอกอะไรทั้งนั้น, ผมแค่พูดไม่แค่คำเดียวเท่านั้น, แต่ไม่คิดว่า, พวกเขาจะรู้กันได้เองว่าที่บริษัททำตัวเงียบๆในช่วงนี้และปล่อยให้ข่าวสารต่างๆออกมาบนอินเตอร์เน็ทนั้นไม่ใช่สไตล์ของบริษัทของเรา"

 

"พอ, พอ, เลิกไปกดดันเขาได้แล้ว, นี่คือแผนการต่อไปของบริษัทของเรา, ทุกคนเอากลับไปดู, ส่วนเรื่องในอินเตอร์เนทและเรื่องของภายนอก, คุณไม่ต้องกังวลกับพวกมันให้มากนัก, พวกมันจะจบลงในไม่ช้านี้แหละ"

 

"แยกย้ายได้"

 

มองมาที่หลิงเมิ่งเสวี่ยที่เดินออกไปด้านนอก, กลุ่มคนที่อยากจะถามคำถามแต่ละคนต่างก็แสดงสีหน้าหดหู่ขึ้นมาให้เห็น

 

"การประชุมจบแล้ว!"

 

"พวกคุณยังจะสงสัยอะไรอีก? ซึ่งคำตอบคือไม่ใช่กงการอะไรของพวกคุณ, มันจะจบลงในไม่ช้าแล้ว, ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง"

 

"แต่ผมยังต้องการที่จะรู้ว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร, มันเป็นเรื่องยากมากเลยนะครับที่จะจัดการเรื่องนี้ได้"

 

"คำตอบทั้งหมดนั้นอยู่ในนี้แล้ว, ดูด้วยตัวเองก็แล้วกัน"

 

หลายๆคนมาองดูในเอกสารที่พวกเขาได้รับแล้วก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจขึ้นมา, แม้แต่ลู่เปงเฟยและเว่ยหมิงเองก็ตกใจ

 

พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้, ไม่แปลกใจเลยที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนวางแผนไว้โดยอู๋ฮ่าวเหริน

 

"ฮ่าๆๆ, ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย, ผมไม่รู้เลย, เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง"

 

"คนพวกนั้น รวมถึงพวกโครน่าคงเจอเรื่องเศร้าแล้วล่ะ, ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะมาจ๊ะเอ๋กับหัวหน้าแบบนั้น?"

 

"มันเป็นโศกนาฏกรรมจริงๆเลยล่ะ, เรื่องนี้ไม่จำเป็นที่พวกเราต้องถามแล้วจริงๆ, อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากคงถึงคราวซวยแล้วล่ะ"

 

ทุกๆคนต่างก็นิ่งไปและผงกหัวอย่างใช้ความคิด, ในตอนที่หัวหน้าไม่อยู่นั้น, คนเหล่านี้ได้รังแกภรรยาของเขาไว้เยอะ, คงไม่ต้องนึกภาพเลยว่าเขานั้นจะโกรธมากขนาดไหน

 

"เลิกคิดเรื่องนี้เถอะ, แล้วรอเป็นผู้ชมดีกว่า, ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้ากลับมาแล้ว, ก็หมายความว่าพวกเราจะได้ออกจากระบบสุริยะและออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจักรวาลแล้ว, รีบกลับไปเตรียมตัวกันเถอะ"

 

อู๋ฮ่าวเหรินกลับมาแล้ว, ซึ่งเป็นเหมือนกับหลักประกันของเหล่าผู้ดูแลระดับอาวุโสของฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

เพราะพวกเขานั้นรู้ดีมากว่าฟิวเจอร์กรุุ๊ปนั้นสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของหัวหน้าของพวกเขาตามลำพัง



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น