CF:บทที่ 688 เขตแดนโหยวโรหลาน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 688 เขตแดนโหยวโรหลาน

 

ที่บ้านเกิดของเลนตี้ เขตแดนดวงดาวโหยวโรหลาน ที่นั่นเป็นเขตแดนดวงดาวที่ค่อนข้างจะพิเศษ ทั่วทั้งเขตแดนนั้นเปรียบเสมือนสวนดอกไม้ที่เบ่งบานและใจกลางของเขตแดนนี้เองก็เป็นทุ่งดอกไม้ที่งดงามเช่นกัน

 

ในส่วนของดวงดาวที่เป็นจุดกำเนิดของชาวบลูแมนนั้น ถูกเรียกว่า บลูสตาร์ ซึ่งภาพรวมแล้วดาวดวงนี้เป็นเพียงดาวเล็กๆที่มีขนาดราวๆ 1 ใน 3 ของทุ่งดอกไม้เท่านั้นเอง

 

ไม่่เหมือนกับโลกที่เหล่ามนุษย์อาศัยอยู่ บนดาวแห่งนี้ไม่ได้มีเผ่าพันธุ์มากมายอาศัยอยู่ เพราะนอกจากสัตว์ป่าทั่วๆไปแล้วก็มีแค่ชาวบลูแมนเนี่ยแหละ

 

แต่กระนั้นอารยธรรมบนดาวดวงนี้ก็ไปไกลกว่ามนุษย์มากแล้ว เพราะเพียงแค่เขตแดนของพวกเขา ก็เอื้อต่อการสำรวจระหว่างดวงดาวอย่างมากแล้ว

 

ด้วยความพัฒนาอย่างต่อเนื่องของอารยธรรมคาร์ลที่อยู่บริเวณทุ่งดอกไม้ตรงส่วนกลางของเขตแดน อารยธรรมระดับกลางที่ค่อนข้างจะทรงพลังแห่งนี้เตรียมตัวที่จะพัฒนาไปเป็นอารยธรรมระดับสูงแล้ว เพราะงั้นช่วงนี้พวกเขาจึงไล่บี้และกลืนกินเหล่าชนกลุ่มน้อยต่างๆในเขตแดนอย่างบ้าคลั่งเลย

 

การที่ต้องเผชิญหนากับการไล่กินเช่นนี้ นอกจากการกักตัวและหนีออกจากเขตแดนแล้วก็คงไม่มีอะไรอื่นนอกจากความตาย

 

ในตอนที่เลนตี้กลับมายังบลูสตาร์และเริ่มที่จะเคลื่อนย้ายผู้คน แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่านายพลของทางอารยธรรมคาร์ลนั้นกำลังจับตามองชาวบลูแมนอยู่แล้ว

 

เขาต้องการที่จะจับตัวชาวบลูแมนไว้ แต่ด้วยเหตุผลที่น่ารังเกียจ นั่นเพราะว่าเขาเพียงแค่เห็นว่าชาวบลูแมนนั้นมีลักษณะแปลกหูแปลกตาเท่านั้น

 

ยานรบขนาดใหญ่ 2 ลำนั้นบินวนรอบบลูสตาร์ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกชาวบลูแมนหลบหนีได้

 

ด้านบนของยานรบนั้น เหล่าคอมมานเดอร์หลายคนต่างก็กำลังคุยกันเรื่องบลูสตาร์นี้ พวกเขาถูกส่งมาที่นี่ เอาจริงๆก็อึดอัดอยู่เหมือนกัน

 

เวลานี้เป็นเวลาของการขยายพื้นที่ของอารยธรรมคาร์ล การที่เริ่มขยายมายังดาวดวงนี้ นอกจากจะไม่ต้องใช้ทหารมากแล้วก็ยังได้ผลประโยชน์อีกด้วย

 

“นายรู้หรือเปล่าทำไมท่านนายพลคังเชนถึงอยากให้เราจับพวกบลูแมนนี่?”

 

“ไม่รู้ แต่นายพลคังเชนบอกให้เรารออยู่ที่นี่ เราจะปล่อยให้ชาวบลูแมนหนีไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น มีชาวบลูแมนที่เข้ามาจากข้างนอกพยายามจะอพยพคนจากที่นี่ออกไป”

 

ชัดเจนเลยว่าคนที่คอมมานเดอร์กิเลียดพูดถึงนั้นคือเลนตี้ มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาอยากจะศึกษาชาวบลูแมน แต่นั่นเพราะว่าเขาอยากจะทำให้อารยธรรมคาร์ลแข็งแกร่งขึ้น เพราะงั้นเลยสนใจพวกชาวบลูแมนเป็นพิเศษ

 

“ฮ่าๆๆ อย่ากังวลไปเลยท่านนายพล ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันของพวกบลูแมน พวกมันทำลายการปิดล้อมด้วยทหารของเราไม่ได้หรอก แล้วก็เจ้านั่นก็คงจะไม่เอาชีวิตของตัวเองมาทิ้งแบบนี้หรอก ใครก็ตามที่กล้าเยื้องย่างเข้ามาในพื่นที่ที่เรากันไว้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเข้ามาหาเรื่องกับอารยธรรมคาร์ลหรอก”

