CF:บทที่ 413 ยานทะเลทราย
ทรายสีเหลืองที่ทอดยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด ในตอนเช้านั้น พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่ในตอนนี้กลับร้อนระอุราวกับอยู่ในเตาเผา
รถชัตเติ้ลบัสของ อู๋ ฮ่าวเหรินวิ่งผ่านเนินทราย ตามมาด้วยฝูงหุ่นยนต์ ทุกตัวล้วนแต่เป็นวัสดุที่หลากหลายรวมกัน
“ช่างห่างไกลผู้คนจริงๆด้วย”
แต่อย่างพวกโจรทะเลทรายและพ่อค้าขี่อูฐก็มีแค่ในหนังกับโทรทัศน์เท่านั้น เพราะทะเลทรายจริงๆนั้นเป็นสถานที่ต้องห้าม
หลังจากที่รถจอด เขาก็เดินลงมา อู๋ ฮ่าวเหรินอยู่อยู่บนเนินทราย มองไปรอบๆ เขาไม่พบพืชใดๆและต่อให้มองสักแค่ไหน มันก็ดูเหมือนไม่ได้มีแค่ทราย แต่ก็มีแต่ทรายนั่นแหละ
“จี้ มาเริ่มกันเลย เราจะเริ่มกันจากตรงนี้ อันดับแรก ให้สร้างส่วนที่เป็นกำแพงป้องกัน เดี๋ยวฉันจะไปที่กลางทะเลทรายและเลือกสถานที่”
เมื่อได้รับคำสั่งจาก อู๋ ฮ่าวเหรินหุ่นยนต์จึงขนส่งวัสดุจากอุปกรณ์ขนส่งนั้นไปอย่างรวดเร็ว
อู๋ ฮ่าวเหรินจะสร้างกำแพงทรายที่นี่ เพราะการปลูกพืชบนผืนทรายนั้นเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่า กำแพงจะเป็นสิ่งขัดขวางเพื่อบอกใครต่อใครว่าที่แห่งนี้มีเจ้าของ
แผ่นเหล็กสูงกว่าห้าเมตรที่สร้างขึ้นบนเนินทรายนั้น ทรายโดนลากไปกองตรงกลางแผ่นเหล็กด้วยอุปกรณ์ ก้านเหล็กลักษณะแปลกๆถูกเสียบเข้าไปในแผ่นเหล็กนั้น
อุปกรณ์ฟิวชันได้รับการเชื่อมต่อเรียบร้อย แต่ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนทรายเป็นกำแพงของเหลวล่ะก็ ถ้าไม่มีพลังงานก็ทำไม่ได้
เพราะเหตุผลนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงสร้างวัสดุบางตัวจากในประเทศและอุปกรณ์ฟิวชันนิวเคลียร์ชิ้นเล็กๆเพื่อจ่ายพลังงาน
ไม่กี่นาทีต่อมา กำแพงทรายกว้างสี่เมตรจากด้านล่างและสองเมตรจากด้านบน ยาวสิบเมตรสูงห้าเมตรก็ปรากฏขึ้นในทะเลทราย
ซิลิโคนไดออกไซด์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของทรายนั้นเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับทำแก้ว แต่สิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินทำจริงๆก็คือละลายมัน
แต่อย่างไรก็ตาม เพราะยังมีสิ่งปนเปื้อนมากมายอยู่ในสารตัวดังกล่าว สีของตัวสารจึงไม่โปร่งใส แต่กลับปรากฎสีลักษณะแปลกๆ
ในอนาคต กำแพงพวกนี้จะกลายเป็นทิวทัศน์ของทะเลทราย
แต่ถ้าเป็นเพียงแค่กำแพงใหญ่กำแพงหนึ่งก็จะไม่สามารถหยุดพายุทะเลทรายได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เชื่อมกำแพงเข้าด้วยกันแล้วนั้น กำแพงนี้จึงมีขนาดใหญ่มาก แม้แต่ลมก็ยังไม่ทำให้กำแพงพวกนี้สะเทือน
ส่วนหุ่นยนต์ตัวใหญ่นั้น
