CF:บทที่ 669 ห้อมล้อม
ทางออกที่อู๋ฮ่าวเหรินที่จะต้องออกมาจากอาคารนั้นมีผู้คนยืนรออยู่เป็นจำนวนมาก หนำซ้ำพวกเขาก็รอพร้อมอาวุธครบมือกันเลยด้วย
คิลและสติงก์และเหล่าผู้ที่หนีออกมาต่างก็ถูกขวางไว้ที่นี่
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มั่นใจ ใครบางคนขวางทางเราอยู่”
“นายวิ่งออกไปไม่ได้เหรอ?”
“มันยากที่จะออกไป คนพวกนั้นมีชุดเกราะ ถ้าเราออกไปแบบนี้มีหวังได้กลายเป็นก้อนเนื้อพร้อมเสิร์ฟในภัตตาคารแน่”
“มีคนไปถามพวกนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกหรือยัง?”
“มีแล้ว ได้ข่าวมาว่าพวกนั้นคือคนที่อยู่ภายใต้การสังเกตุของยานเหาะ ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นเอาข้อมูลและรู้ที่อยู่พวกเราได้อย่างไร พวกนั้นคิดว่าเราเอาสมบัติมาแล้ว และจะให้ส่งต่อ”
“ไม่นะ พวกเราไม่เห็นว่าจะมียานเหาะอยู่ข้างนอกนั่นเลย” 1 ในผู้หลบหนีพูดขึ้น
“บางทีพวกนั้นอาจจะหาทางเก็บเจ้ายานนั่นไปแล้ว แล้วถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราเองก็จะออกไปไม่ได้ทั้งหมดด้วย แต่ข้างหลังก็มีสัตว์ประหลาดอยู่ มันยากที่จะกลับไปจริงๆนั่นแหละ”
หลังจากที่ได้ยินข้อมูลดังนั้น คิลและสติงก์ก็มองหน้ากันและเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินออกมาได้ล่ะก็ พวกเขาทั้งสองคนคงไม่มีโอกาสได้หนีอีกแน่
ในทางตรงข้าม พื้นที่ว่างด้านในนั้นก็นับว่าค่อนข้างใหญ่ ตราบใดก็ตามที่คุณซ่อนอยู่ที่ไหนซักที่ภายในนั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะโดนหาเจอ
แต่กระนั้น นั่นก็เพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินมีหุ่นยนต์ขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ารู้แบบนี้แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะตัดใจเลิกแอบเลยก็ได้
ใครซักคนออกไปยืนตรงทางออกและพูดขึ้น “ฉันคือ 1 ในสมาชิกของตระกูลเมฆาแห่งดินแดนฝ่าเท้าเมฆา ด้านนอกโบราณสถานแห่งนี้ มียานรบประจำตระกูลเทียบท่าอยู่ ถ้าเกิดนายฆ่าฉัน ข่าวนี่จะแพร่กระจายออกไป และพวกนายก็จะตาย!”
“อย่างี่เง่าน่า นายไม่ใช่คนจากพื้นที่ฝ่าเท้าเมฆาอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่นายกล้าที่จะออกมา ฉันก็กล้าที่จะฆ่านายล่ะวะ!”
หยุนเทียนเชิงที่เตรียมจะวิ่งออกไปแล้วกลับถูกใครบางคนคว้าเขากลับไปและเตือนเขา “นี่มันเป็นร้ายแรงอยู่นะ ถ้านายออกไปล่ะก็ พวกนั้นฆ่านายจริงๆแน่”
“ได้ยินมาจากคนที่อยู่ด้านใน ว่าพวกนายนั้นไม่เคารพกฏของโบราณสถานแห่งนี้ แถมยังกล้าขโมยของล้ำค่าไปอีก แล้วก็ไหนจะยังทำให้โบราณสถานเกิดความเสียหาย รวมถึงทำลายยานเหาะด้วย และที่หนักที่สุด พวกนายพยายามที่จะส่งพวกฉันออกไปข้างนอกด้วยวิธีนั้น ถ้าพวกนายไม่ยอมส่งของล้ำค่ามา พวกนายก็จะออกจากที่นี่ไม่ได้!”
“ใช่! พวกเราไม่ได้อะไรเลย! ทั้งๆที่เราพยายามหลบหลีกการตรวจเจอของยานเหาะและตามหาของในทางที่พวกเราทำได้ แต่พวกนายดันมาโจมตียานเหาะนั่นและทำให้พวกเราต้องถูกส่งออกไป พวกนายมันเห็นแก่ตัวที่เอาผลประโยชน์ไปจนหมด!”
“อย่าปล่อยให้พวกนี้ออกไปได้! จนกว่าจะส่งของมีค่ามาให้เรา!”
