CF:บทที่ 732 จุดเริ่มต้นของการแสดงโชว์
ณ ฟิวเจอร์กรุ๊ป, เหล่าผู้จัดการของบริษัทที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว, พวกเขาจึงไม่สนเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว, เริ่มจัดการงานที่หลิงเมิ่งเสวี่ยมอบหมายให้พวกเขาทำขณะที่รอชมการแสดงที่เกิดขึ้น
พวกเขามองไปยังกลุ่มประท้วงด้านนอก, มองดูผู้ที่ยินดีกับผลประโยชน์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, ซึ่งในเวลานี้ได้โผล่หัวออกมาเป็นผู้นำกลุ่มต่อต้านฟิวเจอร์กรุ๊ป แล้วก็ส่ายหัว
สำหรับพวกที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นี้, ได้แต่รู้สึกสิ้นหวังแทน
ถ้าในเวลานี้, พวกเขารู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินกำลังกลับมาแล้วนั้น, พวกเขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะรีบแจ้นมาที่สำนักงานใหญ่และคุกเข่าขอร้องให้ยกโทษให้รึเปล่านะ
อืม, แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก, พวกเขารู้ดีว่าหัวหน้าของพวกเขานั้นคงไม่ยอมยกโทษให้คนพวกนั้นแน่, บางทีหนทางที่ดีสำหรับพวกเขาในเวลานี้อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายก็ได้
ณ โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, มีกลุ่มคนได้เดินทางมาที่ห้องที่หรูหรา, พวกเขามารวมตัวกันเพื่อที่จะมาที่สำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
ในเวลานี้ต้านล่างของสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, มีกลุ่มประชาชนขนาดใหญ่ที่มารวมตัวกันเพื่อประท้วง, ถ้าไม่ได้เป็นเพราะกระบอกปืนที่ส่องแสงได้เหล่านี้คอยสงบสติผู้คนเอาไว้, พวกเขาคงได้ทำอะไรบ้าๆไปแล้วแน่ๆ
ในกลุ่มผู้ประท้วงนั้น, มีบางคนที่เหมือนได้รับคำสั่งมา, ได้ถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็วจากกลุ่มผู้ประท้วงและมารวมตัวกันที่ๆหนึ่ง
มีบางคนที่มองดูตึกของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่งดงามและคิดว่าอีกไปนานที่พวกเขาจะได้ทำงานในตึกแห่งนี้
เหล่าคนที่ถอนตัวออกมาไม่นานก็ได้มารวมตัวกันที่นี่, จำนวน 100 กว่าคน, แล้วก็มีกลุ่มคนที่เดินออกมาจากโรงแรมเพื่อมาเข้าร่วมกับพวกเขา
หนึ่งคนในนั้นพูดขึ้นมาว่า "รีบไปไล่พวกคนของฟิวเจอร์กรุ๊ปให้ออกมาเร็วๆกันเถอะ, ชาวโครน่าจะมาถึงในอีกไม่ช้าแล้ว, อย่ามัวแต่ชักช้าไม่อย่างนั้นชาวโครน่าจะเอาคนของพวกเราไปเพราะคิดว่าคนของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้"
"ได้, เดี๋ยวข้าจะไปบอกให้พวกเขารู้เอง"
ทันทีที่พวกเขาพูด, ยานแม่ขนาดมหึมาก็ได้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ, และยานแม่ขนาดยักษ์ก็ได้บดบังพระอาทิตย์จนหมดสิ้น, ก่อให้เกิดเงาขนาดใหญ่ขึ้นมา
นอกจากผู้คนที่รวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว, เหล่าคนที่ออกมาประท้วงนั้นเมื่อเห็นยานแม่แล้วพวกเขาก็เริ่มตื่นกลัวและกรีดร้องทันที
"หนีเร็ว, หนีเร็ว พวกโครน่ามาแล้ว!"
"บ้าเอ๊ย พวกฟิวเจอร์กรุ๊ป, เป็นเพราะพวกมันแท้ๆ เป็นเพราะพวกมันแท้ๆ เป็นเพราะพวกมัน"
"ฉันยังไม่อยากตาย, ฉันยังไม่อยากตาย, ใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยด้วย...."
"......"
