CF:บทที่ 662 นักล่าแห่งโบราณสถาน
ทั้ง 3 ไม่ได้ทำตัวเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านอีกต่อไป พวกเขาเริ่มจะสังเกตุสถานการณ์รอบๆตัวขึ้นมาแล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังยานเหาะที่อยู่ในระยะและรู้ได้ว่าเวลาของพวกเขาหมดลงแล้ว หากยังไม่สามารถไปถึงจุดหมายได้ก่อนที่ยานเหาะพวกนั้นจะเข้ามาล่ะก็ ได้เกิดปัญหาแน่ๆ
จริงๆเขาจะทำลายยานเหาะนั่นก่อนก็ได้ แต่เหตุผลบางอย่างก็ทำให้เขายั้งมือไว้ ข้อแรกเขาเกรงว่าปราการที่อยู่แถวนั้นอาจจะโจมตีเขาได้ และข้อสอง ถ้าเกิดเขาทำ เขาจะกลายเป็นเป้าสายตาจากคนเป็นจำนวนมาก เป้าสายตาในแบบที่ไม่ดีด้วย
“อะไรนะ? ต้องเร็วขนาดไหน?”
ไม่มีใครในสามคนนี้เห็นว่าจุดหมายนั้นคืออะไร แต่จากสถานการณ์แล้วคิดว่ามันน่าจะไม่ใช่สมบัติแล้วเป็นแน่แท้
“อีกครั้งแล้ว”
“มันน่าแปลกหรือเปล่าที่เรายังไม่โดนโจมตีจากปราการในนี้น่ะ”
อูริสเคย์มองไปยังเงาที่หายไปในขอบเขตการโจมตีของปราการ เขาค่อนข้างจะงุนงง พวกเขาเข้าไปในขอบเขตการโจมตีของปราการได้โดยที่ไม่โดนโจมตี เจ้านี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโบราณสถานแห่งนี้เหรอ!?
“มันถูกตั้งให้เหมาะกับเราน่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทางหรอก”
หลูวหยู่ยังคงทำตัวเหมือนไม่มีใครอยู่ ณ ที่แห่งนั้น นั่นคือเธอยังมองซ้ายมองขวาและเดินไปจับนู่นจับนี่เหมือนเดิม
อูริสเคย์ก็มองทุกอย่างด้วยความกังวล ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ขยับขึ้นมาในสายตาเขา เขาก็พร้อมที่จะปกป้องตัวเองแบบเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ในตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินสังเกตุการณ์สถานการณ์ต่างๆด้านนอกแล้วเอาไปปรึกษากับคนในระบบซองแดงเพิ่มเติม
“นายกำลังจะบอกว่า มันไม่มีเงื่อนงำอะไรเลยงั้นเหรอ?”
“ไม่มีเลย ถ้ามันเกิดมีฉันก็บอกนายไปแล้วแหละน่า”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกกดดัน เขาเข้าไปในระบบก็เพื่อที่จะได้รับความชัดเจนเรื่องเงาดำนั่น
“ถ้ายึดตามที่นายพูด มันควรจะไม่มีสิ่งมีชีวิตในโบราณสถานแห่งนั้นนะ” นักวิจัยพูด
“หุ่นยนต์เหรอ? ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปอีก”
“มันไม่มีใครอยู่ตรงหน้าเราเลย ก่อนหน้านี้ยังมีตั้งเยอะ”
มองไปยังซากศพที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น อู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มตรวจดูบาดแผลของพวกเขาก่อนจะพบว่าทุกคนล้วนได้รับบาดแผลร้ายแรงและน่าจะเป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตาย
“ออกกันเถอะ”
เผชิญหน้ากับซากศพ
และความกลัวจากความไม่รู้สถานการณ์ อูริสเคย์นั้นแสดงออกชัดเจนเลยว่ากำลังหวาดกลัว
“พวกเราไม่ได้รับการปกป้องจากโบราณสถานแห่งนี้ เพราะงั้นแล้วเราจะโดนโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้!”
อูริสเคย์เริ่มที่จะกดดันขึ้นมานิดๆ เขารู้ว่าเขาควรเข้ามาตามวิธีที่เป็นขั้นเป็นตอนของที่แห่งนี้
“ช่วยฉันด้วย อูริส”
เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขา เขาก็รีบหันไปมองทางต้นเสียงแล้วก็พบว่ามันเป็นเสียงของคนที่หลอกลวงเขาซึ่งตอนนี้เหลือแค่ครึ่งร่างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คนๆนี้ดูท่าจะอดทนได้ดี ดังนั้นแล้วเขาจึงยังไม่ตาย
อูริสขมวดคิ้วและเดินเข้าไปถามคนๆนั้น “ทำไมถึงเป็นแบบนี้!!”
