CF:บทที่ 672 ทางออกที่ปลอดภัย
หลังจากที่พบแล้วว่าพลังงานของป้อมปราการกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบก้าวเท้าเร็วขึ้นเพื่อจะออกจากที่นี่
เมื่อพลังงานมันถูกสูบออกไปขนาดนี้ มันย่อมมีผลกระทบต่อการสังเกตการณ์ทั้งโบราณสถานอยู่แล้ว
ถ้าเขาไม่ออกตอนนี้ มันจะเป็นปัญหา เพราะพวกเราจำเป็นต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนที่พลังงานภายในจะหมดไป
“บอส ทางนี้มันต่างกับทางที่พวกเรามานะ”
“ไร้สาระน่า แค่ตามมาก็พอ แล้วก็ถ้าออกจากที่นี่ได้แล้ว พวกเราต้องแยกทางกันไป แล้วฉันจะติดต่อไปอีกทีหนึ่งหลังจากนั้น”
หลูวหยู่พูดต่อ “ถ้างั้นหลังจากที่ฉันออกไปได้แล้ว ฉันจะบอกแม่ฉันว่าจะไปยังที่ของนายละกันนะ”
หลังจากที่ได้ยินหลูวหยู่พูดดังนั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกมาตลอดว่าหลูวหยู่ต้องนำพาปัญหาบางอย่างมาให้เขาแน่ๆ
“ดี ถ้าเมื่อไหร่ออกไปได้แล้ว เธอกลับไปก่อนเลย”
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินและทั้งสองออกมา คนอื่นในโบราณสถานก็พบว่าปราการหลายแห่งนั้นกำลังพังทลายลงมา
ในการเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นอะไรที่ทำให้เหล่าคนที่อยู่ภายในโบราณสถานตื่นเต้นกันมากๆ ในเมื่อภายในนี้ไม่มีป้อมปราการที่คอยขัดขวางพวกเขาแล้ว ดังนั้นหมายความว่าพวกเขาสามารถสำรวจโบราณสถานแห่งนี้ได้ตามใจชอบ
คนเหล่านี้ไม่ได้คิดเลยว่า หากไม่ออกไปตอนนี้ ยามที่พลังงานของโบราณสถานหมดไปจริงๆ พวกเขาจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ถ้าไม่มีใครช่วยออกไป
อู๋ฮ่าวเหรินพาพวกของเขาไปยังที่ๆพวกเขาเข้ามา และมองไปยังพลังงานจักรวาลที่กำลังลดทอนลงเรื่อยๆ
“หลังจากออกไปแล้ว พวกนายต้องติดต่อทางครอบครัวให้มารับกลับนะ เพราะฉันจะไม่ได้อยู่กับพวกนาย”
ทั้ง 2 ที่ติดตามอู๋ฮ่าวเหรินมานั้นตื่นเต้นจนกระทั่งออกมาจากที่แปลกๆได้ และเมือพวกเขาหันกลับไปก็พบว่าเส้นทางที่เพิ่งผ่านมามันพังทลายไปหมดแล้ว
เมื่อพวกเขาออกมาจากโบราณสถาน ความสงสัยมันอัดแน่นอยู่ในหัวเต็มไปหมด แต่กระนั้นอู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟัง
หลังจากที่ชัวร์แล้วว่าทั้งสองจะติดต่อทางครอบครัวให้มารับกลับไป อู๋ฮ่าวเหรินก็ลาจากทั้งสองและลอยเข้าไปยังยานอวกาศที่ควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์ของเขาเลย
มองไปยังยานรบขนาดใหญ่บนฟ้าฟ้าที่ระยิบระยับด้วยดวงดาว อู๋ฮ๋าวเหรินก็เข้าใจได้เลยว่าพวกอารยธรรมชั้นสูงกำลังรวมตัวกันเพื่อเข้าโจมตีโบราณสถานแห่งนี้
เมื่อกลับเข้าไปยังยานอวกาศของเขาได้ อู๋ฮ่าวเหรินก็ตรงเข้าไปสั่งการทันที “จี้ ออกจากที่นี่”
ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่แห่งความถูกต้องและผิดพลาดไปแล้ว
มันจะยิ่งอันตรายถ้าหากเขายังอยู่ที่นี่นานกว่านี้
ดูจี้แล้วก็นึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่เขาหายเข้าไปในโบราณสถาน พอคราวนี้ได้มองโบราณสถานจากด้านนอกมันก็เหมือนกับที่เขาคิดไว้ไม่น้อยเลย
อารยธรรมชั้นสูงทั้ง 3 นั้นพร้อมที่จะโจมตีโบราณสถานทุกเมื่อ กองทัพเล็กๆมากมายถูกจัดการไปโดยคนเหล่านี้
ในเวลาอันสั้นหลังจากที่อู๋ฮ๋าวเหรินออกไปแล้ว ใครบางก็ก็ออกมาพร้อมกับบอกทัพใหญ่เหล่านี้เพื่อให้รออู๋ฮ๋าวเหรินออกมา
