CF:บทที่ 673 มรสุม
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่า การที่เหล่าโบราณสถานนั้นปรากฏขึ้นมาจะสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนให้สนใจเจ้าสิ่งนี้ได้ เพื่อที่เขาจะได้เอาเวลาไปทำให้ตัวเองได้เปรียบในการพัฒนาขุมพลังแทน
แต่นั่น เหมือนว่าสวรรค์จะไม่เห็นด้วยการความหวังของเขา ดังนั้นแล้วปัญหาจึงกลับมาหาเขาอีกครั้ง
มองไปยังนายพลทั้ง 2 คนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเขา มิสต์และเซาโตร ผู้ที่สามารถทำงานร่วมกับเขาได้นั้นจะมีไม่กี่สิ่งหรอกที่ไปด้วยกันได้น่ะ
มิสต์นั้นอธิบายว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่นั้นก็เพื่อจะพูดถึงการที่โบราณสถานพวกนี้ปรากฏขึ้นมา ซึ่งมันเกี่ยวโยงกับอู๋ฮ่าวเหริน แถมยังบ่งบอกด้วยว่าตัวเขาได้เข้าไปยังที่แห่งนั้นพร้อมแผนที่แล้วด้วย
ถึงแม้ว่าโบราณสถานจะปรากฏขึ้นมาแล้ว แต่เพราะพลังงานอวกาศที่ห้อมล้อม ทำให้คนส่วนใหญ่นั้นได้แต่ดูอยู่ด้านนอกไม่สามารถเข้าไปภายในนั้นได้
“ท่านนายพลทั้งสอง ฟังนะ ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าไปในโบราณที่อยู่ในเขตดาวนั้นๆได้ แต่มันก็ยังมีจุดที่แผนที่ที่ไม่สมบูรณ์อยู่ นี่คิดหรือว่ามันจะเป็นไปได้สำหรับพวกนายเองถ้าเอาเรื่องนี้มาพูดน่ะ?”
อู๋ฮ่าวเหรินคิด ถึงแม้จะมีแผนที่ของโบราณสถานพวกนั้น ฉันก็ไม่กล้าหยิบออกมาให้ดูหรอกเฟ้ย!
“คุณอู๋ โบราณสถานที่ปรากฏขึ้นในซิ่วซิงหยู่นั้นน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า?” เซาโตรเอ่ยถาม
อู๋ฮ๋าวเหรินขมวดคิ้วและประหลาดใจที่คนๆนี้ถามแบบนี้ขึ้นมา
เขาไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดออกไป “มันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับฉันก็ได้ แต่ยังไงก็ตามนะ ฉันไม่มีส่วนที่เหลือของแผนที่อยู่ในมือหรอกนะ”
“ถ้าจะให้พูดถึงการที่โบราณสถานปรากฏขึ้นมาพร้อมๆกันล่ะก็ น่าจะมาจากการที่โบราณสถานในเขตแดนซิ่วซิงก็ได้”
“แล้วก็ แม้ว่ามันจะโผล่ขึ้นมาด้วยเหตุผลนั้นจริงๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่พวกนายจะมาหาฉัน ฉันมีแค่ชิ้นส่วนแผนที่ของอาณาเขตดวงดาวเท่านั้น ไม่มีของอย่างอื่น”
ยิ่งไปกว่านั้น นายเพิ่งจะบอกไปว่า โบราณสถานนั่นถูกปกป้องไว้ด้วยพลังงานบางอย่าง และไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
“เพราะเหตุนี้ไงพวกเราถึงมาหานาย เพราะมันดูเหมือนว่าพลังงานนี้ยังมีอยู่ในโบราณสถานนั้น ฉันไม่รู้ว่าคุณอู๋เปิดมันได้ยังไงตอนนั้น...”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คาดคิดเลยว่าทั้งสองนายพลนี่จะมาพบเขาด้วยตนเองเพื่อถามเรื่องนี้
“ตอนนั้นที่เข้าไปได้ก็เพราะว่าทำตามแผนที่น่ะ ฉันเจอมันซ่อนอยู่ที่ประตูโดยคนที่สร้างสถานที่นั้นๆขึ้นมา วิธีนี้ ต่อให้บอกพวกนายไปก็คงจะไม่ได้ผลหรอก”
หลังจากที่ได้ยินอู๋ฮ่าวเหรินอธิบาย ทั้งสองก็รู้สึกไม่ได้ประโยชน์อะไร พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะสามารถเข้าไปยังโบราณสถานได้หากมาถามอู๋ฮ่าวเหริน
แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หากมันเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก็ คุณอู๋คงต้องไปโบราณสถานเพื่อหาของล้ำค่าด้วยตัวเองแน่ๆ
มองไปยังทั้งสองที่กำลังจะออกไป อู๋ฮ่าวเหรินก็พูดขึ้น “สนใจหรือเปล่า? ฉันกำลังจะสร้างทีมสำรวจดวงดาวขึ้นมาเพื่อสำรวจเขตแดนดวงดาวที่ยังไม่มีใครรู้จักในช่วงเวลานี้น่ะ”
เซาโตรส่ายหัวในทันที เขารู้ถึงอันตรายของการสำรวจดวงดาวเป็นอย่างดี และการกระทำแบบนั้นเขาต้องการการสนับสนุนจากเศรษฐีรายใหญ่เท่านั้น