ท่ามกลางความสับสนที่เกิดขึ้น, เหล่าหุ่นยนต์รักษาการณ์, ก็ได้เริ่้มจัดการปราบรามกับฝูงชนที่กำลังสับสน
ทั้งร้องไห้, สบถ, โห่ร้อง และอื่นๆ, เสียงทั้งหมดดังมาจากฝูงชนนั้น
มีผู้คนจำนวน 100 กว่าคนยืนอยู่ที่นั่น, โดยปราศจากเสียงกรีดร้อง, มีบางคนที่ชี้ไปที่ฝูงชนแล้วพูดขึ้น, "ดูกลุ่มคนโง่นั่นสิ, ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อในฟิวเจอร์กรุ๊ป, เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก, พวกเราคือความถูกต้อง, โลกจะแข็งแกร่งได้ถ้าอยู่ในการควบคุมของพวกเราเท่านั้น"
"ฮ่าๆ, อีกไม่นานโลกนี้ก็จะตกเป็นของพวกเรา, และเหล่าคนโง่พวกนี้ก็จะต้องถูกกำจัด, พวกเราต้องการแค่เพียงคนระดับหัวกะทิและสุดยอดหัวกะทิเท่านั้น, แน่นอนว่าคนโง่ก็ยังมีความจำเป็นต้องเก็บเอาไว้เหมือนกัน, พวกเขายังมีประโยชน์อยู่ อย่างกลายเป็นทาสล่ะนะ"
"ไม่กันเถอะ, เราไปพบผู้นำของฟิวเจอร์กรุ๊ป ราชินีน้ำแข็งกันกว่า, อยากรู้จังเลยว่าในเวลานี้เธอจะทำหน้ายังไงนะ?"
ณ ตึกสำนักงานใหญ่ฟิวเจอร์กรุ๊ป, หลิงเมิ่งเสวี่ยและเหล่าบุคลากรที่สำคัญของบริษัทได้มารวมตัวเพื่อพบกับกลุ่มคนทั้ง 100 กว่าคนนั้นด้วยรอยยิ้ม
"คนพวกนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องให้พวกเราเสียเวลาไล่จับทีละคนเลยจริงๆ, พวกเขามารวมตัวกันโดยสมัครใจเลยทีเดียว, อืม ก็ไม่น่าแปลกใจล่ะนะ คนพวกนั้นคงยังคิดว่าบนยานรบลำนั้นน่าจะยังมีผู้ร่วมมือของพวกเขาชาวโครน่าอยู่บนยานกัน"
มองไปที่ท้องฟ้า, พวกเขามองจะมองเห็นรูปร่างยานแม่ของชาวโครน่าได้อยู่, คนเหล่านี้ก็พากันส่ายหัว
"ลงไปข้างล่างกันเถอะ ไปพบกับพวกเขากันหน่อยและดูว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะทำอะไรกัน"
"พวกเขามาที่นี่เพื่อมาส่งพวกเราเลยนะ, บางที่พวกเขาอาจจะอยากเห็นพวกเรากำลังสิ้นหวังก็ได้" โจ้วหลานพูดขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปพบกับพวกเขาและโชว์ให้พวกเขาเห็นกันหน่อยเถอะ"
หลิงเมิ่งเสวี่ยและพรรคพวกของเธอก็ได้เดินออกมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป, และคนเหล่านั้นก็เดินเข้ามาหาทันที, ที่ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของพวกเขาเลย
จากมุมมองของพวกเขา, ยานรบของชาวโครน่าที่อยู่เหนือหัวของพวกเขานั้นกำลังจับตาดูที่นี่อยู่
เว้นเพียงแต่พวกฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่, ถ้าต้องการที่จะทำร้ายพวกเขาในเวลานี้่
"ฮ่าๆๆ, ดูสีหน้าของพวกเขาสิ จะว่าไงดี พวกเราน่าจะบอกพวกเขาไปนะว่า หากพวกเขายอมคุกเข่าล่ะก็, พวกเราอาจจะช่วยพวกเขาคุยกับชาวโครน่าให้ก็ได้"
"นั่นเป็นความคิดที่ดีนะ"
หลิงเมิ่งเสวี่ยยืนอยู่ที่ประตูของตึก, มองดูคนที่กำลังเดินเข้ามา
"คุณสร้างปัญหากับพวกเราไว้มากเลยนะ, ไม่ว่าจะปลุกปั่นคนเหล่านี้ในอินเตอร์เน็ทก็ดี, วางแผนทำลายหอคอยเกราะกำบังก็ดี, แล้วไหนจะสมรู้ร่วมคิดกับพวกโครน่าอีก"
หลิวหมิงเยี่ยดึงหลิงเมิ่งเสวี่ยออกมาใกล้ๆเธอแล้วกระซิบกับกระซาบ "เดี๋ยวสิ, เธอใช้น้ำเสียงไม่ถูกนะ, พวกเราจะต้องทำให้พวกเขาร่วมแสดงในโชว์ของพวกเราก่อนสิ"
"อ๊ะ, ลืมไปเลย"
อย่างไรก็ตาม, เหล่ากบฏที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะฟังเสียงของหลิวหมิงเยี่ยที่กระซิบกระซาบกลับพูดยอมรับอย่างหยิ่งผยอง "พวกเรา, เหล่าฟิวเจอร์กรุ๊ปที่โง่เขลาเหล่านี้ ทั้งที่ทรงพลังทั้งในด้านวิทยาการและเทคโนโลยีแต่พวกเขากลับเลือกวิธีที่โง่เขลาเช่นนี้
พวกคุณแข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ? ออกมาเผชิญหน้ากับชาวโครน่าสิ, ถ้าพวกคุณแข็งแกร่งจริงก็แสดงให้พวกเราเห็นหน่อย
ไม่ใช่ว่าเทคนิคของพวกคุณล้ำสมัยไม่ใช่เหรอ? และไม่มีพวกเราคนไหนตามทันได้, ซึ่งพวกคุณคิดจริงๆเหรอว่าพวกคุณจะสามารถควบคุมมนุษยชาติทั้งหมดได้, รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?"