คำพูดที่บอกว่า ใครบางคนในนั้นมีแผนที่ของโบราณสถานแห่งนี้มันทำเอาพวกเขานั่งไม่ติดเก้าอี้
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เร่งไล่โจมตีภายในโบราณสถานและส่งคนลงไปควานหาตัวอู๋ฮ่าวเหรินด้านใน
สำหรับพวกเขาแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินนั้นก็คือวันถุดิบชั้นใด ที่ซึ่งถ้าหากจับตัวไปได้ก็จะสามารถเค้นเอาเทคโนโลยีเกราะไปได้
ดังนั้นแล้วทัพใหญ่พวกนี้จึงเร่งระดมคนสำรวจให้มากที่สุด เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากให้เขาตกเป็นของใครทั้งนั้น
เมื่อข่าวคราวของอู๋ฮ่าวเหรินกลับถึงฐานที่มั่นของตนเองแล้วกระจายเข้าหูพวกเขาในหลายวันให้หลัง
มันก็ทำให้พวกเขาพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว นี่เจ้านั่นหนีออกไปนานแล้วงั้นเหรอ…
อู๋ฮ่าวเหรินที่ซึ่งเพิ่งจะถึงบริษัทของตนเองได้ยินข่าวว่าโม่เก๋อเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน และครั้งนี้เขาก็กลับมาพร้อมกับสมาชิกที่มากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ซะอีก
“บอส ฉันพาคนที่บอสบอกมาให้แล้ว คนพวกนี้ผ่านการทดสอบของฉัน แล้วก็กายภาพของพวกเขาไม่แย่ไปกว่าที่บอสพูดเลย”
“มันดีมากๆ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะทำงานนี้สำเร็จเกินคาดแบบนี้ กำลังขาดคนพอดี”
“บอส ไม่ได้ลืมอะไรใช่ไหม?” โม่เก๋อย้ำเตือน
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังเขาแล้วก็เข้าใจทันทีว่าเขาพูดถึงอะไร
“ไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อสัญญาแล้วก็ต้องเป็นสัญญา ฉันจะทำให้แน่ๆ หลังจากนี้นายช่วยตามฉันไปเอาอุปกรณ์บางอย่างหน่อย แล้วให้คนพวกนี้ฝึกซ้อมกับเจ้าเครื่องนี้ก่อนเลยนะ บอกเขาว่านี่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพร่างกายของพวกเขาได้ในเวลาอันสั้น”
มองไปยังโม่เก๋อที่กำลังจะออกไป อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบไปหยุดเขาก่อนจะพูดขึ้นอีก “ให้คนพวกนี้รู้ถึงเรื่องการพัฒนาอาณาเขตดวงดาวด้วย เพราะว่าก้าวต่อไปของบริษัทเราส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพัฒนาอาณาเขตดวงดาว”
โม่เก๋อถามกลับด้วยความตกใจ “บอส อยากจะเปิดอาณาเขตดวงดาวเหรอ?”
“เปิดไปแล้วต่างหาก ฉันกำลังทำงานรวมกับคนอื่นเพื่อเปิดอาณาเขตนี้”
ได้ยินคำพูดของอู๋ฮ่าวเหรินก็ทำเอาโม่เก๋อสับสน เขารู้สึกว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจผู้เป็นนายทั้งหมดจริงๆนั่นแหละ
ทำไมคนๆนี้ถึงพูดเรื่องการเปิดอาณาเขตดวงดาวเหมือนเป็นเรื่องที่ทำได้ทั่วๆไปแบบนี้นะ
โม่เก๋อออกไปพร้อมกับคำถามเต็มหัวไปหมด จากนั้นอู๋ฮ่าวเหรินก็เรียกตัวผู้อำนวยการมาลีฮาเข้ามาเพื่อบอกเขาเรื่องชุดเกราะสำหรับการต่อสู้
ประเด็นหลักนั้นพูดถึงทิศทางการวิจัยครั้งต่อๆไป ซึ่งนั่นทำให้มาลีฮาเองตื่นเต้นมากๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่าปัญหาที่แก้ไม่ตกมานานจะสามารถแก้ได้ด้วยวิธีง่ายๆเช่นนี้
“ดีเลย แล้วเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
อู๋ฮ่าวเหรินเปิดเครือข่ายข้อมูลรวมขึ้นมาด้วยความสงสัยสุดๆ มองไปยังข่าวที่แพร่อยู่ภายในเครือข่ายนั้นมันก็ทำเอาเหลือเชื่อมากๆ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโบราณสถานพวกนี้ถึงได้โผล่พรวดขึ้นมาแบบนี้?”
