CF:บทที่ 647 ผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้น

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 647 ผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้น

 

เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินเข้ามายังห้องเก็บวัตถุดิบที่แท้จริง เขาก็พบว่ามันเป็นเพียงห้องเล็กๆเท่านั้น เหมือนกับเป็นห้องเก็บของชั่วคราวสำหรับคลังแสงเสียมากกว่า

 

“สับสนไปหมดแล้ว มันน่าตื่นตาตื่นใจตรงไหนเนี่ย” อู๋ฮ่าวเหรินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

 

“พวกนายยังไม่ได้เห็นสถานการณ์ตรงนี้สินะ มันแปลกมากๆ จะรีบเข้าไปดูละกันว่าอะไรอยู่ข้างใน บางทีอาจจะมีใครอยู่ แต่ฉันยังไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลของวัตถุดิบที่นี่ให้เลยนี่นา”

 

อู๋ฮ่าวเหรินเข้าไปด้านใน ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันปลอดภัย แต่ก็พูดได้ว่า ตั้งแต่เข้ามาในคลังแสงมันก็ดูไม่มีอันตรายอะไรเลย

 

“หืม นั่นมัน โคตรทอง!”

 

ในตอนแรก อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เจอกับกองวัตถุดิบที่วางเรียงราวกับก้อนอิฐบนพื้นหน้าประตูเช่นนี้

 

เมื่อชายชุดเกราะได้ยินเสียงอุทานของอู๋ฮ่าวเหรินเขาก็มองไปยังสิ่งที่กองอยู่นั้น ในความคิดของเขา สิ่งที่วางอยู่หน้าประตูนั้นไม่น่าจะเป็นของที่หายากจริงๆ

 

“โคตรทองเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการทำชิ้นส่วนคอร์ของชุดเกราะ มันยังมีอย่างอื่นที่พอจะใช้สำหรับสร้างอุปกรณ์เสริมแรงขับให้ยานอวกาศได้มั้ย?”

 

“อ้อ เจ้าสิ่งนั้นเองเหรอ!”

 

ได้ยินเช่นนั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็มองไปยังกองวัตถุดิบที่วางเรียงไว้ดิบดี

 

ให้ตายเถอะ คุณรู้ไหมว่าเขาสร้างชุดเกราะและเรียนรู้เกี่ยวกับยานอวกาศ แล้ว 1% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คือค่าวัตถุดิบเนี่ยแหละ!

 

วัตถุดิบชิ้นนี้จัดว่าหายากมากๆแล้วในจักรวาล และมันจำเป็นต้องกระเทาะออกมาจากแร่พิเศษอีกต่างหาก

 

“ปริมาณขนาดนี้น่าจะมากพอให้นายสร้างยานอวกาศได้ซัก 100 ลำเลย”

 

อู๋ฮ่าวเหรินไม่มีเวลาว่างขนาดฟังเขาพูดจนจบ เขาเดินหน้าไปเก็บโกยวัตถุดิบพวกนั้นและส่งเข้าไปในระบบซองแดงอย่างรวดเร็ว ด้วยความกลัวที่ว่าจะมีคนมาแย่งมันจากเขาไป

 

“เป็นการเริ่มต้นที่ดีจริงๆ!”

 

“มันก็ดีจริงๆนั่นแหละ การที่มีวัสดุเช่นนี้วางไว้หน้าประตู มันต้องไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอยู่แล้ว”

 

ด้วยความคาดหวัง อู๋ฮ่าวเหรินเดินเข้าไปอีก เพียง 2 ก้าวก่อนจะหยุด

 

“อย่าตื่นเต้นนะ ฉันเข้าใจว่าวัตถุดิบนั้นมีค่า ถ้ายึดถือตามช่วงโบราณกาล มันคืออะไรที่ถ้าครอบครองแล้วจะรวยมากๆเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ในที่แบบนี้”

 

