CF:บทที่ 670 ฝ่าออกไป
ทั้งสามยืนอยู่มุมที่ไม่ไกลจากความวุ่นวายนัก ดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงนั้นและพยายามหาหนทางที่จะออกไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ถึงแม้ว่าจะมีทางออกที่ 2 ณ ที่แห่งนั้น แต่โชคร้ายที่ทางที่จะไปซึ่งทางออกนั้นยังไม่มี
“มีคนอยู่ข้างนอกเยอะมากๆ พวกนั้นขวางทางออกอยู่ แล้วก็มีพวกที่พยายามจะออกไปอยู่ด้วย ถ้าให้เดานะ พวกนั้นคงถูกจับแล้วก็บังคับให้ส่งของมีค่าให้แน่ๆ”
“ยังไงก็ตาม อีกข่าวหนึ่งนั่นไม่รู้ว่าจริงแท้ขนาดไหน มันบอกว่าคนที่อยู่รอบๆทางออกนั้นคือคนที่ทำภารกิจเสร็จแล้วแบบตามขั้นตอนทุกอย่าง”
“โฮ่ งั้นคนพวกนั้นก็จัดการกับยานเหาะด้วยงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่รู้นะ แต่ข้างนอกไม่มียานเหาะอยู่เลย”
ได้ยินว่าด้านนอกไม่มียานเหาะอยู่อู๋ฮ่าวเหรินก็สบายใจขึ้นหน่อย หากว่ามันมียานเหาะอยู่ข้างนอก เขาคงไม่กล้าที่จะออกไป
ดูเหมือนว่าคนที่เข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้ แล้วยังอยู่ได้จนถึง ณ ตอนนี้คงไม่ใช่พวกโง่
“ดี 2 คนนั้นซ่อนตัวอยู่แถวนี้ด้วย และเหมือนว่าจะออกไปไม่ได้เหมือนกัน”
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังข้อความที่หุ่นยนต์ของเขาส่งมา แล้วก็เริ่มชั่งใจที่จะฆ่า 2 คนนี้ก่อน
แต่ในทางเดียวกัน เขาก็ยังสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวให้ผู้คนมารวมกัน ณ ที่แห่งนี้
“บอส ฉันเห็น 2 คนนี้อยู่ในกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ยินด้วยว่าคนพวกนี้มาที่นนี่หลังจากได้ยินข่าวว่านายมีแผนที่ของโบราณสถานอยู่ในมือ”
มองภาพเสมือนของ 2 คนที่อูริสเปิดให้ดู อู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าใจว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปล่อยข่าว
รู้แล้วว่าตอนนี้ควรจะฆ่าใครดี
เขาคงจะให้ข้อมูลอื่นๆรั่วไหลไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะงั้นคงต้องปิดปากพวกนี้เร็วๆ
ในตอนแรก อู๋ฮ่าวเหรินก็สงสัยว่าอาจจะมีคนมาเห็นเขาตอนทำลายยานเหาะก็ได้ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าไม่มีคนเห็นแน่ๆ
“ไปกันเถอะ ไปหา 2 คนนั้นก่อน จากนั้นค่อยออกจากที่นี่”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดถึงนักฆ่าทั้ง 2 คนก่อนจะได้ความคิดขึ้นมา ตราบใดก็ตามที่จับพวกนั้นได้ก็น่าจะใช้พวกนั้นเรียกร้องความสนใจได้
ซึ่งในกรณีนี้ มันคงลดความเสี่ยงได้ถ้าจะให้อูริสและหลูวหยู่ อยู่ที่นี่ไปซักพัก
แน่นอน
มันจะดีกว่าถ้าได้ฆ่า 2 คนนั้นระหว่างทางที่กำลังจะออกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าการที่ตามๆกันเข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้ จะเจออันตรายอะไรกันบ้าง
คิลและสติงก์กำลังถกเถียงกันเรื่องวิธีที่จะฆ่าอู๋ฮ่าวเหรินให้ได้ก่อนที่เขาจะสวมชุดเกราะ
“ดูพวกนายตื่นเต้นที่ได้เสาะแสวงหาวิธีฆ่าฉันกันดีนี่ เพราะงั้นฉันจะยืนตรงหน้านายตอนนี้ แล้วก็ให้ลองตามที่นายคิดว่าจะทำได้ละกัน”
อู๋ฮ่าวเหรินปรากฏตัวขึ้นทันที ทำให้ทั้งสองตกใจมากๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าทั้งสองในตอนนี้ ถ้าจะทำก็คงทำไปแล้ว
และดูเหมือนว่าความยุ่งเหยิงจะตามเขามาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองนั้นโจมตีไปที่หัวของอู๋ฮ่าวเหริน พร้อมทั้งแบ่งงานกันชัดเจน คนหนึ่งจะคอยก่อกวน ส่วนอีกคนพยายามฆ่า
“จริงๆแล้ว...”
