CF:บทที่ 649 ปริศนายอดแย่
ทุกคนต่างตกใจกับเสียงระเบิดนั้น และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าเสียงระเบิดนั้นมาจากยานรบที่อยู่บนฟากฟ้า หลายคนที่อยู่ละแวกเดียวกันต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
“พระเจ้า! ใครทำกัน? กฏก็บอกอยู่แล้วว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างจากตายนั่นแหละ”
“บ้าไปแล้ว ใครที่ตามเจ้านั่นไปคงโชคร้ายน่าดู”
“ดูตรงที่ระเบิดนั่นสิ! มันอยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่เลยนะ”
กลุ่มคนที่เข้ามาภายในโบราณสถานและกำลังอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย พวกเขารู้สึกนับถือคนๆนั้นอย่างแท้จริง คนที่กล้าที่จะสละชีวิตเพื่อที่จะเปิดทางให้คนอื่นได้บรรลุเป้าหมาย
แน่นอน ว่าไม่มีใครอยากให้ต้องมีคนแบบนั้นอยู่ในพื้นที่ที่พวกเขาอยู่แน่ๆ
แต่มันน่าแปลก คนๆนั้นโจมตีเจ้ายานนั่นได้ยังไงกันนะ เพราะว่าการโจมตีต่างๆน่าจะถูกตัวโบราณสถานเองปิดกั้นไว้แล้วแท้ๆ
ภายใต้ความสับสนนั้น กลุ่มที่อยู่ใกล้จุดที่ยานระเบิดมากที่สุดก็ถูกส่งออกไปด้านนอกโบราณสถานแทบจะทันที
ด้านนอกนั้น หลังจากที่พวกเขาถูกส่งออกมา ก็ยังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่นิดหน่อย ก่อนที่ 1 ในนั้นจะเริ่มโวยวายด้วยความโกรธ “ บ้าเอ้ย! ฉันแค่อยู่หลังนิดเดียว ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้! เกือบจะผ่านกันอยู่แล้วเชียว เพราะไอ้บ้านั่นแท้ๆ! ฉันจะไปฆ่ามัน!”
คนที่อยู่ใกล้ๆได้ยินดังนั้นก็เอ่ยย้ำเตือน “นายไม่จำเป็นต้องไปฆ่ามันหรอก เพราะเจ้านั่นมันตายไปแล้ว โชคดีที่ฉันไม่ได้เสียอะไรมาก เพราะตอนที่ยานนั่นระเบิด ฉันเองก็ทำอะไรพลาดนิดหน่อย เพราะงั้นยังไงฉันก็ต้องออกมาอยู่แล้ว”
“คนที่โจมตีเจ้ายานนั่นต้องเป็นหนึ่งในพวกเรา แต่กระนั้นจำนวนของพวกเรามันก็ไม่ได้เปลี่ยนเลยนะ...”
“เป็นไปไม่ได้น่า นายนับผิดหรือเปล่า?”
“นายคิดว่าฉันจำผิดงั้นเหรอ!?”
คนพวกนี้คือกลุ่มซูเปอร์เบรน เหตุการณ์เมื่อครู่นั้นถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงเงียบลงเพื่อที่จะให้ซูเปอร์เบรนในหัวมันเล่นเหตุการณ์ย้อนกลับอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ชัดเจนเลยว่ามีคนใช้พลังอะไรบางอย่าง
“ถ้าไม่ใช่พวกเราที่เป็นกลุ่มเล็กๆ แสดงว่ามีใครจากกลุ่มอื่นที่อยู่ในพื้นที่ของเรา”
“นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ถ้าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดฉากยิงใส่ยานตรวจตราพวกนั้นได้”
“หรือว่า...โบราณสถานตัดสินใจทำลายยานพวกนั้นด้วยตัวเองเหรอ?”
ภายใต้ความกดดันของพวกเขาที่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำลายยานลำดังกล่าว ในกรณีนี้จึงไม่รู้จะไปโทษใครดี พวกเขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นฝีมือของอู๋ฮ่าวเหริน เขาที่เป็นผู้เปิดฉากการโจมตีในโบราณสถานเองก็ยังประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
“เป็นไงมั่ง?”
“หุ่นยนต์ติดอาวุธหนักถูกทำลายหลังจากโจมตี มันแปลกนิดหน่อย เพราะตอนที่ยานระเบิดฉันว่าฉันเห็นใครซักคนหายตามมันไปด้วย”
เขาพยายามเลื่อนดูว่าใครกันแน่ที่หายไปกับยานบินผ่านภาพที่หุ่นยนต์บันทึกไว้ หากแต่ไม่พบ
“อาจจะเป็นคนที่เข้ามาในนี้ก็ได้นะ”
“จะไปสนใจกับคนที่หายไปแล้วทำไมน่ะ? เข้าไปในห้องเครื่องมือได้แล้ว”
ด้วยความเดือดดาลและใจร้อนของเหล่าคนในกลุ่ม อู๋ฮ่าวเหรินจึงไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนักและเดินตรงเข้าไปยังห้องเครื่องมือตรงหน้าแทน
“ฉันจะเปิดประตูนี่ได้ยังไงกัน?”