"......"
พวกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงความสำเร็จของการได้เป็นชนชั้นผู้นำแล้ว ซึ่งสามารถหัวเราะเยาะใส่ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ ทั้งๆที่เขายังพูดไม่จบแท้ๆ
"โอ้, จะว่าไป, ถ้าพวกคุณยอมที่จะคุกเข่าและขอร้องพวกเรา, บางที่พวกเราอาจจะช่วยขอร้องให้ชาวโครน่าให้ไว้ชีวิตพวกคุณให้ก็ได้นะ"
หลังจากนั้น, กลุ่มคนก็มองดูไปที่เหล่าของฟิวเจอร์กรุ๊ปและรอดูพวกเขาคุกเข่าเพื่อขอร้องพวกเขา
เว่ยหมิงกระซิบกระซาบ "ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงได้ดูโง่นัก"
ลู่เปงเฟยก็ผงกหัวและพูดขึ้นตามมา "ผมเข้าใจนะ, แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา, ที่พวกเขาจะไม่เข้าใจถึงความทรงพลังด้านเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ป"
"ก็ไม่น่าแปลกใจนะ ถ้าผมไม่ได้เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะก็, ผมก็คงไม่เข้าใจถึงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ปเช่นกัน"
"......."
การสนทนาของทั้งสองคนนั้นไม่ได้เบาเท่าไร, ทำให้เหล่าคนที่อยู่อีกฝั่งได้ยิน
"เจ้าพวกโง่ทั้งสองคนนั้นกำลังคุยอะไรกัน, ฮึ่ม, ดีล่ะข้าจะให้ชาวโครน่าเริ่มจัดการจากพวกแกสองคนก่อนเลย, ทำให้ใครบางคนได้เข้าใจถึงจุดจบของคนที่ต่อต้าน"
"ดูนั่นสิ, ดูนั่น, ดูเหมือนชาวโครน่ากำลังจะลงมาแล้ว"
ท้องฟ้าด้านบน, เหนือยานแม่ขนาดยักษ์ มีกองยานที่กำลังบินลงมา
เหตุการณ์นี้, ได้ทำให้กลุ่มกบฏนั้นรู้สึกเหิมเกริมมากยิ่งขึ้น, พวกเขาโห่ร้องราวกับเป็นผู้ชนะ
จากยานแม่, อู๋ฮ่าวเหรินที่ลงมาพร้อมกับโม่เก๋อ และเหล่าชาวซีซาร์ต่างก็สงสัยเมื่อพบมนุษย์ที่เหมือนกับอู๋ฮ่าวเหริน
"ท่านหัวหน้าครับ, คุณเกิดที่ดาวแบบนี้งั้นเหรอครับ?"
มันไม่ใช่ว่าโม่เก๋อนั้นไม่อยากจะเชื่อ, แต่เทคโนโลยีบนดาวดวงนี้ยังล้าหลังมากเกินไป, มันจะเป็นดาวที่อู๋ฮ่าวเหรินเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร
ในมุมมองของพวกเขา, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะต้องมาจากอารยธรรมที่ทรงพลังมากๆและเป็นคนใหญ่คนโต, ด้วยจุดประสงค์ที่พิเศษ, ในการเข้าสู่สหพันธรัฐจักรวาล, จึงได้มาสำรวจสถานการณ์ของสหพันธรัฐ
ในเวลานี้เขาเห็นสถานการณ์ของโลก และได้รับการยืนยันจากอู๋ฮ่าวเหริน, ไม่เพียงแค่โม่เก๋อที่ไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ชาวซีซาร์เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
แต่ก็เห็นได้ว่าในมนุษยชาตินั้นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับอู๋ฮ่าวเหริน, ทำให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้
เขาคิดว่าถ้าข่าวนี้ได้ถูกส่งกลับไปที่สหพันธรัฐ, ต้องมีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อแน่ๆ
แน่นอนว่า, ปราศจากคำสั่งของอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว, พวกเขาก็ไม่สามารถเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปยังสหพันธรัฐได้เช่นกัน, เพราะในเวลานี้พวกเขาผูกพันอยู่ร่วมลงเรือลำเดียวกันกับอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น, ถึงแม้ว่าที่นี่จะล้าหลังก็ตาม, แต่เทคโนโลยีของอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ล้าหลังตามไปด้วย และเขายังมีแผนที่ดวงดาวอีกมากมาย, ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่านหัวหน้าของพวกเขาเป็นคนที่มีความลับอยู่อีกมากมาย
ทำให้มีคนที่เชื่อว่าจะต้องมีกองกำลังที่ทรงพลังอื่นคอยหนุนหลังท่านหัวหน้าที่มากความลับคนนี้อีกแน่ๆ
0 ความคิดเห็น