ปัง ปัง ปัง!
ทั้ง 2 กระเด็นออกไปและกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังจนพวกเขาไอออกมาเป็นเลือด
“ฉันแค่จะบอกว่า ต่อให้ไม่มีเกราะนี้ ฉันก็ฆ่านายได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังรู้ตัวตนของพวกนายแบบดีมากๆด้วย”
“พวกนายเป็นกลุ่มนักฆ่า ที่ทำงานให้พวกองค์กรโอไรเอิลส์ แต่การรวมเข้ากับองค์กรนี้คงไม่ทำให้นายรู้สึกมีค่าที่สุดในชีวิต เพราะงั้นแล้วนายใหญ่ของพวกนายเลยเป็นนักฆ่าหญิงที่ทรงพลังอีกคนหนึ่ง”
มองไปยังทั้งสองที่นัยน์ตาไม่เปลี่ยนแปลง อู๋ฮ่าวเหรินก็พร้อมที่จะแพร่มต่อ นี่เป็นข้อมูลพื้นฐานของสองคนนี้ที่ในอนาคตสามารถหาได้
เทียบกับข้อมูลที่ได้มาจากสัมพันธมิตรจักวาลในปัจจุบันซึ่งมันง่ายขึ้นมากในการหาข้อมูลของพวกเขาในอนาคต
โดยเฉพาะกับนักฆ่าพวกนี้ที่มีชื่อเสียงค่อนข้างจะโด่งดัง มันจึงง่ายต่อการหาข้อมูล ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 2 คนนี้ดันทิ้งข้อมูลไว้เป็นจำนวนมากในอนาคตด้วย
“สำนักงานใหญ่ของนายคือ...”
คำพูดสุดท้ายของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นค่อนข้างจะเบา เบาเสียจนไม่ได้ยิน แต่อย่างไรก็ตามนักฆ่าทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่างก็ช็อกไปแล้วราวกับโดนฟ้าผ่า
เขาไม่คาดคิดเลยว่าอู๋ฮ่าวเหรินจะรู้ถึงที่อยู่สำนักงานใหญ่ของพวกเขาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะตัวตนพิเศษของพวกเขา เอาเข้าจริงพวกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหน
ครั้งหนึ่งที่ข้อมูลถูกปล่อยออกไป และให้ใครอื่นในสัมพันธมิตรจักรวาลล่วงรู้ องค์กรโอไรเอิลส์คงได้โดนกำจัดจนหมดแน่ๆ
เอาล่ะ ตอนนี้พวกนายทั้งสองคนต้องฟังฉันและช่วยฉันทำอะไรบางอย่าง สัญญาเลยว่าจะไม่ฆ่า แล้วก็ถ้าออกจากที่นี่ได้ จะช่วยติดต่อนายหญิงของพวกนายให้และบอกเธอว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับวอร์บเลอร์“
คิลและสติงก์รู้สึกเหมือนกลายเป็นศพไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับอู๋ฮ่าวเหริน พวกเขารู้สึกเลยว่าไร้ซึ่งพลัง มันทำให้เขาคิดได้เลยว่า การเลื่อนขั้นในครั้งนี้มันยากกว่าทุกครั้ง ยากกว่าทุกอย่างที่เคยทำ
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่างานนี้มันต้องง่ายมากๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะต้องคิดให้มากกว่านั้นแล้ว
“นายอยากให้พวกเราทำอะไร?” เขาถาม
“พวกนายออกไปกับฉัน พวกนายน่าจะรู้สถานการณ์ด้านนอก นั่นก็เพราะพวกนายยังรอดมาได้ถึงตอนนี้”
ตอนแรกพวกเขาก็สงสัยแหละว่าทำไม แต่เมื่อมองเห็นหลูวหยู่และอูริสแล้ว พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายคงกังวลว่าจะพา 2 คนนั้นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยสินะ ถ้ายังไงก็ทำตัวเหมือนไม่รู้จักกับพวกนั้นละกัน”
ถึงแม้ว่าจะรู้ถึงจุดประสงค์ของอู๋ฮ่าวเหริน แต่ก็รู้สึกเวทนาที่พวเขาไม่สามารถต่อต้านได้ เอาจริงๆก็ไม่กล้าทำอะไรอู๋ฮ่าวเหรินแล้วตอนนี้
หลังจากที่ 2 นักฆ่าไปเตรียมตัวแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็พูดกับอูริส “เมื่อพวกเราออกไปได้ คนข้างนอกจะกระจัดกระจายกันไปทั่ว เมื่อนั้นนายก็รีบวิ่งไปเลยนะ”