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังประตูของห้องเครื่องมือที่ปิดอยู่ และดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรที่เอาไว้ใช้เปิดเลย
“งั้นแปปนึงนะ เดี๋ยวจะดูข้อมูลก่อน อ่า...น่าแปลกแฮะ ไม่เห็นมีข้อมูลของไอ้ประตูนี่ในไฟล์ที่มีเลย”
หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินได้อ่านข้อความตอบกลับพวกนั้น ก็พอจะเข้าใจได้ว่าในยุคนั้นประตูนี่คงโดนเปิดไปแล้ว แต่ตอนนี้ โบราณสถานแห่งนี้ยังถูกปกป้องด้วยพลังงานอวกาศอยู่ เพราะงั้นเขาเองก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามหรือใช้ความรุนแรงในการเปิดประตูนี่หรอก
“แล้วงี้จะทำยังไง?”
กลุ่มซองแดงทั้งหมดเองก็พากันคิดหนัก พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้รออยู่
“งั้นหาทางเข้าอื่นก่อน แล้วก็ถ้าหาไม่เจอจริงๆค่อยหาวิธีที่จะทำลายประตูนี่ทิ้งไปอีกที”
อู๋ฮ่าวเหรินส่งหุ่นยนต์เข้าไปสำรวจยังพื้นที่บริเวณนั้นเพื่อหาทางเข้าที่ 2 แต่มันก็ไม่พบ
บริเวณด้านบนประตูเองก็มีสิ่งที่คล้ายสวิทช์อยู่ หากแต่โชคไม่ดีเสียเลย เพราะไม่ว่าจะลองวิธีไหนมันก็ไม่ทำงาน
“ดูเหมือนว่าเราจะหลักหนีความรุนแรงไม่ได้นะ หรือถ้าไม่ทำเราคงต้องยอมแพ้”
ชัดเจนเลยว่าประตูนี่คงจะถูกควบคุมไว้ด้วยโปรแกรมอะไรซักอย่างแน่ๆ
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถเข้าใจตัวหนังสือต่างๆในโบราณสถานแห่งนี้ได้ ดังนั้นเลยไม่สามารถทำความเข้าใจโปรแกรมที่ฝังไว้ในประตูนี้ได้เช่นกัน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายกำแพง เราจะต้องเข้าไปทางประตูเท่านั้น เขาเริ่มสังเกตุว่าประตูนี่มันหดลงหรือเปล่านะ? ดูๆแล้วมันเหมือนว่าน่าจะเปิดอยู่นิดๆหน่อยๆ
ด้วยความสงสัย อู๋ฮ่าวเหรินจึงใช้หุ่นยนต์เข้าไปลองขยับที่ประตูดูนิดๆหน่อยๆ เจ้าประตูนั้นก็เปิดออกมาเองโดยอัตโนมัติ
เหตุการณ์ตรงหน้าทำเอาอู๋ฮ่าวเหรินและพวกกลุ่มซองแดงตกตะลึงกันไม่น้อยเลย
“เราคิดมากกันไปเหรอ? ประตูนี่แค่กดก็เปิดอัตโนมัติแล้ว” นักขุดแร่พูด
“นายไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่านายโง่นะ”
พวกเขามักจะชอบทำให้เกิดข้อผิดพลาดเล็กๆ เพราะในยุคของพวกเขา ทุกอย่างมันง่ายขึ้นเมื่อโบราณสถานแห่งนี้ไม่มีพลังงานอวกาศเหลืออยู่แล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินจับแก้มตัวเองแบบหมดคำพูดก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านใน
ในที่แห่งนั้นไม่ได้ว่างโล่งเหมือนที่คลังแสงเป็น ภายในมันเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ และเครื่องมือหลายๆชิ้นในนั้นตัวอู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนเพราะพวกคนในกลุ่มซองแดงไม่ได้จัดหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมันเอาไว้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แคร์ว่าของพวกนี้จะใช้อย่างไร ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถเข้าถึงห้องเก็บของในซองแดงได้ของพวกนี้ก็ถือว่าใช้งานได้ไปโดยปริยาย
เมื่อไหร่ที่เขามีเวลา เขาก็จะค่อยๆศึกษามันไปเอง ในตอนนั้นเขาก็คนพบคำว่า “ปิด”
ความสามารถในการปล้นของเขาดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว เขาเจออุปกรณ์บางอย่างถูกติดตั้งไว้บนพื้น และนั่นทำให้เขาพยายามจะดูว่ามันสามารถเอาออกได้หรือเปล่า ซึ่งตราบใดที่มันสามารถเอาออกได้ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป
มองไปยังรอบๆห้องเครื่องมือที่เพิ่งถูกเปิด อู๋ฮ่าวเหรินปรบมือก่อนจะปาดเหงื่อบนใบหน้า
ผู้คนในระบบซองแดงเองก็ต่างเงียบกับพฤติกรรมของเขา พวกเขาคิดว่า ถ้าชายคนนี้จะกลายเป็นดาวเด่นแห่งการโจรกรรมล่ะก็ คงไม่มีธุรกิจใดๆหลุดพ้นจากเงื้อมมือเขาได้แน่ๆ
“เอาล่ะ ไหนล่ะแผนที่?”