“ดูเหมือนว่าคนที่ตกใจจะมีแค่นายคนเดียวนะ พวกเราไม่ตื่นเต้นอะไรกันหรอก” คนเมาพูด

 

นี่คือผลไม้แห่งดวงดาว ชื่อว่า ผลแม็กโนเลีย ซึ่งมันมีค่ามากกว่าผลเทียนไช่ตี้เป่าที่ซึ่งทำให้คนมีอายุยืนยาวอีกนิดหน่อยหลังจากที่ได้กินมันเข้าไป

 

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีผลไม้แบบนี้ถูกจัดเตรียมไว้ แสดงว่าเอาไว้เสริมกำลังกายกันแน่ๆ

 

ในอนาคต มันจะมีผลไม้นี้เหลืออยู่นิดหน่อยหรือไม่ก็โหลนึงเห็นจะได้ ต่างกับสถานการณ์ปัจจุบันที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังเผชิญ มันมีราวๆ 1000 ลูกได้

 

ถัดมาอีกพักหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอู๋ฮ่าวเหริน หรือคนในกลุ่มซองแดงต่างพากันตกตะลึงถึงวัตถุดิบที่อยู่ในห้องเก็บนั้น

 

การที่ในยุคนั้นมีสิ่งดีๆแบบมากมายไปหมด รวมไปถึงการมีอยู่ของวัตถุดิบพิเศษต่างๆมันทำให้เหล่าคนในกลุ่มซองแดงต่างพากันกรีดร้อง

 

สิ้นสุดวันนั้น ทุกคนต่างรู้สึกมึนกันไปหมด แต่ก็เข้าใจได้ว่าในยุคโบราณ ของที่คิดได้ว่ามันหายากในยุคพวกเขามันคือของทั่วๆไปที่ยุคนั้นมี

 

“ไม่รู้มาก่อนเลยว่ายุคของเรานั้นด้อยกว่ายุคโบราณ ไม่คิดด้วยว่าวัตถุดิบพวกนี้จะมีเยอะขนาดนี้ มีสิ่งดีๆอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เจอ ไม่เห็นเหมือนพวกเราซักนิด พวกเราน่ะ เวลาจะใช้อะไรทีก็ต้องคิดกันหนักๆ เพราะกลัวใช้เยอะแล้วมันจะหมดไป”

 

อู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจสถานการณ์นั้นดีเลย เพราะบนโลกเองสิ่งที่หายากก็คือเพชร แต่งหลังจากที่เข้าสู่ยุคอวกาศ กลับกลายเป็นว่ามันยังมีอีกหลายอย่างที่หายากกว่าเพชรอีก

 

ดูเหมือนว่าสิ่งที่คอยจำกัดให้ระดับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงขึ้นไปในแต่ละขั้นก็คือวัตถุดิบเนี่ยแหละ บางครั้งปัญหาก็ไม่สามารถแก้ได้ด้วยเทคโนโลยีแต่แก้ด้วยการหาวัตถุดิบอื่นมาแทน

 

ตัวอย่างเช่น ปัญหาพลังงานที่เป็นเหมือนโรคระบาดบนโลกนั้นแก้ด้วยการใช้หินพลังงานแทน

 

“เกิดอะไรขึ้น? นักวิจัยได้คำนวนมูลค่าของวัตถุดิบในนี้หรือยัง?”

 

“นอกจากพวกวัตถุดิบที่เรายังไม่รู้ว่ามีค่าขนาดไหนในปัจจุบัน ตามวัตถุดิบที่เรารู้จักกว่า 165 ชิ้นก็มีมากพอที่จะเปลี่ยนกองเรือของเขากลายเป็นเรือแบบพวกอารยธรรมขั้นสุดได้เลย”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างพากันตกตะลึง กองเรือนั้นถูกจัดเป็นอารยธรรมชั้นสูงแล้ว และขั้นสูงสุดคือระดับขั้นสุดท้ายที่มันจะเป็นได้

 

แม้แต่อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่คาดคิดว่าห้องเก็บวัตถุดิบเล็กๆนี้จะมีค่ามหาซาลเช่นนี้

 

“แม่เจ้าโว้ย! ไอ้หมอนี่รวยแล้ว!!”

