CF:บทที่ 689 วิ่งเต้น
เขตแดนที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังไปหานั้นเรียกว่า เขตแดนซีซ่าร์ ที่ซึ่งเป็นเขตแดนที่ใหญ่ที่สุดในโหยวโรหลาน ที่นั่นมีอารยธรรมที่โด่งดังมากๆอยู่ นั่นคือ อารยธรรมซีซ่าร์
ภายในอารยธรรมซีซ่าร์นี้ สิ่งที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้น ทหารซีซ่าร์ หรอก กลุ่มคนที่ทรงพลังมากๆขนาดต้านทานเหล่าอารยธรรมระดับสูงไหว
แต่หลังจากช่วงที่สงครามสงบลง ชนกลุ่มนี้ก็เริ่มที่จะไม่ติดต่อกับโลกภายนอกไปเอง
ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะกลายเป็นเขตแดนปิดไปแล้ว แต่อู๋ฮ่าวเหรินเองก็เข้าใจดีว่า เพราะเวลานี้ไม่มีสงคราม คนเหล่านี้จึงส่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากอารยธรรมของตนเองออกไปทั่วพันธมิตรจักวาล ทั้งนี้ก็เพื่อติดต่อกับฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ
จากนั้นพวกเขาก็จะส่งเหล่านักวิทยาศาสตร์และข้อมูลทางเทคโนโลยีกลับมายังเขตแดนซีซ่าร์แห่งนี้เพื่อเรียนรู้ถึงชาวอารยธรรมเป็นข้อแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเองก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ยามใดที่พวกเขาเข้าสู่สนามรบ ไม่ว่าใครก็ต้องพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย
ภายในของอารยธรรมซีซ่าร์ ที่นี่มีวิธีพิเศษที่ใช้ฝึกเหล่านักรบไว้อยู่ ไหนจะยังมียานรบแบบพิเศษ เพราะงั้นแล้วประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขานั้นจึงจัดได้ว่าหาตัวจับยากมากๆ
โดยเฉพาะหลังจากที่ชุดเกราะเป็นที่นิยมในภายหลัง ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกจนทำให้หลายๆอารยธรรมระดับสูงไม่อยากจะเผชิญหน้าด้วย
ถ้าอารยธรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาในเขตแดนซีซ่าร์แล้วล่ะก็ บางทีด้วยรูปลักษณ์และอัตลักษณ์ของอารยธรรมแล้ว อาจจะโดนเรียกว่า อารยธรรมแห่งการต่อสู้ เลยก็ได้
งานของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นง่ายมาก เขาเพียงต้องการเข้าไปยังอารยธรรมซีซ่าร์เพื่อตกลงข้อเสนอซึ่งกันและกัน จากนั้นก็จะขอให้พวกเขาช่วยส่งยานรบมาสนับสนุนเพื่อที่เขาจะได้แก้ปัญหาที่เกิดในโหยวโรหลานได้
แต่ก่อนอื่น เขาจำเป็นต้องหาให้ได้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาวบลูแมนภายในเขตแดนนั้น
วิธีการนั้นง่ายมาก เขาเพียงแค่ให้สำนักงานติดต่อเข้าไปยังเลนตี้ คาร์ลยังไม่ได้ครอบครองบลูสตาร์ เพราะงั้นพวกเขายังไม่สามารถปิดการสื่อสารได้
เพราะในสายตาของพวกเขา ช่วงเวลานี้ไม่มีใครในโหยวโรหลานสามารถทัดทานกำลังของอารยธรรมคาร์ลได้เลย
ในการที่เหล่าชาวบลูแมนจะสามารถรอดปลอดภัยได้ เหล่าอารยธรรมรอบๆ จำเป็นต้องช่วยกันเพื่อให้ชาวบลูแมนรอดจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้
อารยธรรมเหล่านั้น ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็พยายามเลี่ยงการเกิดความขังแย้งอันเป็นต้นเหตุของสงคราม
