CF:บทที่ 436 คนโสดถูกคุกคาม
ณ ภัตตาคารของฟิวเจอร์กรุ๊ปกลุ่มคนรวมตัวพูดคุยกันถึงข้อมูลต่างๆที่ได้รับมาในวันนี้
“ได้ข้อความอีกแล้วรึ?”
“ไม่ล่ะ ฉันตั้งระบบกั้นข้อมูลจากคนแปลกหน้าไปแล้ว คนพวกนี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ”
“งั้นก็ดีไป ฉันได้ยินมาว่ามีคนมาชูป้ายอยู่หน้าประตูบริษัทด้วย”
อีกคนพูดขึ้นมาว่า “ฉันแต่งงานไปแล้วแท้ๆ ใครไปบอกคนพวกนั้นว่าฉันยังไม่ได้แต่งงานกัน? เมื่อครู่ภรรยาฉันโทรมาถามว่าฉันไปล่อลวงผู้หญิงที่ไหนมาแล้วขอให้ฉันกลับบ้านไปอธิบายด้วย ถ้าอธิบายไม่ชัดเจนคืนนี้มันจะเป็นคืนที่เลวร้ายมาก”
“ฮ่าๆ แล้วใครบอกให้นายไม่อัพเดทข้อมูลตัวเองในบริษัทล่ะ? ตอนนี้คนพวกนี้ทำทุกวิธีการเพื่อให้ได้สิทธิ์การรักษาแล้ว”
หวัง หลานยกโทรศัพท์ขึ้นมาและพูดว่า “ฉันจะไปหาประธานขอให้ฉันสร้างกฎขึ้นไม่งั้นพวกเราคงมีปัญหากันไม่จบสักที”
“รีบเลยหลาน แม่ฉันเพิ่งโทรมาบอกว่ามีคนตามหาเธอเพื่อขอให้เธอแนะนำให้ฉัน” หลิว หมิงเยว่พูดอย่างลำบากใจ
“แล้วพวกคนที่ยังไม่ได้แต่งงานของแผนกคอมพิวเตอร์ล่ะ ทำไมไม่บ่นกันเลย?”
“เราไม่เห็นได้ข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีใครโทรมาคุกคามเลยล่ะ!”
“เป็นไปได้ยังไง? ฉันเพิ่งอ่านมาในอินเตอร์เน็ตว่าพวกเธอเป็นเป้าหมายหลักของพวกนั้นเลยนะ ทำไมถึงไม่มีใครมาทำอะไรเลยล่ะ?”
“มันคงเพราะพวกเราใช้มือถือและบัญชีส่วนตัวที่เปิดระบบปิดกั้นข้อมูลไว้ล่ะมั้ง คนพวกนั้นเลยส่งข้อความมาหาเราไม่ได้” หวัง เจี่ยพูดอย่างไม่แน่ใจ
“ระบบปิดกั้นข้อมูล บริษัทเรามีโปรแกรมอะไรแบบนั้นด้วยหรือ?”
“มีสิ ปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทเรานั้นทรงพลังมากจนระบบปิดกั้นข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆไปเลย”
พอได้ยินถึงระบบนี้แล้วกลุ่มคนก็สลดไป พวกเขาไม่รู้เลยว่าพวกเขาสามารถปิดกั้นข้อมูลส่วนตัวได้
ทว่าต่อให้พวกเขาปิดกั้นข้อมูลพวกนั้นไป ก็ปิดกั้นพวกคำขอแต่งงานที่อยู่ในเว็ปไซต์ทางการไม่ได้อยู่ดี
ไม่ช้าฟอรั่มทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะต้องกลายเป็นเว็ปไซต์ขอแต่งงานแน่เพราะมีคนจำนวนมาตั้งคำขอไว้
ในตอนบ่าย หวัง หลานไปถามอู๋ ฮ่าวเหรินโดยตรงที่ห้องทำงานว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนต้องถูกรบกวนชีวิตแน่นอน
“ประธาน คนโสดทุกคนในบริษัทกำลังถูกคุกคามโดยข้อความแม้แต่พี่เหมยหรูยังโดนเลย ต้องแก้ปัญหานี้ให้เร็วเลย”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?”
“ประกาศออกไปเลยว่าพนักงานของเราไม่สนุกกับเรื่องนี้เลย”
“ก็ได้ จะทำอะไรก็ทำเลยไม่ต้องขอฉันหรอก”
อู๋ ฮ่าวเหรินมั่นใจว่าต่อให้ประกาศออกไปแบบนั้นก็ไม่เป็นผล เขาไม่มีทางแก้ไขเรื่องนี้ได้เลย ทว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับยารักษาโรคเส้นประสาทมันจึงต้องได้รับการแก้ไข
ขณะนี้บางคนในโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปเห็นข้อมูลที่พวกเขาได้รับสีหน้าพวกเขาก็แปลกไป
คนพวกนี้ก็เป็นพนักงานที่มีศักยภาพของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่จะเข้าบริษัทในภายภาคหน้า แล้วก็กำลังสนุกกับการกระทำแบบเดียวกันอยู่
“แต่ก่อนฉันก็อยากจะมีคู่นะแต่หน้าตาฉันไม่ค่อยดี ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะมีคนมาจีบเองเลย เราจะแต่งงานตอนไหนก็ได้นะเนี่ย”
“อย่าเลย นั่นมันเพราะผลจากเรื่องการรักษาโรคเส้นประสาทหรอก คนพวกนี่หวังแต่จะหาคนของฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อแต่งงานเอาสิทธิ์การรักษาเหมือนกับพวกอยากซื้อบ้านนั่นแหละ บางทีพอรักษาจนหายดีแล้ว พวกเขาก็จะขอหย่ากับนาย”
“ลืมเรื่องแต่งงานจากเหตุนี้ไปได้เลย พวกนายทั้งหมดคือคนที่จะได้เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปนะแล้วจะกลัวว่าจะหาภรรยาไม่ได้ไปทำไม”
“ถ้ายังอยากขับยานอวกาศอนาคต กลัวเรื่องไม่มีเงินดีกว่า เพราะบางทีนายอาจจะได้มนุษย์ต่างดาวมาเป็นภรรยาก็ได้ ฮ่าๆ”
“...”