ครั้งหนึ่งที่การสำรวจเขตแดนดวงดาวนั้นมีค่าน้อยเอาเสียมากๆ มันเต็มไปด้วยความไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจอสิ่งที่มีประโยชน์จริงๆ มันก็อยู่ไกลเกินเอื้อม เปล่าประโยชน์เหมือนเดิม
ดังนั้นแล้ว การสำรวจเขตแดนดวงดาวที่ยังไม่มีใครเคยเจอมาก่อนนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกนักผจญภัยและพวกนายหน้าซะมากกว่า
มิสต์ที่แอบสนใจนิดหน่อยเอ่ยถามขึ้น “นั่นใช่แขตแดนที่นายกับลูโอก้ากำลังสำรวจด้วยกันหรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าลูโอก้าชิงเอาความได้เปรียบไปแล้ว”
“ไม่ ครั้งนี้ฉันต้องการจะสำรวจมันด้วยตัวเองเพื่อฐานที่มั่นในสัมพันธมิตรจักรวาลน่ะ นายรู้อะไรไหม? นอกจากเกราะแล้ว ฉันต้องการที่จะศึกษาแล้วก็สร้างยานอวกาศในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้”
ฐานที่ตั้งของเขาปัจจุบันนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสัมพันธมิตรจักรวาลก็จริง แต่มันก็อยู่ใกล้มากๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังถูกห้อมล้อมไปด้วยเขตแดนดวงดาวที่มีเจ้าของแล้วอีก ถ้าหากอู๋ฮ่าวเหรินต้องการจะพัฒนาอะไรเช่นนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำ
สำหรับยานอวกาศของอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว ทั้งสองไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งนี้ก็เกี่ยวกับเกราะของเขานั่นแหละ พวกเขารู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินสามารถกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในสัมพันธมิตรจักรวาลได้ด้วยผลิตภัณฑ์เหล่านั้น
แถมในตอนนี้ ยอดการสั่งชุดเกราะโดยเจ้าหน้าที่ทางการทหารบางคนก็ไม่ใช่น้อยๆด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนในสัมพันธมิตรจักรวาลจะน่าสงสารในเวลานั้น รายชื่อติดต่อเหล่านั้นอยู่ในมือของมิสต์และไม่มีใครกล้าที่จะหือกับนายพลผู้มีกองเรือขนาดใหญ่อยู่ในครอบครองหรอก
การที่ได้รู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินกำลังจะสร้างทีมสำรวจดวงดาวด้วยตัวคนเดียว มิสต์นั้นไม่มีความคิดเรื่องนี้เลย แต่ถ้าเป็นการสำรวจในเขตแดนของลูโอก้าล่ะก็ เขาก็ยังสนใจอยู่บ้าง
นั่นเพราะเขาได้ยินมาว่า ในเขตแดนที่อู๋ฮ่าวเหรินมีส่วนเกี่ยวข้องนั่นมีแผนที่อยู่ และนั่นทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดต่างๆนั้นมีน้อยมากๆ
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็แสดงสีหน้าเศร้าออกมา เขารู้ดีว่าข่าวพวกนั้นถูกจงใจปล่อยออกมาเพื่อที่จะทำร้ายเขา
ถึงแม้ว่าจะมีไม่กี่คนที่เชื่อข่าวนี่ แต่มันก็ไม่ดีแน่ๆสำหรับตัวอู๋ฮ่าวเหรินเอง
เขาตั้งใจจะสร้างขุมกำลังของตัวเอง ขณะที่คนอื่นๆกำลังสนใจอย่างอื่น แต่เหตุการณ์ในตอนนี้มันทำให้การกระทำต่างๆของเขากลายเป็นที่ถูกจับตามองแล้ว
ซึ่งจะทำให้การพัฒนาของเขามันยากขึ้นไปอีก มันยังมีบางสิ่งที่เขาเองไม่อยากให้ผู้อื่นรู้
เขตแดนอันคาลาน เมื่ออูริสขึ้นยานอวกาศและกลับไปยังครอบครัวของเขา เขาก็ได้ยินข้อมูลทุกอย่างของอู๋ฮ่าวเหริน
“พี่ใหญ่นี่ดังจริงๆ อยากจะให้ฉันคิดต่อเขาและไปสำรวจโบราณสถานพวกนั้นกับเขางั้นเหรอ? ลืมมันไปเลย มันอันตรายมากที่จะติดตามบอสไป มันจะดีกว่าที่จัดการปัญหาครอบครัวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปหาพี่ใหญ่ เขาสัญญากับฉันไว้แล้วนี่นา”
ในตอนนั้น ชายผู้ที่อายุเยอะกว่าอูริสก็เดินเข้ามา
เสียงที่ฟังดูมีบารมีพูดขึ้น “อูริส บอกมาซิว่าเจ้าไปที่โบราณสถานนั่นมา กับชายที่ชื่ออู๋ฮ่าวเหริน แล้วเขาก็ช่วยเจ้าออกมาด้วย ใช่เขาหรือเปล่า?”