 

เขาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะถ้ายึดตามสถานการณ์ปัจจุบันของอารยธรรมคาร์ลนี้ โอกาสในการพัฒนาเป็นอารยธรรมระดับสูงมาถึงตรงหน้าแล้ว

 

ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ก็จะไม่มีอารยธรรมไหนที่กล้าต่อกรกับเขา

 

บนบลูสตาร์ เลนตี้นั้นอยู่ในเมืองสวรรค์ จุดศูนย์กลางแห่งบลูสตาร์นี้ เขากำลังถกปัญหากับผู้ปกครองแห่งบลูแมน

 

“ที่นี่ถูกห้อมล้อมไปด้วยยานรบของอารยธรรมคาร์ลหมดแล้ว เราไม่สามารถหนีออกจากบลูสตาร์ได้แล้ว”

 

“ผมรู้สึกผิดมากๆเพราะคิดว่านายพลคนนั้นแค่ต้องการแค่ศึกษาชาวบลูแมนอย่างพวกเรา เขาคงไม่ต้องทุ่มเงินมากมายเพื่อดักพวกเราทั้งบลูสตาร์หรอก”

 

“ถึงแม้ว่าเรารู้ว่าอะไรผิดพลาด แต่เราจะทำอะไรได้กัน? พวกเราไม่สามารถต่อสู้กับยานรบด้านนอกนั้นได้เลย พวกนั้นอยากจะฆ่าพวกเรา และเราเองก็ไม่มีกำลังที่จะต้านได้ด้วย”

 

คนเหล่านี้รู้ดีว่าไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนภายในโหยวโรหลานที่สามารถต่อต้านอารยธรรมคาร์ลได้

 

ในอดีต พวกเขายังพอมีศีลธรรมอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้ นั่นเพราะอารยธรรมคาร์ลต้องการที่จะเลื่อนระดับขึ้นเป็นอารยธรรมระดับสูง เพราะงั้นในตอนนี้พวกเขาขาดซึ่งศีลธรรมกันไปหมดแล้ว

 

อารยธรรมคาร์ลในตอนนี้ ต้องเร่งรีบที่จะขยายอาณาเขตสำหรับการเปลี่ยนเป็นอารยธรรมระดับสูง

 

มีคนกล่าวไว้ว่า ไม่ใช่แค่ภายในเขตแดนนี้เท่านั้น แต่บางอารยธรรมนอกเขตแดนเองก็ยังโดนคาร์ลตามไประรานด้วย

 

เลนตี้มองไปยังผู้คนที่ดูกังวลกันอยู่ เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

 

“ตอนนี้วพวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกทหารคาร์ลที่อยู่ด้านนอกนั้นต้องการจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่ ไม่งั้นจะตายยังไงเราก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำ”

 

“เลนตี้ นายเพิ่งกลับมา นายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้หรอก พวกเราส่งคนไปหลายคนแล้วเพื่อสืบหาข่าวมา แต่เมื่ออกไปก็ไม่มีข่าวอะไรกลับเข้ามาเลย”

 

การที่ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลได้นั้นมันเป็นอะไรที่ทำให้พวกเขากลัวมากขึ้นกว่าเดิมอีก

 

“โชคร้ายจริงๆที่ผมกลับมาช้า ถ้าผมสามารถเข้าร่วมกับฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เร็วกว่านี้ล่ะก็...พวกเราน่าจะกำลังอพยพกันแล้ว”

 

“นั่นไม่ใช่ความผิดของนาย ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จริงๆแล้วนายไม่ควรจะกลับมาช่วงวิกฤตนี้ด้วยซ้ำ”

 

เลนตี้พูดอะไรไม่ออก เขาส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ ตอนนี้มันคงหมดประโยชน์ที่จะพูดอะไรแล้ว

 

เขาไม่ได้คิดเลยว่าอู๋ฮ่าวเหรินกำลังตรงมาทางนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่กำลังมา หากแต่เขาได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเขตแดนนี้ไว้มากมายที่ซึ่งได้จากอนาคตด้วย

 

ข้อมูลเหล่านี้ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้ชัดและเข้าใจถึงการกระจัดกระจายของกองกำลังต่างๆบนเขตแดนโหยวโรหลานอีกด้วย

 

“อ่า มันแทบไม่เปลี่ยนไปเลย นายกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?”