“ปีศาจ มันมีปีศาจอยู่ในโบราณสถาน พวกเราโดนปีศาจโจมตี...”
“นายมั่นใจนะว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตน่ะ?” อู๋ฮ่าวเหรินถาม
“ฉันไม่รู้ แต่มันเร็วมากเท่าที่เห็น”
ท้ายสุดอูริสเคย์ก็ช่วยชายคนนั้นไว้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะโดนหักหลัง ถ้าไม่ใช่ว่าเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน เขาคงไม่ช่วยไว้เช่นนี้
“ขอบคุณ อูริส...ฉันผิดเอง...ฉันผิดเอง...”
“เฮอะ ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากนาย เพราะต่อให้เป็นคนอื่น ฉันก็คงจะช่วยเหมือนกัน”
“พวกเรากำลังประสบปัญหาแล้วล่ะ เหมือนกับว่ามันอยู่เหนือเรา” อู๋ฮ่าวเหรินพูด
ไม่นานนักก่อนหน้านี้ เขาได้ปล่อยหุ่นยนต์ขนาดเล็กมากๆออกไปเพื่อคอยสอดแนมและสอดส่อง และบางส่วนของพวกมันก็หายไปอีกแล้ว
ในกรณีที่หุ่นยนต์หายไปอาจจะมองว่าเป็นการบรรจบครบรอบของมันก็ได้
“แล้วจะทำยังไงต่อ? เจ้านั่นดูจะเก่งกล้าเกินไป พวกเราสู้ไม่ไหวหรอกนะ” ลาร์คพูดด้วยความกลัว
อูริสเคย์มองไปยังเขาก่อนจะพูดขึ้น “นั่นนายไม่ใช่พวกเรา แล้วเราจะทำยังไงกันล่ะบอส?”
“หาที่ปลอดภัยก่อน เราต้องดูให้ชัวร์ ว่ามันคืออะไรกันแน่จะได้หาทางจัดการได้”
ตามแผนที่แห่งอนาคตของเขา อู๋ฮ่าวเหรินพาพวกเขาไปยังบ้านที่อยู่ด้านหน้าไม่ไกล
“มันอยู่ที่นี่ ระวังตัวด้วยล่ะ”
มองไปยังเงาดำที่เคลื่อนผ่านไป อู๋ฮ่าวเหรินจึงรีบเตือนทุกคนที่มากับเขา
“ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันไม่น่าช่วยนายเลย!!”
ลาร์คผลักอูริสเข้าไปยังร่างสีดำทะมึนและซ่อนตัวอยู่หลังเขา
“ทุกๆคนต้องตาย! เพราะงั้นก็เริ่มจากนายก่อนเลย!”
“ถ้านายอยากตาย นายก็ตายไปเลย ฉันยังไม่อยาก!!”
ในตอนที่กำลังจะเข้าปะทะกัน อูริสพลาดและเซเข้าไปใส่เงาดำนั้น
เขาโดนโจมตีเข้าเต็มๆหากทว่าโล่พลังงานช่วยป้องกันเขาไว้
โล่นั้นแตกในทันทีหลังโดนโจมตีและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองก็ดูท่าจะใช้การไม่ได้ไปพร้อมๆกันด้วย
ส่วนลาร์คผู้ที่ผลักอูริสเข้าไปนั้นโชคไม่ดี ร่างสีดำเข้าโจมตีเขาโดยตรงจนเขาลอยขึ้นไปบนอากาส
ร่างของเขาที่ลอยอยู่บนอากาศนั้นกลายเป็นเป้าหมายของป้อมปราการและนั่นทำให้กระสุนพลังงานยิงผ่านตัวเขาจนเขากลายเป็นเพียงอนุภาคในท้ายสุด
ร่างสีดำนั้นหายไปแล้วในเวลาอันรวดเร็วราวกับมันไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
อูริสนั้นตกใจไม่น้อยก่อนจะร้องไห้ออกมา “บ้าที่สุด นั่นมันอะไรน่ะ!?”
“มันดูไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตเลย เหมือนเป็น...สัตว์ประหลาดที่โดนสร้างขึ้นมา”
ถึงแม้ว่าเจ้าเงาดำนั้นจะเร็วมากๆก็จริง แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็สามารถจับอะไรบางอย่างได้
ตัวอย่างเช่น มันมีท่อพลังงานและเกล็ดที่เป็นเหล็กหนา แต่กระนั้นก็ยังมีเส้นผมและเลือดอยู่
หลูวหยู่จู่ๆก็พูดขึ้นมาทันที “มันไม่มีสัญญาณชีพ ไม่มีการไหลเวียนโลหิต และไม่มีสัญญาณใดๆที่บอกว่ามันมีชีวิต เป็นเหมือนของเล่นชิ่นใหญ่ ฉันคิดว่าฉันน่าจะจับมันได้”
อู๋ฮ่าวเหรินประหลาดใจมากๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเธอเองก็คิดถึงเจ้าสิ่งนั้นด้วยเหมือนกัน
“บอส ขอโล่พลังงานอันใหม่หน่อย อันเก่านั้นมันเสียหายตอนปะทะเมื่อครู่แล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินโยนโล่พลังงานอันใหม่ให้เขา อย่างไรก็ตาม เขาต้องทำให้ชายคนนี้มาทำงานให้บริษัทในอนาคตเพื่อชดเชยเรื่องในวันนี้ให้ได้
“ไปกันเถอะ มันคงไม่ปรากฏตัวในเร็วๆนี้แน่”
หุ่นยนต์ที่อยู่ด้านนอกนั้นพบเจ้านั่น และมันวิ่งหนีไปทางอื่น ดูเหมือนว่ามันเองจะเป็นปัญหาถ้าเจอคนอื่นสินะ
ไม่รู้ว่ากี่ชีวิตแล้วที่ต้องมาสังเวยให้กับการทัวร์ในโบราณสถานแห่งนี้
ในความคิดอู๋ฮ่าวเหริน เจ้าเงาดำนั้นไปจากที่นี่ แต่ก็กำลังไปเล่นงานคนที่อยู่จุดอื่นแทน
แน่นอนว่าคนพวกนั้นไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองที่ดีเท่าอู๋ฮ่าวเหรินแน่ๆ และผลของมันก็คงไม่ต่างกับ 3 คนที่ตายจากการโจมตีของมันก่อนหน้านี้หรอก
ทางฟากของเงาดำ ตัวมันเองก็ตะลอนไปทั่วและไล่ล่า ผู้คนมากมายนอกจากจะโดนมันฆ่าแล้วก็ยังโดนโบราณสถานกำจัดเพราะแหกกฏอีก
หลังจากที่สำรวจสถานการณ์แล้ว บางคนก็เริ่มมารวมกลุ่มกันและจัดทีมขนาดใหญ่เพื่อป้องกันและต่อต้านการโจมตี
ในเวลานี้ใครก็ตามที่เข้ามาในโบราณสถานอย่างเป็นทางการ ในที่นี้หมายถึงได้เข้าไปยังรอบนอกของใจกลางและกำลังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจนั้นต่างก็ยังคงพยายามทำส่วนของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่ไม่เต็มใจแล้ว เพราะตั้งแต่เข้ามาเขาได้สิ่งของกลับไปไม่คุ้มเวลาที่เสียไปเลย
แล้วพวกเขายังพบอีกว่าหลายๆที่ในโบราณสถานนั้นถูกสำรวจไปแล้ว
ใครบางคนเข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้เร็วกว่าที่พวกเขาทำ นี่คือสิ่งที่เขาคิด แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนพวกนั้นที่เอาของพวกนี้ไป ไม่ใช่คนที่เข้ามาด้วยวิธีปกติเหมือนที่พวกเขาเข้ามา
และตอนนี้ อู๋ฮ่าวเหรินเองก็กำลังอยู่ในช่วงการเดินทางไปหาเป้าหมายของตัวเอง นั่นคือใจกลางของโบราณสถาน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นสถานการณ์บริเวณใจกลางของโบราณสถาน เขาก็หยุดฝีเท้าและไม่ได้หาอะไรเพิ่มเติม
นั่นเพราะว่าเขาเจอบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นี่ บางทีอาจจะเป็นเจ้าของเงาดำที่โผล่มาก่อนหน้าก็ได้
0 ความคิดเห็น