ก็เริ่มย้ายแผ่นเหล็ก สร้างกำแพงอันต่อไป นี่เป็นกำแพงทรายที่คล้ายกับกำแพงเมืองจีน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว กำแพงก็จะครอบคลุมพื้นที่ถึง 50000 ตารางกิโลเมตร
พลังงานที่ใช้สร้างกำแพง ถ้าคนอื่นรู้เข้าก็จะหาว่าอู๋ ฮ่าวเหรินเป็นแกะดำ
หุ่นยนต์ทุกตัวที่เขานำมานั้นต่างเข้าจัดการ นอกเหนือจากการปลูกพืชแล้วนั้น เขายังได้สร้างฐานลับที่นี่ด้วย
วัตถุดิบทั้งหมดที่ยานอวกาศนำกลับมาจากท้องฟ้าจะต้องนำมาไว้ที่นี่ อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังจะสร้างฐานยานอวกาศขนาดใหญ่ใต้เนินทรายแห่งนี้
สำหรับประเทศพวกนั้น พวกเขาต้องการใช้ดาวเทียมจับตาดูเขา อู๋ ฮ่าวเหรินขอให้จี้ปล่อยข้อมูลเท็จไปกับดาวเทียมสอดแนมทุกตัวในบริเวณนี้ผ่านดาวเทียมที่เขาเป็นคนปล่อยออกไป
แผนกดาวเทียมของประเทศ กลุ่มพนักงานต่างกำลังตรวจสอบสถานการณ์ของอู๋ ฮ่าวเหรินในทะเลทรายผ่านทางเทคโนโลยีดาวเทียม
แต่พวกเขากลับตามรอยตัวอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ ทำได้แค่ดูผ่านเทคโนโลยีตัวนี้เท่านั้น
“เป็นยังไงบ้าง”
“ไอ้ผู้ชายคนนี้มันพวกขี้แพ้ เขาใช้เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เพื่อละลายทรายและสร้างกำแพงขึ้นมา เห็นไหม นี่เป็นภาพของพวกเรา จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาต้องการจะสร้างกำแพงเมืองประมาณ 50000 ตารางกิโลเมตร”
“บ้าไปแล้ว แต่ฉันขอพูดเลยนะว่า วิธีการของเขานั้นดีมากจริงๆ และมีแค่คนนี้คนเดียวที่กล้าทำแบบนี้ พวกเรามีเทคโนโลยีฟิวชันนี้มานานแล้ว และยังมัวแต่ทดลองอยู่ในห้องแล็บกันอยู่เลย แต่นี่พวกเขากลับเอาไปใช้เสียแล้ว”
“ยังกับว่าเทคโนโลยีนี้จะมาจากองค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังของเขาอย่างไรอย่างงั้นแหละ เพราะเทคโนโลยีนี่ทั้งทรงพลังและน่ากลัว”
กลุ่มคนดังกล่าวรู้สึกหมดหวังเพราะไม่สามารถใช้เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์ได้ แต่พวกนั้นกลับใช้เทคโนโลยีตัวนี้สร้างตึกในทะเลทรายได้ซะอย่างงั้น
ในตอนนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินมายังจุดศูนย์กลางของทะเลทรายแล้ว หลังจากเตือนให้จี้ป้องกันดาวเทียมที่นี่ เขาก็ได้นำยานอวกาศลำใหญ่ขับไปนอกอวกาศ
เพราะระดับที่มีขนาดใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ความเร็วในการเปลี่ยนระบบของยานจึงไปได้ช้าเล็กน้อย
ยานอวกาศทั้งลำใช้เวลามากกว่าสิบนาทีในการพุ่งออกไป อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกกังวลในเรื่องนี้ เพราะถ้ามันยังไม่เสถียร คงเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่จะออกจากที่นี่ไปเพียงครึ่งทาง
เมื่อมองไปที่ยาน ดวงตาของอู๋ ฮ่าวเหรินก็ลุกโชนจนในที่สุดเขาก็ได้เห็นยานอวกาศที่แท้จริง
