CF:บทที่ 414 เตรียมการเปิดโรงเรียน
เขาใช้เวลาอยู่ในทะเลทรายมากกว่าสิบวัน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาประกอบโครงสร้างพื้นฐานได้เสร็จสมบูรณ์พอดี
ข่าวดีอีกอย่างก็คือว่ายานอวกาศลำดังกล่าวสามารถขึ้นไปลอยได้อย่างปลอดภัย และอีกสัปดาห์หนึ่งก็จะไปถึงดาวเคราะห์ที่กำหนดไว้ตามตาราง แล้วจากนั้นก็จะเริ่มเก็บสะสมพลังงาน
และข่าวดีอีกเรื่องก็คือเขาโดนมองว่าเป็นคนบ้า หลังจากที่ในหลายๆประเทศได้รู้ว่าเขากำลังไปทำอะไรที่ทะเลทราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการสร้างกำแพงขึ้นในทะเลทราย หลายคนพูดกันว่าสมองเขาคงมีปัญหาเลยใช้พลังงานไปมากมายกับเรื่องที่จะสร้างโครงการเช่นนั้น
แม้จะมีบางคนว่าเขาเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ยังแนะนำเขาเป็นนัยๆในเรื่องความคิดตรงนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงเข้าใจ
ไม่ว่าจะเจาะลึกมากแค่ไหนหรือทำมากเท่าไหร่ พวกเขาจะเห็นอนาคตของโลกเป็นเช่นไร พวกเขาจะรู้ไหมว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ
เมื่อมองไปยังด้านนอกทะเลทรายที่ตอนนี้ไม่ได้สุดลูกหูลูกตาอีกต่อไปแล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็พยักหน้า ในเวลาสั้นๆ ทรายที่นี่จะเปลี่ยนแปลงไปราวกับมนต์บันดาลพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของพลังงานพืช
ความจริงนั้น ทรัพยากรน้ำใต้ดินของที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ แต่นั่นก็เป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ ถ้าได้ปั๊มน้ำขึ้นมา พระอาทิตย์ก็จะทำให้ระเหยไปหมด
ฉะนั้นพืชที่เขาปลูกจึงไม่ได้ต้องการน้ำ แต่ต้องการพลังงาน
สภาพอากาศในทะเลทรายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชแบบนี้ ถ้าพืชพวกนี้โตขึ้น ก็จะช่วยกันแสงอาทิตย์จากพื้นดินได้
ในกรณีนั้น น้ำในทะเลทรายจะต้องมีการกักเก็บไว้ เพราะถ้ามีน้ำ ก็จะมีพื้นที่ปลูกพืชเพิ่มขึ้น และถ้ามีพืชพวกนี้ก็จะมีพวกสัตว์ ทะเลทรายจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน
กำแพงที่ได้รับการทาสีดูพิเศษขึ้นมาจริงๆ ในท้ายที่สุด เขาก็ได้สร้างหุ่นยนต์และประติมากรรมบนพื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้
อาจจะต้องใช้เวลาอยู่นาน ถ้าจะมีใครสักคนขุดกำแพงโบราณนี้บนโลก และนี่ต้องเป็นเรื่องอัศจรรย์
อีกสามวัน โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินจึงขับรถยนต์ออกไปจากทะเลทราย
ภายในรถนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังดูรูปภาพที่ยานอวกาศส่งมา เขาดูรูปดาวขนาดใหญ่ ดาวหลายๆดวงนี้จะได้รับการพัฒนาเป็นดาวเคราะห์ที่มนุษยชาติสามารถไปอยู่อาศัยได้
เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่งสดใส ผู้คนก็เริ่มหาว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวลล่ะก็ อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะออกจากโลกนี้ไปด้วยยานอวกาศแน่