อู๋ฮ่าวเหรินสับสนเล็กน้อย เขารู้สึกแปลกๆ นั่นก็เพราะหากตามที่คำนวน โบราณสถานเหล่านี้ไม่ควรปรากฏขึ้น ณ ตอนนี้
หลังจากที่คิดวนซ้ำอยู่พักใหญ่ๆเขาก็ตรงเข้าไปยังกลุ่มซองแดงและเอาข่าวนี้ไปให้พวกคนในนั้นดู
“ดูนี่ เกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องนี้มันแปลกๆนะ นายมั่นใจได้แค่ไหนว่าโบราณสถานพวกนี้ปรากฏขึ้นมาจริงๆ”
“ข่าวนี้มาจากรัฐบาลผสม เพราะงั้นแล้วไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องข่าวปลอม แต่ปัญหาตอนนี้คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับความเปลี่ยนแปลงนี้?”
บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟคนั้นมันร้ายแรงขนาดทำให้โบราณสถานกว่า 20 แห่งโผล่พรวดขึ้นมาในทีเดียว แถมโบราณสถานพวกนี้ยังเป็นที่ที่สำคัญมากๆเสียด้วย
“ในเมื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว นายต้องระวังตัวเองให้มากขึ้นแล้วล่ะ”
แต่เดิมแล้วพวกเขาจะให้อู๋ฮ่าวเหรินเข้าสำรวจทีละแห่งๆ แต่ในกรณีแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะให้เขาเข้าไปสำรวจด้วยตัวเองที่ละแห่งแบบที่วางไว้
แต่อย่างไรก็ตาม การที่โบราณสถานต่างพากันปรากฏขึ้นมาเช่นนี้ก็เป็นเรื่องดีของอู๋ฮ่าวเหรินเช่นกัน คงจะบอกได้ว่า ตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจเรื่องราวในอดีตนี้หมดแล้ว ดังนั้นไม่มีใครที่จะมาทำตัวมีปัญหาหรอก
ตราบใดก็ตามที่มันทำแล้วสร้างสิ่งดีๆขึ้นได้ ณ เวลานั้น มันจะยิ่งช่วยทำให้เขาพัฒนาบริษัทได้เร็วขึ้น
หลังจากที่พูดคุยกับกลุ่มคนในซองแดงเสร็จแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่งข้อความไปยังตระกูลเล็กๆ เพื่อถามพวกเขาถึงความเคลื่อนไหวของการโจมตีกองกำลังของตระกูลอัลตารอบแรก
ในกรณีนี้ เขาจะนำมาซึ่งความได้เปรียบในการพัฒนาฐานที่มั่นที่ 2 ของเขา มันมีหลายสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในฐานนี้
ตัวอย่างเช่น การผลิตอาวุธพิเศษบางอย่าง หรือการสร้างกองกำลังติดอาวุธหนัก หากของพวกนี้เข้าหูสภารวมล่ะก็ มันคงจะได้กลายเป็นปัญหาแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น การที่จะสร้างยานอวกาศจำเป็นต้องมีพื้นที่ระดับหนึ่งเลย ไม่งั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนายานอวกาศเพื่อไปยังอาณาเขตดวงดาวอื่นๆเป็นแน่
แต่เดิมแล้วเขาก็มีอาณาเขตดวงดาวที่ใช้งานร่วมกับลูโอก้าอยู่ ซึ่งมันค่อนข้างจะเหมาะกับการสร้างฐานที่มั่นที่ 2 มากๆ หากแต่ว่าฝ่ายพัฒนาของลูโอก้านั้นค่อนข้างจะช้าเอาเสียมากๆเช่นกัน ดังนั้นแล้วเขาไม่มีเวลามากพอที่จะรอไปเรื่อยๆเช่นนี้
เพราะฉะนั้น อู๋ฮ่าวเหรินจึงตัดสินใจที่จะพัฒนาอาณาเขตดวงดาวขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง
0 ความคิดเห็น