“เดี๋ยวก่อน อย่าซี้ซั้วถอดอะไรออกมาจากที่ที่มันเคยอยู่สิ ถ้าเกิดเอาไปแล้วมันเกิดอะไรแปลกๆขึ้นจะทำยังไง? เพราะงั้นเอาไปคืนที่ซะ ดูดีๆ เจ้าพวกนี้เหมือนจะวางเรียงกันเป็นรูปทรงแปลกๆอยู่”
“เห็นแล้วปวดหัวจริงๆ ว่าแต่ใครออกแบบที่นี่เนี่ย? มันดูน่าสนุกมากๆเลย นี่มันจิ๊กซอว์นี่”
เขาคงจะได้ถอนคำพูดและเสียใจที่ได้พูดมันออกมาเร็วๆนี้แหละ นี่มันเป็นอะไรที่แย่มากๆ ราวกับเครื่องทรมาณ
“นายแน่ใจหรือเปล่าว่าเจ้านี่น่ะโชคดีที่เปิดมันออกด้วยความบังเอิญ?”
“ควรจะแหละมั้ง” นักวิจัยมองไปยังปริศนาจิ๊กซอว์ตรงหน้าอู๋ฮ่าวเหรินและพูดขึ้นว่าเขานั้นแข็งแกร่งไม่พอ
จิ๊กซอว์ทั้งหมดในที่แห่งนี้ต้องถูกแก้ไขให้เหมือนกันกว่า 100 ครั้งโดยห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ไม่งั้นจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด
ในความเป็นจริง มันมีการจับเวลาระหว่างแก้ปัญหานี้ไว้ด้วย และถ้าเร็วไม่พอล่ะก็ ทั้งชีวิตก็แก้เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้
เขาสูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอดเพื่อเตรียมพร้อมที่จะแก้ปริศนาตรงหน้าแล้ว! นิ้วมือของเขาลอยสูง และปริศนาก็เริ่มต้นขึ้น
แกร๊ก!
“ไม่ใช่”
แกร๊ก!!
“ไม่ใช่อีก”
แก๊ก!!!
“นี่ก็ยังไม่ใช่!”
แกร๊ก!!!!
“...”
“นี่มันปริศนาบ้าอะไรวะเนี่ย! นี่มันมีคนที่เล่นจิ๊กซอว์นี่ได้สำเร็จจริงๆเหรอ!?”
เกือบร้อยครั้งแล้วที่เขาพยายามจะแก้ไขมัน และไม่ว่าจะยังไงก็ดูไม่มีวี่แววแล้ว ท้ายสุดแล้วเขาจึงยกมือขึ้นหมายจะยอมแพ้
“ฉันเข้าใจ หรือว่านายจะยอมแพ้โดยไม่ได้แผนที่อะไรกลับไปก็ได้นะ เพราะนี่ก็ลองกันมาตั้ง 78 ครั้งแล้ว โอ้ หรือถ้านายยังอยากได้แผนที่ นายก็แค่รอให้พลังงานอวกาศที่ปกคลุมที่นี่อยู่หมดไปก็ได้ แล้วค่อยกลับมาใหม่”
คนในกลุ่มซองแดงต่างพากันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ใครจะคิดเล่าว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
หลังจากผ่านมายาวนาน สีหน้าของอู๋ฮ่าวเหรินก็เปลี่ยนไป นักวิจัยจึงได้พูดขึ้นมา “นี่นายน่ะพอจะนึกภาพอะไรในหัวได้หรือเปล่าจากการที่ลองมาหลายรอบแล้วน่ะ มีอะไรที่มันฝังลึกในหัวบ้างมั้ย? ”
เมื่อได้ยินนักวิจัยพูด เขาก็พยายามนึกถึงสิ่งที่วิธีต่างๆที่ใช้ในการแก้ปริศนานี้ก่อนหน้า และเริ่มลำดับมันใหม่อีกครั้ง
“ไอ้พวกคนที่สร้างเจ้านี่ขึ้นมาช่างชั่วร้ายจริงๆ นี่นายรู้วิธีแก้ยังเนี่ย ผ่านมานานแล้วนะ”
เหล่าผู้คนในซองแดงยังคงหัวเราะกันเสียงดังอีกครั้ง ในตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเจ้าคนโชคดีที่เปิดเจอแผนที่ในยุคอนาคตที่เขาอยู่นั้น ทำไมหมอนั่นถึงไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ท่าทางสถานการณ์ที่คนๆนั้นเจอคงจะดีกว่าสถานที่อู๋ฮ่าวเหรินเจอในตอนนี้เป็นไหนๆ ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่านั่นมันคือความโชคดีหรือความผิดพลาดของกล้ามเนื้อในสมองกันแน่ ที่ทำให้เขายังคงทำต่อมาเรื่อยๆขนาดนี้
0 ความคิดเห็น