“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจะพาหลูวหยู่ไปด้วยเอง”
อู่ฮ่าวเหรินมองไปยังหลูวหยู่ เธอดูไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
มองไปยังคิลและสติงก์ อู๋ฮ่าวเหรินก็พยักหน้า จากนั้นใบหน้าของทั้ง 2 ก็เปลี่ยนไป ทักษะการเปลี่ยนใบหน้าเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเช่นนี้ มีประโยชน์ไม่น้อยในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งนั่นจะทำให้เครื่องตรวจจับไม่สามารถใช้กับพวกเขาได้
“ไปกันเถอะ”
ในจังหวะที่ทั้ง 3 ปรากฏตัว พวกเขาก็ดึงความสนใจของทุกคนได้ เพราะต่างคนต่างก็กำลังปรึกษากันว่าหากจับอู๋ฮ่าวเหรินได้ พวกเขาก็จะสามารถออกไปข้างนอกได้
เมื่อเลี่ยหยางและยินตงเห็นอู่ฮ่าวเหริน ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปและรีบหลบเข้าไปภายในความวุ่นวายของผู้คน
พวกเขารู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นแข็งแกร่ง และถ้าพวกเขาปรากฏตัวในเวลานี้ พวกเขาเองก็คงถูกฆ่าแน่ๆหากโดนพบเจอ
“เร็ว เร็วเข้า รีบจับเจ้านั่น เราจะได้ออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย!”
เมื่ออู่ฮ่าวเหรินมาถึงที่นี่ ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะแล้ว เขาต้องออกจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นก็เพราะว่าร่างกายของเขาไม่สามารถดึงพลังของเกราะนี่มาใช้ได้นานนัก
เมื่อเห็นเกราะของอู๋ฮ่าวเหริน 2 นักฆ่าก็ถอยออกไปโดยอัตโนมัติ ชัดเจนเลยว่ามันทิ้งบาดแผลทางใจไว้ที่พวกเขาไปแล้ว
ชิ้ง!
อู่ฮ่าวเหรินพุ่งเข้าไปยังกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว การปะทะตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เขาก็รีบหลบออกมาข้างๆเพื่อเข้าโจมตีจากอีกทางด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ได้เข้าใกล้ความแออัด อู๋ฮ่าวเหรินก็โจมตีเข้าไปที่นั่น 2 ครั้ง
ทั้ง 2 กรีดร้องออกมาและนั่นเหมือนตัวชี้เป้าให้อู๋ฮ่าวเหริน เพราะก่อนที่ตัวพวกเขาเองจะได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว
การโจมตีทั้ง 2 ครั้งนั้นทำเอากลุ่มคนเกิดการหวาดกลัวขึ้นมาเลย มองไปยังอู่ฮ่าวเหรินที่อยู่ภายใต้การโจมตีอันนับไม่ถ้วน พวกเขาก็คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะหนีได้
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินพุ่งออกมาพร้อมกับนักฆ่าอีก 2 คน กลุ่มคนก็มองไปยังจุดที่อู่อ่าวเหรินเพิ่งโจมตี
“ทำไมรุนแรงขนาดนี้ อะไรอยู่บนตัวเขาน่ะ?”
“ไม่รู้ แต่น่าจะเป็นชุดเกราะ แต่มันก็น่าจะเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เราเคยเจอเลย รู้สึกเหมือนมันจะทำมาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ”
พวกเขาคิดถึงตัวตนของอู๋ฮ่าวเหริน คิดถึงเกราะแห่งอารยธรรม และนั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นเกราะของอู๋ฮ่าวเหรินมากขึ้นไปอีก
ในตอนนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆทางออกก็เริ่มมองไปยัง 2 คนที่พุ่งออกมาและเข้าโจมตีอย่างไม่ละสายตากันแล้ว
0 ความคิดเห็น