 

“อสังหาริมทรัพย์ทั้งครอบครัวของฉันยังไม่เท่ามูลค่าของที่หมอนี่ได้ในวันนี้เลย...” เจ้าแห่งรถบินได้พูดแบบเคืองๆ

 

“...”

 

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งตื่นเต้น นายรู้ใช่ไหมว่ามีโบราณสถานมากมายในอนาคต”

 

ในความเป็นจริงแล้วขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังอวดสิ่งพวกนี้อยู่ หากพวกคนที่อยู่ในกลุ่มสามารถพุ่งออกไปหาเขาได้ เขาคงโดนฉกของไปหมดแล้ว

 

“ไม่ ครั้งต่อไปถ้าจะสำรวจโบราณสถาน เราต้องเรียกร้องค่าข้อมูลแพงๆจากเขา“

 

“ใช่แล้ว ไม่งั้นนายจะได้เปรียบเกินไป”

 

แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นรวมไปถึงกรณีถ้าอู๋ฮ่าวเหรินจะยอมส่งวัตถุดิบให้หลังจากได้รู้ถึงพลังแห่งกฏของจักรวาลด้วย เพราะตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเรียนรู้เจ้าสิ่งนั้น

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังห้องวัตถุดิบที่ตอนนี้กลายเป็นห้องโล่งๆไปแล้วหลังจากที่เขาเพิ่งกวาดของไปจนหมด ดูๆแล้วก็แอบระเหี่ยใจเลยนะเนี่ย…

 

“เอาล่ะ ทีนี่น่าจะไม่เหลืออะไรแล้ว เราไปต่อกันได้แล้วล่ะ”

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่อู๋ฮ่าวเหรินจะยอมหยุดอยู่ที่นี่ที่เดียวโดยไม่สนใจที่จะเก็บเกี่ยวที่อื่นต่อ

 

ทันทีที่เขาออกมาจากคลังแสง เขาก็ต้องมึนงงขณะที่อุปกรณ์ด้านนอกกำลังเริ่มทำงาน

 

“เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานจนกว่าพลังงานจักวาลที่ล้อมที่นี่ไว้จะหมดไปหรอกเหรอ? ทำไมอุปกรณ์ที่อยู่ด้านนอกพวกนี้ถึงเริ่มทำงานล่ะ?”

 

“นายหมายถึงพวกเครื่องมือต่างๆของโบราณสถานที่อยู่ด้านนอกเหรอ?”

 

“ใช่ มันเพิ่งเริ่มทำงานขึ้นมา”

 

“น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นละมั้ง เพราะว่าพลังงานของโบราณสถานแห่งนี้มันยังไม่หมดน่ะ เอาเป็นว่าระวังเนื้อระวังตัวตอนเดินทางต่อด้วยล่ะ”

 

ดั่งคำที่นักธุรกิจพลังงานพูดนั่นแหละ อะไรบางอย่างที่อยู่ข้างนอกนี่มันเปลี่ยนไป

 

ระหว่างนั้น เหล่าผู้คนที่มาจากทั่วทั้งจักวาลก็มารวมตัวล้อมรอบๆโบราณสถาน มันทำให้บนฟากฟ้าเต็มไปด้วยยานอวกาศเต็มไปหมดเลย

 

หลังจากที่เห็นว่าอารยธรรมซุยหมิงเองก็ไม่สามารถเข้ามีกรรมสิทธิ์ที่นี่เหนือคนอื่นได้ แถมยังดูเหมือนว่าจะเข้าไปในโบราณสถานไม่ได้ด้วย มันเลยกลายเป็นข่าวง่ายขึ้นไปอีก

 

ดังนั้นแล้วมันจึงดึงดูดคนให้เข้ามาที่นี่มากกว่าที่อู๋ฮ่าวเหรินคาดการณ์ไว้ซะอีก

 