“โธ่พ่อ ฉันบอกพ่อทุกอย่างไม่ได้นะ แล้วนี่พ่อจะถามทำไมเนี่ย?”
“เจ้าควรจะรู้ว่าข่าวของเขามันกระจายเต็มไปหมด”
“ฉันรู้แล้ว มันโผล่มาเต็มเครือข่ายรวมไปหมด ทำไมจะไม่รู้ล่ะ” เขาลืมตาขึ้นมามองพ่อของเขาและพูดต่อ “พ่อเองจะเชื่อข้อมูลพวกนั้นไม่ได้นะ!”
“ก็แค่ถาม”
“ฉันคิดว่าพ่อเชื่อข้อมูลพวกนั้นซะอีก มันชัดเจนเลยว่าข่าวพวกนั้นเนี่ยตั้งใจจะปล่อยมาเพื่อทำร้ายพี่ใหญ่ มันต้องเป็นพวกคนที่อยู่ในโบราณสถานแน่ๆที่ทำแบบนี้”
ขณะที่อูริสพูดกับพ่อของเขา ไกลออกไปในวังหลวงแห่งอัลต์แลนด์ กองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของอัลต์แลนด์ หลูวหยู่ที่สวมชุดเจ้าหญิงสีขาวสะอาดตากำลังยิ้มให้กับข่าวที่แพร่ออกมาล่าสุด
ในตอนนั้น หนุ่มน้อยที่คล้ายกับเธอมากๆก็ถือจอคริสตัลขนาดใหญ่และเข้ามาหาเธอ
“พี่หลูวหยู่ นี่ใช่พี่ใหญ่ที่พี่สาวพูดถึงหรือเปล่า?”
“ใช่แล้วหลัน เธอเชื่อหรือเปล่าล่ะ? เธออยากจะไปวิ่งเล่นกับพี่แล้วเจอกับความเสี่ยงมากมายบนท้องฟ้าระยิบระยับนั่นไหม?”
“แต่ท่านแม่พูดไว้ว่า ผมออกจากที่นี่กับพี่สาวไม่ได้ ไม่งั้นแล้วอาจจะหลงทางเพราะพี่แน่ๆ ในทางกลับกัน ภายนอกนั้นอันตรายมากๆ มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่คอยดักกินผู้คนอยู่ด้วย” หนุ่มน้อยพูด และเลียนแบบผู้เป็นแม่ไปด้วย มันดูตลกมากๆเลย
“งั้นก็แย่หน่อยนะ มันน่าเสียดายที่เธอไม่ได้ไปกับพี่ แบบนี้พี่คงขับยานให้เธอนั่งไม่ได้แล้ว”
“หลูวหยู่ ลูกซนอีกแล้วนะ นี่ลูกคิดจะลักพาตัวน้องชายไปด้วยงั้นเหรอ?” สาวสวยเดินเข้ามาและจ้องมองไปยังพี่สาวน้องชายคู่นี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังแววตาของหลูวหยู่แล้ว เธอก็รู้สึกได้เลยว่าต้องได้ปวดหัวกับลูกสาวตัวแสบนี่อีกแล้วแน่ๆ
ลูกสาวของเธอนั้นแก่เกินสอนแล้ว ไหนจะทั้งฉลาดแล้วก็ร่าเริง แถมยังสร้างแต่เรื่อง นี่ก็หนีออกจากบ้านไปเกือบจะพันครั้งแล้วด้วย
ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครเคยจับตัวเธอได้เลย เพราะด้วยความฉลาดและน่าปวดหัวเช่นนี้ เลยทำให้สำนักราชวังไม่รู้จะช่วยได้อย่างไรจริงๆ
“ใครไปสั่งห้ามพัฒนายานอวกาศของหนูกันน่ะคะ ท่านแม่ นี่คิดว่าหนูจะเอาไปลักพาตัวน้องเหรอ?”
“แล้วลูกจะเอายานอวกาศที่ทรงพลังมากๆไปทำอะไร? แต่เอาเถอะ เพราะพ่อของลูกได้จัดการกับหลายๆอย่างไว้ให้แล้วหลังรู้ว่าลูกจะไปยังสัมพันธมิตรอวกาศ”
หลูวหยู่ยิ้มที่มุมปาก ตอนนี้เธอจะแอบไปยังสัมพันธมิตรอวกาศแบบลับๆเพื่อเจออู๋ฮ่าวเหริน นั่นก็เพราะว่าเขานั่นรวยมากๆยังไงล่ะ!
อู๋ฮ่าวเหรินที่อยู่ไกลออกไปในสัมพันธมิตรจักรวาลจู่ๆก็เกิดหนาวสั่นขึ้นมาราวกับว่ามีใครซักคนบนโลกกำลังคิดถึงเขางั้นแหละ
0 ความคิดเห็น