 

ภายในกลุ่มซองแดง เหล่าผู้คนกำลังมองดูข้อมูลที่อู๋ฮ่าวเหรินรวบรวมมาพร้อมทั้งเปรียบเทียบกับข้อมูลในยุคของพวกเขาไปด้วย ซึ่งมันเปลี่ยนไปน้อยมาก

 

โชคร้ายที่ไม่มีการบันทึกเรื่องราวระหว่างอารยธรรมคาร์ลและชาวบลูแมนไว้

 

แต่ถึงจะมีบันทึกไว้ ยังไงก็น่าจะไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะมันชัดเจนแล้วว่าอู๋ฮ่าวเหรินได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสร์ไปเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงประวัติศาสตร์ของเขตแดนโหยวโรหลานเองก็ด้วย

 

สุดหล่อโคตรเจ๋งที่ไม่ได้ปรากฏตัวเป็นเวลานานพูดขึ้นมา “ขั้นแรกเลยนะ นายต้องหาทางที่จะรู้สถานการณ์ให้ได้ก่อน จากนั้นนายค่อยใช้ข้อมูลพวกนี้เพื่อหาอารยธรรมพวกนั้นต่อ แบบนี้จะทำให้นายสามารถใช้พลังของพวกเขาเพื่อมากดดันพวกล่าอาณานิคมนี่ได้”

 

ชายชุดเกราะเองก็พูดขึ้นแบบยุ่งๆ “สุดหล่อนี่พูดถูกแล้ว อารยธรรมคาร์ลช่วงนี้น่ะ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวเองกำลังจะยกระดับเป็นระดับสูงแล้วก็จริง แต่ถ้าเทียบกับอารยธรรมเพื่อนบ้านแล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากันนักหรอก”

 

แพนเซอร์นั้นชี้ไปทางอารยธรรมมากมายที่อยู่รอบๆเขตแดนโหยวโรหลานและพูดขึ้น “ดูนี่ อารยธรรมพวกนี้ดูแล้วน่าจะมีขุมพลังอยู่ในระดับกลางกัน ซึ่งนั่นจะบอกได้ว่าทำไมอารยธรรมคาร์ลถึงไม่กล้าขยายเขตแดนไปทางฝั่งพวกนี้นัก แล้วตอนนี้ที่คาร์ลเองกำลังพยายามเข้าสู่อารยธรรมระดับสูง แน่นอนว่าพวกที่อยู่รอบๆนี้ต้องนั่งเฉยไม่ได้แน่”

 

อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้ารับ เขาเข้าใจเรื่องนี้ ถ้าปล่อยให้อารยธรรมคาร์ลสามารถชิงความได้เปรียบนี้ไปได้ อารยธรรมอื่นๆก็จะโดนคาร์ลระรานแน่ๆ

 

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกอารยธรรม ที่ถ้าอยากจะก้าวขึ้นเป็นอารยธรรมระดับสูงจำเป็นต้องทำ นั่นคือการพัฒนาวัตถุดิบ เพราะงั้นพวกเขาจึงต้องขยายพื้นที่ออกไป ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ

 

อารยธรรมคาร์ลนั้นพร้อมเข้าเป็นอารยธรรมระดับสูงมากๆ เขาแผ่ขยายเขตแดนออกไปโดยไม่เกรงกลัวพวกอารยธรรมรอบๆเลยพร้อมๆกับการก่อสงครามเพื่อขจัดพวกเขาอีก

 

อย่างไรก็ตามถ้าเกิดเขาเข้าร่วมกับที่นี่ เขาจะทำให้อารยธรรมคาร์ลได้รู้เองว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง (น่าจะมาจาก ให้รู้ว่าทำไมเลือดถึงเป็นสีแดงแต่ผู้แปลมาฉุกคิด  พวกต่างดาวนี่เลือดสีอะไร? เลยใช้คำนี้แทน)

 

“ฮ่าๆๆๆ นี่มันเป็นความคิดที่ยอดไปเลย ฉันคิดว่าฉันควรจะเดินหน้าต่อ แล้วไปเจรจากับอารยธรรมนี้”

 

มองไปยังอารยธรรมที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดถึง เหล่าผู้คนในซองแดงนั้นต่างพากันประหลาดใจ ถ้าเกิดอู๋ฮ่าวเหรินสามารถได้มาซึ่งอารยธรรมนี้ มันจะทำให้อารยธรรมคาร์ลต้องโดนกดดันอย่างหนักแน่ๆ

 

นั่นเพราะว่าพวกเขารู้ดี ถึงอารยธรรมที่ไม่ได้โด่งดังนี้ มันสืบเนื่องมาจากผลของสงครามระหว่างอารยธรรมเมื่อนานมาแล้วภายในพันธมิตรจักวาล ถึงแม้ว่าอารยธรรมนี้จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่การเป็นอารยธรรมระดับสูงได้ แต่ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขานั้นเทียบเท่าอารยธรรมระดับสูงแล้ว

 

ถ้ายึดตามข้อมูลที่ปรากฏภายในสัมพันธมิตรอวกาศแล้วล่ะก็ อารยธรรมนี่...เกิดมาเพื่อต่อสู้โดยเฉพาะ

 

โชคร้ายที่ความเงียบสงบปราศจากสงครามนั้นทำให้พวกคนเหล่านี้เลิกที่จะติดต่อโลกภายนอก

 

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอันน้อยนิดในมือของอู๋ฮ่าวเหรินนี้ก็เพียงพอที่จะช่วยให้เขาได้มาซึ่งอารยธรรมนั้นแล้ว



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น