แต่โชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่า อู๋ฮ่าวเหรินกำลังจะเปลี่ยนแปลงมัน
หลังจากที่ได้รู้สถานการณ์จากเลนตี้ อู๋ฮ่าวเหรินก็กลับเข้าไปในระบบซองแดงอีกครั้ง เพื่อถามเกี่ยวกับชาวบลูแมน
กลุ่มคนภายในนั้นพยายามหาข้อมูลมาให้ อู๋ฮ่าวเหรินเองก็หาข้อมูลเพิ่มจากภายในกลุ่มนั้น และข้อมูลที่ได้มาก็เหมือนกับที่ๆเขารู้มาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ
ในวันเหล่านั้น ไม่มีการบันทึกเรื่องราวของชาวบลูแมนไว้ นั่นคงเป็นเพราะพวกเขาโดนขับไล่ออกจากดาวบรรพบุรุษโดยพวกอารยธรรมคาร์ลแน่ๆ
แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้ได้ ว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้มันแปลกจริงๆ
“ลืมมันไปซะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรผิดปกติขึ้น กลุ่มของพวกนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจำเป็นต้องรอดให้ได้ก่อน พวกเราต้องการคนเหล่านี้เพื่อมาสานฝันเทคโนโลยีในมือเราให้เป็นจริง”
เขาแสดงเจตจำนงค์ออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการคนพวกนี้เพื่อมาช่วยเขาพัฒนาเทคโนโลยี เพราะถ้าไม่ได้คนเหล่านี้ มันต้องใช้เวลาอีกนานกว่าเขาจะพัฒนาได้
ปัญหาในตอนนี้คือเขาพยายามรีบพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในอนาคต มีเพียงแค่เจ้าแห่งการเลียนแบบและทำซ้ำอย่างบลูแมนแห่งโหยวโรหลานเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้
และถ้าหากเขาได้มาซึ่งชาวบลูแมนทั้งหมดแล้ว เขาจะสามารถเร่งผลิตหลายสิ่งหลายอย่างได้มากขึ้นอย่างมาก บางทีเมื่่อเขากลับโลกไปในอีกซัก 1 ปี เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป
ยามที่ได้คิดถึงช่วงเวลานั้น มันก็ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินคิดถึงโลก คิดถึงครอบครัว คิดถึงภรรยา รวมไปถึงเหล่าพนักงานของเขาด้วย
แต่เขารู้ดีว่าถ้าสถานการณ์บนโลกถูกเปิดเผย ตัวตนของเขาเองก็จะถูกเปิดเผยไปด้วย และเมื่อนั้นสิ่งที่เขามีเองก็คงจะเปรียบเสมือนดาบ 2 คมที่คอยทำร้ายเขาไปด้วย
ณ เวลานั้น สภาพันธมิตรแห่งอวกาศไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่โลกเองก็ป้องกันอะไรไม่ได้เช่นกัน
หลังจากที่หาสถานการณ์ของเหล่าบลูแมนเรียบร้อยแล้ว อู๋ฮ๋าวเหรินก็เปลี่ยนไปใช้ยานอวกาศส่วนตัวลำเล็กแทน เพราะมันเร็วกว่ารวมไปถึงสามารถวาร์ปข้ามจักรวาลได้ง่ายๆด้วย
“ไปอารยธรรมทูลอสก่อน”
หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินถึงเขตแดนแห่งอารยธรรมทูลอสแล้วเขาก็รีบส่งข้อมูลไปยังผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของทูลอสทันที
องค์กรแห่งนี้ดูเหมือนกับองค์กรสหประชาชาติบนโลก มันสร้างขึ้นมาโดยการรวมหลายๆกองทัพเข้าไว้ด้วยกัน และตอนนี้พวกเขาทั้งหมด กำลังสับสนกันนิดหน่อย
“อู๋ฮ่าวเหริน...นี่ใช้อู๋ฮ่าวเหรินที่รู้ความลับของโบราณสถานหรือเปล่า?”
“ใช่ เขานั่นแหละ นายอยากจะเจอเขาไหม?”