แน่นอนล่ะว่า ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งย่อมเต็มไปด้วยอันตราย
โดยเฉพาะกับพื้นที่พิเศษบางที่ ถ้าคุณบังเอิญเข้าไปล่ะก็ ก็จะไม่ได้กลับออกมาอีก
หลังจากที่เขาได้ส่งรูปภาพที่ผ่านกระบวนการมาให้กับระบบซองแดงแล้วนั้น คนพวกนั้นก็ต่างอิจฉาและก็สับสน
มีคนมากมายต่างถามว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมาและมีดาวเคราะห์อีกกี่ดวงที่เขาเห็นว่ายังไม่ได้พัฒนา
และมีบางคนที่เริ่มจับจองทรัพยากรพิเศษให้ตัวเอง ตราบใดที่พบแหล่งทรัพยากรพวกนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะได้ของดีจากในระบบซองแดงแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงคราม การทำลายล้างยังเป็นช่วงเวลาของการแย่งชิงระหว่างอารยธรรมกับอารยธรรม
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินกลับไปที่อำเภออวิ๋นหลง ที่นี่กลับเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ใจกลางของอำเภออวิ๋นหลงและเมืองหลี่ซุย มีการสร้างตึกขึ้นมาเป็นแถว
ฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ตอนนี้ต่างคนต่างยุ่ง ทั้งหญิงและชายที่ผ่านการสอบแล้วนั้นต่างก็เดินเข้ามาในฟิวเจอร์กรุ๊ปก่อนแล้ว
เมื่อต้องได้พบเจอกับคนใหม่ๆ ตึกสอนที่สุดแสนจะทันสมัย พวกเขาก็รู้สึกเหมือนต้องมนต์
แม้จะยังไม่รู้ว่าพวกตนจะได้เรียนอะไร ทำให้เกิดความสนใจที่จะอยากรู้อยากเห็น รวมถึงมีคนหลายคนอยากจะวิ่งไปที่ตึกดังกล่าวเพื่อไปเรียนที่นั่น
ในตอนนี้ อินเทอร์เน็ตก็วุ่นวายไปด้วย โดยทุกคนก็กำลังพูดกันว่ากลุ่มไหนจะสอนเรื่องอะไรกันในภายภาคหน้า
บางประเทศเองก็สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย อย่างเช่น กองทัพสหรัฐอเมริกาที่พวกเขาส่งคนเข้ามาติดตามนักเรียนในฟิวเจอร์กรุ๊ป
“ท่านนายพลครับ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้ว อีกไม่นาน พวกเราคงลงมือจัดการได้สำเร็จ”
“ดีมาก ตอนนี้เราจะทำอะไรผิดพลาดไม่ได้เลย เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่เราส่งไปจะจบภารกิจนี้ได้ด้วยดี”
“แต่ก็น่าอนาถจริงๆที่มีคนของเราอยู่คนหนึ่งถูกเจอตัวในอาวุธนั่น ในยานอวกาศลำนั้น ไม่อย่างงั้น กองกำลังลับของเราคงจะได้จัดการให้เสร็จไปแล้ว”
“ที่นั่นมีทุกอย่าง ยานอวกาศนั่นจะทำให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อืม พวกคนจีนคงคิดกันว่าถ้าพวกเขาเป็นจ้าวแห่งเทคโนโลยีฟิวชันแล้วล่ะก็ ตัวเองก็จะอยู่เหนือพวกเรา ดูท่าพวกมันจะยังไม่ตื่น”
“คาดว่าแผนการเรื่องยานอวกาศของเราคงจะสำเร็จก็ปีหน้า แล้วจากนั้นเราก็จะสามารถเดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นเพื่อหาทรัพยากรมาได้ พอถึงตรงนั้น พวกมันจะได้เข้าใจเรื่องความห่างชั้นระหว่างเราเสียที”
...