เวลานี้เว็ปไซต์ทางการของบริษัทคึกคักกว่าที่เคยเป็นมา เห็นกระทู้ขอแต่งงานพวกนั้นแล้วบางคนก็เริ่มจัดการกับมัน
เพื่อที่จะแก้ปัญหาความปลอดภัย ผู้ดูแลเว็ปไซต์ทางการจึงปิดกั้นข้อมูลของพนักงานบางคนไป
แต่สายไปเสียแล้ว คนเหล่านั้นได้เปิดเผยข้อมูลพื้นฐานไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในภาวะฉุกเฉินและเข้าใจความรู้สึกได้ก็ตาม แต่การกระทำแบบนี้มันอันตรายมาก
“นายลืมมันไปเสียดีกว่านะ ทำแบบนี้ไปก็ไม่ได้แต่งงานหรอก การแต่งงานที่ไม่มีความรู้สึกต่อกันมีแต่หวังผลประโยชน์มันไม่ดีหรอก”
“นั่นแหละ ถึงจะเข้าใจความรู้สึกที่อยากถูกรักษาก็เถอะ แต่ทำแบบนี้มันก็เกินไป”
“ดูสิ พนักงานถูกบีบให้ต้องออกมาประกาศเลยนะ”
“ตามสถาณการณ์ปัจจุบัน ฉันไม่คิดว่าจะมีใครทำสำเร็จหรอก เหล่าคนโสดในฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่ยอมแต่งงานในสถานการณ์เช่นนี้แน่นอน สำหรับคนพวกนั้นเขาไม่กลัวที่จะหาภรรยาไม่ได้หรอก”
เหล่าชายโสดที่รู้สึกว่าหาภรรยาได้ยากต่างรู้สึกอิจฉา
เป็นที่เล่าขานกันว่าจะสามารถหาภรรยาได้อย่างง่ายได้หลังจากที่เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ บางคนก็ยึดถือเหตุผลนี้และสมัครเข้าบริษัทไปเช่นกัน
“ฉันคิดว่าคนอย่างพวกเราที่หาภรรยาไม่ได้ ควรจะไปหาวิธีเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปดีกว่า หากเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปไปแล้วการหาภรรยาจะต้องง่ายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน”
“แล้วนายคิดว่าบริษัทนั่นมันเข้าง่ายรึไง? ลองดูการรับสมัครพนักงานภาพยนตร์และการการโทรทัศของฟิวเจอร์กรุ๊ปสิ มีคนมากขนาดไหนที่สมัครไป แล้วมีสักกี่คนกันที่ผ่านขั้นแรกไปได้”
แน่นอนว่าการรับสมัครพนักงานภาพยนตร์และการการโทรทัศของฟิวเจอร์กรุ๊ปในช่วงนี้ จำนวนผู้เข้าสมัครนั้นสูงจนน่ากลัว หลายคนก็ไม่ผ่านแม้แต่ด่านแรกไปได้ด้วยซ้ำ
ผู้ที่จะเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้จะต้องไม่ใช่แค่มีความสามารถตรงตามต้องการแต่ยังต้องมีบุคลิกที่เหมาะสมด้วย
ในตอนค่ำ ในที่สุดคนเบื้องบนก็โทรมสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการรักษาโรคเส้นประสาท
ไม่แค่จีนที่กังวลกับเรื่องนี้ หลายประเทศก็ได้มาสอบถามกับฟิวเจอร์กรุ๊ปเช่นกัน
อู๋ ฮ่าวเหรินตอบพวกเขาไปตรงๆว่าหากแก้ปัญหาเรื่องยาไม่ได้ ก็คงไม่สามารถสนับสนุนเทคโนโลยีการรักษาได้อย่างเต็มที่
หลังจากที่เขามาถึงบ้านในตอนค่ำ เห็นสีหน้าของพ่อแม่เขาแล้วก็คิดว่าพวกเขาต้องรู้เรื่องแดฟเน่แล้วแน่นอน
น้องสาวก็ปั้นหน้าใส่เขา อู๋ ฮ่าวเหรินจึงพูดว่า “แม่จะถามอะไรผมก็ได้นะ”
“แดฟเน่คนนั้นเป็นใครกัน? คงไม่ใช่แฟนลูกหรอกใช่มั้ย? แน่นอนว่าหากลูกจะหาภรรยาเป็นชาวต่างชาติเราก็ไม่ค้านอะไรหรอก”
“ไม่ใช่นะแม่ เธอเป็นคนไข้ที่มารักษาตัวที่บริษัท ด้วยเหตุผลบางอย่างตอนนี้เธอจึงยังต้องอยู่ที่จีนไปอีกสักพัก แล้วอีกอย่างอย่างไปสอนอะไรแบบนั้นให้หลิง เหมิงเสวี่ยสิ”
“บอกแม่ไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ยายของหลิง เหมิงเสวี่ยต่างหากที่เป็นคนสอนเธอ”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก ยายแก่นี่จริงๆเลย ช่างเถอะ เขาพูดเรื่องนี้ไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา
หลังจากที่เขากลับเข้าห้องไป อู๋ ฮ่าวเหรินก็เข้าระบบซองแดง ช่วงนี้เขากำลังสนใจสถานการณ์ของสงครามในโลกอนาคต
0 ความคิดเห็น