“แน่นอน ข้อมูลที่เขาให้พวกเรามานั้นมีค่ามากๆกับการวิจัยอาวุธปัจจุบันของพวกเรามากๆ”
ไม่นานนัก อู๋ฮ่าวเหรินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ฐานใหญ่ของอารยธรรมทูลอสบนดาวโคดาร์
หลังจากที่เขาเข้ามาที่นี่แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่พูดอะไรไร้สาระกับรัฐบาลแห่งทูลอส เขาส่งข้อมูลบางส่วนไปให้พวกเขาทันที ทั้งนี้ก็เพื่อล่อตาล่อใจให้มาทำตามคำขอของเขา
“เพียงแค่ออกมาเพื่อช่วยกดดันอารยธรรมคาร์ลเท่านั้น ฉันจะให้ข้อมูลที่สมบูรณ์กับพวกนาย ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาชวนแค่พวกนาย ยังมีอีก 1 อารยธรรมที่จะมาร่วมกับเราด้วย เพราะงั้นขอให้มั่นใจว่ามีหลายๆอารยธรรมที่เหมือนนาย และพวกนั้นเองก็อยากจะกำจัดอารยธรรมคาร์ลอยู่แล้ว”
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันกับพวกเขาเสร็จแล้ว อู๋ฮ๋าวเหรินก็รีบออกจากทูลอสอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังอีก 1 ที่ต่อ
เขาทำเวลาได้ค่อนข้างดีและไม่ปล่อยให้เวลาไหลแบบสายน้ำ เมื่อเขาเข้าไปที่อารยธรรมไหนก็ตาม และถ้าอารยธรรมนั้นๆเกิดปฏิเสธ เขาก็จะรีบออกมาเลย
แน่นอนว่าภายใต้การล่อตาล่อใจของเทคโนโลยีต่างๆที่อู๋ฮ่าวเหรินครอบครองอยู่ มันทำให้อารยธรรมเหล่านั้นไม่อาจปฏิเสธได้
บางอารยธรรมก็อยากจะจับตัวอู๋ฮ่าวเหรินไว้อยู่แล้วเพื่อที่จะได้มาซึ่งเทคโนโลยีอยู่แล้ว
แต่โชคร้าย เมื่อพวกเขาพบว่ายานอวกาศของอู๋ฮ่าวเหรินสามารถวาร์ปข้ามอวกาศได้ตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้อารยธรรมเหล่านี้ล้มเลิกความคิดที่จะจับตัวเขาไปโดยสมบูรณ์
หลังจากที่ตะลอนไปทั้ง 9 อารยธรรมแล้ว เขาก็ได้ 5 อารยธรรมมาช่วยเหลือ ส่วนอีก 2 กำลังลังเล และอีก 2 ปฏิเสธในทันทีเพราะความกลัว
หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลต่างๆแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ปล่อยผ่านอารยธรรมที่เหลือ นั่นเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นอยู่ไกลเกินไปและถึงจะวิ่งเต้นไปก็ไม่มีความหมายซักเท่าไหร่
ตอนนี้เหลือเพียงอารยธรรมซีซ่าร์แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินให้ที่นี่เป็นที่สุดท้ายเพราะเขาอยากจะเข้าใกล้และร่วมมือกับซีซ่าร์ให้ได้
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเขตแดนที่กำลังพัฒนาอยู่แล้ว แต่ที่นั่นไม่มีใครเลยที่จะสามารถพัฒนากองทัพที่แข็งแกร่งได้
สำหรับแผนที่จะจัดจ้างทหารมาจากทั่วจักรวาลนั้น อู๋ฮ่าวเหรินล้มเลิกไปแล้ว วิธีนี้เสี่ยงเกินไปถึงแม้จะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าการยับยั้งชั่งใจในอารยธรรมอวกาศพวกนี้มันน้อย
เมื่อไหร่ที่เขาปล่อยแผนรับสมัครทหารรับจ้างพวกนี้ออกไป พวกอารยธรรมพวกนี้ต้องลุกขึ้นต่อต้านแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่กล้าที่จะยกผลผลิตทางเทคโนโลยีบางอย่างให้กับทหารที่มาจากอารยธรรมอื่นด้วย เพราะถ้ามันเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ เขาคงได้เจ็บหนักแน่ๆ
เขาต้องการที่จะหาอารยธรรมที่จะทำงานร่วมกันได้ จากนั้นก็จ้างทหารจากอารยธรรมนั้นๆ อย่างเช่น อารยธรรมซีซ่าร์นี้ เป็นอะไรที่เหมาะกับการร่วมงานด้วยมากๆ
นั่นก็เพราะว่า อารยธรรมนี้ไม่ได้มีความทะเยอะทะยานสูง เพียงแค่เพื่อการต่อสู้เท่านั้น สมเป็นอารยธรรมที่บ้าคลั่ง
นอกจากนั้น อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาสนใจอารยธรรมซีซ่าร์นั่นก็เพราะพวกเขานั้นซื่อสัตย์มากๆ ตราบใดก็ตามที่ไม่อนุญาตให้เข้าโจมตีอารยธรรมของตัวเอง พวกเขาก็จะไม่ก่อกบฏ
0 ความคิดเห็น