จริงๆแล้วคนพวกนี้คือคนที่อยู่ข้างนอก แต่เพราะคนที่อยู่ภายในนี้กลัวว่าถ้าออกไปแล้วจะถูกฆ่า มันทำให้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ พวกมันต้องจ้องที่จะเข้ามาเดินสำรวจภายในโบราณสถานอย่างอิสระโดยไม่ต้องทำภารกิจให้สำเร็จก่อนแน่ๆ เริ่มจะอิจฉาขึ้นมาแล้วแฮะ
“มีทางออกอื่นอีกมั้ย?”
“ไม่รู้ เราได้ข้อมูลนี่มาจากคนอื่นอีกที”
“ฉันก็ด้วย ได้ข้อมูลมาจากคนอื่นอีกที”
“ดี...ฉันเองก็ด้วย”
“...”
ไม่นานมันก็ทำให้รู้ว่าคนพวกนี้ได้ข้อมูลมาจากคนอื่นอีกทีกันหมด
“ไอ้บ้าเอ้ย ไม่ใช่ว่าเราถูกหลอกเหรอ? พวกนั้นล่อให้เรามารวมกันที่นี่ จากนั้นก็ฆ่าเรา!”
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครมันปล่อยข้อความ ฉันจะฆ่ามัน!!”
ชายผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีกับหลี่หยางถาม “ฉันได้ข่าวมาจากนาย นายรู้หรือเปล่าว่าข่าวนี้มาจากไหน? หาคนที่ปล่อยข่าวแล้วฆ่ามันกันเถอะ”
หลี่หยางมองไปยังเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นราวกับกำลังกระโดด ทั่วทั้งร่างประดับประดาไปด้วยความกลัวเต็มไปหมด
“อ่า ฉันเองก็ได้ยินมาจากคนอื่น แถมไม่ได้ใส่ใจมากด้วยสิตอนนั้น เพราะงั้นเลยจำไม่ได้ว่าใครพูดน่ะ..”
ยินตงเองก็เจอกับปัญหาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินข่าวมาจากเขา
ตอนนี้หากพวกเขายอมรับว่าข่าวที่แพร่กระจายนั้นเป็นฝีมือของเขาและหลี่หยางล่ะก็ พวกเขาคงได้กลายเป็นเศษเนื้อบนจานแหงๆ
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ พวกเขาจึงค่อยๆย่องกลับมา
เหมือนจะต้องปรึกษากันหน่อยแล้วว่าจะทำยังไงต่อ
“เอาไงล่ะทีนี้?” หลี่หยางพูดด้วยใบหน้าเศร้า
“ฉันไม่สามารถยอมรับได้ว่าข่าวนั้นมาจากพวกเรา เพราะถ้าพูดไปพวกนั้นไม่ฟังเราอธิบายแน่ๆ”
“แต่ถ้าพวกนั้นตรวจสอบ ยังไงพวกเราก็ต้องโดนจับได้อยู่ดี เราต้องหาใครซักคนเพื่อที่จะโยนเรื่องนี้ให้นะ”
“คนที่อยู่ในนั้น...หากเราพูดว่าเรื่องพวกนี้พวกนั้นเป็นคนทำล่ะ?”
“เป็นความคิดที่ดี ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะไปปล่อยข่าวกันทีหลังละกัน”
พวกเขาเริ่มหาเหตุผลมาพูดว่าทำไมอู๋ฮ่าวเหรินถึงทำมันและจุดประสงค์ที่ทำ
ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วอู๋ฮ่าวเหรินจะเป็นคนทำลายยานเหาะนั้น แต่ในสายตาของพวกเขาก็แค่เชื่อว่าอู๋ฮ่าวเหรินเป็นคำทำลายยานเหาะเท่านั้น
พวกเขาไม่รู้เลยว่า พวกเขาเองได้เผชิญหน้าอยู่กับนักฆ่าที่ทำลายยานเหาะโดยบังเอิญไปแล้ว
เร็วๆนี้ข่าวใหม่ก็กระจายเข้าไปยังกลุ่มที่ดูวุ่นวายอีกครั้ง และมันจงใจให้เป็นแบบนี้ ไม่มีใครที่ไม่ได้ยินข่าวนี้
ภายใน อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังร่างของสัตว์ประหลาดที่นอนตายอยู่บนพื้น เขาอยากจะส่งร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ทั้งตัวเข้าไปยังระบบซองแดงเพื่อให้นักวิจัยตรวจสอบ แต่โชคไม่ดีที่มีทั้ง 2 คนมองอยู่