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินมาที่ฟิวเจอร์กรุ๊ป เขาก็เห็นว่าที่นี่เกิดความวุ่นวายมาก การที่มีนักเรียนเข้ามาใหม่ทำให้ภาคส่วนของการค้าขายตามริมถนนที่เพิ่งเปิดในอำเภออวิ๋นหลงนั้นขายดีอย่างมาก
เพียงหลังจากเข้าไปในที่ทำงาน หวัง หลานในชุดแบบทางการก็ตามเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ
“ท่านผู้บริหารคะ นี่เป็นเอกสารล่าสุด นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐเองก็ยังได้จัดตั้งสถาบันวิจัยพันธุ์พืชขึ้นในฟาร์มของบริษัทเราด้วยค่ะ”
“โอ ฉันรู้แล้วล่ะ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกนะ ปล่อยให้พวกเขาศึกษาไปเถอะ”
หวัง หลานลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “ยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากสถาบันวิจัยคนที่เคยมาบริษัทเราสองสามวันก่อน ที่มาสอบถามเรื่องของท่านค่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินนิ่งไปพักนึง จากนั้นจึงคิดทบทวนว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ล่าสุดที่เขาโทรหาจื่อ หยงก็บอกเขาเรื่องนี้ เรื่องของตู้ ซิ่นถิง ที่มากับสถาบันวิจัยด้วย
“คราวหน้าถ้าเธอกลับมาที่นี่ บอกพวกยามด้วยว่าอย่าให้เธอเข้ามา”
“เข้าใจแล้วค่ะ ไว้เดี๋ยวดิฉันจะโทรบอกพวกเขาให้”
“แล้วว่าแต่ พวกนักเรียนเป็นยังไงกันบ้าง”
“เราจัดให้พวกเขาทุกคนอยู่ในหอพัก บางคนก็กำลังไปก็คงจะถึงพรุ่งนี้ค่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดไปครู่หนึ่งพลางเอ่ยขึ้น “งั้นเดี๋ยวเราไปตึกเรียนกันเผื่อได้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้วย”
“ค่ะ”
เมื่อหวัง หลานเดินออกไป อู๋ ฮ่าวเหรินจึงเปิดคอมพิวเตอร์และคลิกเข้าไป ทางกั้นของตึกเรียนได้ยกออกไปแล้วตอนนี้ ดังนั้นการที่จะเข้าไปในตึกเรียนได้ก่อนย่อมเป็นไปไม่ได้
เมื่อนักเรียนกลุ่มดังกล่าวรวมถึงคนจากฟิวเจอร์กรุ๊ปรับทราบเรื่องนี้แล้ว พวกเขาจึงไปรวมตัวกันที่ใต้ตึกของบริษัทอย่างรวดเร็ว
พวกเขาทั้งหมดต่างพูดกันว่าข้างในตึกเรียนนี้จะดูเหมือนอะไร
“มีคนบอกว่าหุ่นยนต์จะเป็นคนสอนเราหมดรวมถึงจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ด้วย”
“แม้แต่พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปเองยังไม่รู้เลยว่าจะสอนความรู้เรื่องอะไรในตึกนี้ เรื่องนี้ช่างลึกลับมากจริงๆ”
“ฉันก็มีความคาดหวังอยู่บ้าง ในอีกไม่กี่วันนี้ ฉันก็จะได้รู้ถึงเทคโนโลยีอันทรงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ป โดยเฉพาะพวกหุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งสุดๆนั่น”
“ทุกคน ขึ้นมา ทุกคน ขึ้นมา ตามหมายเลขกับข้อมูลที่ได้รับไปนะครับ อย่าขึ้นรถบัสผิดคันเสียล่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้กล่าวอะไรออกไปทั้งนั้น ในความเห็นของเขา การทำอะไรแบบนั้นเป็นอะไรที่เสียเวลา
“นี่ไง เห็นไหม รถนี่ก็มีเวทมนต์ ไม่มีล้ออีกต่างหาก”
“บินขึ้นได้เลย”
“ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นจ้าวเทคโนโลยีในเรื่องนี้ ทำไมถึงไม่มีข้อมูลตรงนี้มาก่อนเลยล่ะ”
เมื่อเห็นรถของอู๋ ฮ่าวเหรินจอดอยู่ตรงหน้าตน แม้แต่คนในฟิวเจอร์กรุ๊ปเองก็ต่างรู้สึกประหลาดใจ
เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าเลยเจ้านายของตนมีรถบินได้ด้วย
เจ้าหน้าที่ที่หลายประเทศส่งมารู้สึกว่าพวกตนดูโง่ไปในทันที เมื่อพวกเขาได้ยินว่าภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามที่จะใช้เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เพื่อศึกษาลักษณะเครื่องบินแบบนี้ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฟิวเจอร์กรุ๊ปนี่เอง
0 ความคิดเห็น