และสำหรับพวกนักฆ่าที่เข้ามาเพื่อหาตัวอู๋ฮ๋าวเหรินเองก็คอยสอดส่องมองหาตัวเขาอยู่รอบๆโบราณสถานด้วย

 

โชคร้ายหน่อยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าอู๋ฮ่าวเหรินเข้าไปในโบราณสถานแล้ว

 

แต่เดิมแล้วพวกเขาตั้งใจจะรอให้พลังงานอวกาศที่ห่อหุ้มโบราณสถานแห่งนั้นไว้หายไปก่อน แต่จู่ๆตัวโบราณสถานเองก็เปิดประตูของมันเองขึ้นมา

 

ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับใครก็ตามที่กำลังรออยู่ ดูเหมือนว่าครั้นที่อารยธรรมนี้สร้างโบราณสถานขึ้นมา ตัวมันเองก็เตรียมที่จะเลือกหาผู้สืบทอดอยู่ด้วย

 

โชคร้ายเป็นของอู๋ฮ่าวเหรินที่แอบเข้ามาเพราะเขาไม่ได้รับข้อความจารึกโบราณสถานใดๆทั้งสิ้น และมันทำให้เขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

 

ชัดเจนเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกคนที่อยู่ด้านนอกได้เจอกับโบราณสถานเช่นนี้

 

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ได้เจอโบราณสถาน มันก็ทำให้ผู้คนสนใจได้แล้ว

 

คนจำนวนมากดั่งฝูงมดอันกันเข้ามาบริเวณทางเข้าหลักที่เพิ่งเปิดและหายวับไปในโบราณสถานแห่งใหญ่นี้

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาผ่านทางเข้าทางเดียวกัน หากแต่ก็พบว่าเมื่อเข้ามาได้แล้วก็จะไปอยู่กันคนละที่เลย

 

แน่นอนว่ามันต้องมีพวกคนที่พยายามจะไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่หลังจากสัญญาณเตือนการโจมตีด้วยอาวุธพลังงานของโบราณสถานดังขึ้น พวกเขาก็ได้รับการปฏิบัติในแบบที่ตรงไปตรงมาเมื่อยานภายนอกถูกกำจัดหมดแล้ว

 

สถานการณ์ปัจจุบันนั้น ถ้าเปรียบโบราณสถานเป็นคอมพิวเตอร์ที่กำลังทำงานตามโปรแกรม คนที่เข้ามาด้วยวิธีปกติก็คือพวกผู้เข้าชมทั่วไป มีเพียงอู๋ฮ่าวเหรินเท่านั้นที่เข้ามาไม่ปกติ เพราะงั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นแฮ็คเกอร์

 

ในกรณีของอู๋ฮ่าวเหริน เพราะตัวเขาเองไม่ได้ทำตามกฏ ดังนั้นเข้าจึงต้องระวังตัวดีๆเนื่องจากไม่มีการรับประกับว่าเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด โชคดีของเขาที่ว่าได้แผนที่และข้อมูลมาจากอนาคต ไม่งั้นแล้วคงไม่ต่างกับแมลงวันไร้หัวที่บินไปมาแบบไร้ทิศทาง

 

คนที่เข้ามาด้วยเส้นทางปกติ ตราบใดก็ตามที่พวกเขาไม่ละเมิดกฏของโบราณสถานแห่งนี้ พวกเขาก็จะไม่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย

 

แน่นอนว่าการปฏิบัติตามกฏจะทำให้คนๆนั้นค่อนข้างถูกจำกัดสิทธิ์หลายอย่างรวมไปถึงสูญเสียหลายอย่างด้วย

 

ในสถานการณ์แบบนี้ หากอู๋ฮ่าวเหรินยังไม่รีบ เขาอาจจะไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการก็ได้

 

ตัวเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ๋์ตอนนี้เป็นยังไง แต่ถึงแม้จะรู้เขาก็คงจะยังเดินหน้าไปยังสถานที่ต่อไปอยู่ดี 



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น