เพราะงั้นแล้วเขาจึงทำได้แค่ส่งชิ้นส่วนนิดหน่อยๆผ่านทิชชู่เข้าไปในระบบอีกทีหนึ่งเพราะให้คนเหล่านั้นได้เรียนรู้
สายตาของอูริสนั้นเปล่งประกายและมองไปยังเกราะของอู๋ฮ่าวเหรินแบบไม่วางตาเลย เขาอยากจะถอดมันออกแล้วนำมาใส่บนตัวเขาเองจริง
“ชุดเกราะทั้งเท่แล้วก็แข็งแกร่งสุดๆไปเลย ถ้าฉันได้สวมชุดปฏิบัติการแบบนั้นบ้างคงจะมีสาวๆมาติดตรึมแน่ๆ”
หลูวหยู่มองไปที่เขาอย่างเหยียดหยามก่อนจะหันกลับมามองที่เกราะของอู๋ฮ่าวเหรินเช่นกัน ในสายตาของเธอ เธอเองก็อยากจะปลดเกราะของเขาออกและนำมันไปศึกษาวิจัยอยู่นะ
อู๋ฮ่าวเหรินหันกลับมามองและพูดขึ้น “ดีล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราก็ไปกันเถอะ”
“พี่ใหญ่ ไอ้ชุดที่แกร่งๆนั่นซื้อจากไหน พอจะบอกฉันได้ไหม?” อูริสถามห้วนๆ
“มันไม่มีขายหรอก แต่ว่านะ ถ้าหากนายยอมรับข้อเสนอของฉันล่ะก็ ฉันจะให้นายชุดนึงก็ได้นะ”
“จริงดิ!?”
“แน่นอน”
“ได้! ตราบใดก็ตามที่ข้อเสนอนั่นไม่ใช่ให้ฉันไปฆ่าใครหรือทำลายความสนใจของตัวเอง ฉันสัญญาได้!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้นายทำอะไรแบบนั้นหรอก ข้อเสนอของฉันน่ะ เป็นผลดีกับนายด้วยนะ”
“ถ้างั้นฉันรับเลย!”
ในตอนนั้น หลูวหยู่เองก็เข้ามาพูดด้วย “งั้นให้ฉันด้วยได้หรือเปล่า ด้วยข้อเสนอเดียวกันกับหมอนั่น?”
“เธอไม่จำเป็นต้องทำ หลังจากที่ออกจากที่นี่ได้แล้ว ถ้าเธอกลับไปกับฉัน ฉันจะให้เธอด้วยชุดนึง”
ได้ยินอู๋ฮ่าวเหรินพูดเช่นนั้นและมองไปยังท่าทีที่ดีใจสุดๆของหลูวหยู่ อูริสก็คิดกับตัวเอง.... ทำไมช่องว่างระหว่างเราถึงได้ห่างกันขนาดนี้นะ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะพูดออกไปตรงๆหรอก เขาไม่กล้าที่จะแข็งข้อกับอู๋ฮ่าวเหรินและหลูวหยู่ซักเท่าไหร่
“แล้วตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมพวกคนยังไม่ไปกันอีก?”
“หรือว่าพวกนั้นรอเราอยู่เหรอ? รอแปปนึงนะ เดี๋ยวไปหาข่าวมาให้” อูริสพูด
ไม่นานนักเขาก็กลับมาพร้อมกับพูดแบบกระซิบ “พวกนั้นไม่ได้รอเรา แต่เหมือนจะถูกบล็อคไว้จากพวกข้างนอก คนจากข้างนอกปิดทางออกเราไว้”
“แต่...”
“แต่อะไร พูดต่อสิ”
“มันมีข่าวมาอีกว่า นายคือ 1 ในคนที่ส่งข่าวออกไปและพยายามจะฆ่าทุกคน แถมยังบอกด้วยว่านายคือคนที่ทำลายยานเหาะพวกนั้นด้วย...”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่คาดคิดเลยว่าจะมีข่าวแบบนี้ถูกปล่อยออกไป สิ่งแรกที่เขาคิดนั้น คือต้องเป็นพวกนักฆ่านั่นแหละๆ แต่เพียงไม่นานก็ต้องสลัดความคิดทิ้งไป
เพราะข่าวนั้นไม่ควรมาจากพวกนักฆ่า เนื่องจากพวกเขาควรจะมาฆ่าอู๋ฮ่าวเหรินด้วยตัวเองไม่ควรใช้วิธีนี้
อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มจะปวดหัวขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะทั้งคนจากข้างนอกและข้างใน ตัวเขาเองอยากจะออกไปโดยพาอูริสและหลูวหยู่ไปด้วย ดังนั้นแล้วเขากำลังเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วล่ะ
0 ความคิดเห็น