หลังจากเดินวนดูสักสองรอบได้ อู๋ ฮ่าวเหรินก็เอ่ยถามด้วยความกดดัน “แล้วจะเข้าไปได้ยังไง”
ใช่แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินยังหาทางเข้าไปไม่ได้เลย ถึงยานอวกาศจะมีประตู แต่เขากลับเห็นว่าประตูดังกล่าวเปิดไม่ได้สักนิด
จี้ฉายฟังก์ชันพื้นฐานของยานอวกาศอย่างเงียบๆ อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกอายเพราะคาดไม่ถึงว่าจะง่ายขนาดนั้น
เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็เดินตรงไปข้างใน ในตอนนี้ ประตูเปิดแล้วอัตโนมัติ
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มเทียนหยูกำลังสืบหาร่องรอยของ อู๋ ฮ่าวเหรินพลางมองสัญญาณที่ขาดหายไปด้วยความรู้สึกกดดัน
“ล้มเหลวอีกแล้ว”
“อืม สัญญาณขาดหายไป แปลกนะถ้าเมื่อไหร่ที่เขานำอะไรออกมาจากช่องซองแดง สัญญาณการติดตามที่เราตั้งไว้จะหายไป จนฉันสงสัยว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในจักรวาลใดๆอีกแล้ว”
“ลืมเรื่องเขาไปเถอะ ตอนนี้ มีอารยธรรมหลายอย่างเข้าร่วมสงคราม และสงครามอารยธรรมมนุษย์ก็อยู่อีกไม่ไกล เราควรต้องเร่งมือสะสมวัตถุดิบได้แล้ว”
แต่อู๋ ฮ่าวเหรินกลับไม่รู้ว่ามีใครบางคนต้องการจะติดตามเขาและหาตัวเขา
ในตอนนี้ เขาเข้าไปในห้องควบคุมของยานอวกาศและกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขของยานอวกาศ
“ต่อไป คนจะเรียกนายว่าเป็นนักสำรวจและนักบุกเบิก แล้วนี่ส่งงานให้จี้ไปหรือยัง”
“ครับ ท่าน จี้ส่งข้อความมาหาผมแล้ว”
“อืม งานของนายคือหาพลังงานมาก่อน เมื่อนายมีพลังงานมาได้แล้ว ให้ไปดาวเคราะห์สักดวงและสร้างหุ่นยนต์ขุดเหมืองบนนั้น เพราะทรัพยากรบนโลกมีน้อยเกินไปและของหลายอย่างก็ไม่สามารถผลิตได้เพราะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ”
“ครับ ท่าน ผมจะจบงานนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“แต่ก็นะ หุ่นยนต์ที่นายจะนำไปด้วยรวมถึงพวกอุปกรณ์ดาวเทียม เมื่อนายส่งมันขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้วยวิธีนี้ เราก็จะติดต่อกันได้โดยตรง”
อู๋ ฮ่าวเหรินไปที่ห้องเก็บของก่อนจะนำหุ่นยนต์และดาวเทียมทั้งหมดไว้ข้างใน จากนั้นเขาก็กลับไปห้องพลังงานอีกครั้งแล้วโยนหินพลังงานทั้งหมดเข้าไปข้างใน
เขาจะต้องแน่ใจว่ายานนั้นมีพลังงานมากพอ และแม้แต่ในยามฉุกเฉินก็จะไม่มีปัญหาเนื่องจากการขาดแคลนพลังงาน
จริงๆแล้วนี่ก็คือยานอวกาศส่วนตัว แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการสำรวจดวงดาวเพราะมีอุปกรณ์ให้ความบันเทิงสุดหรูหรามากเกินไปข้างในนั้น ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่ อู๋ ฮ่าวเหรินก็อาจจะขับไปที่ดาวอังคารหรือดาวเสาร์
จากข้างในยานอวกาศ อู๋ ฮ่าวเหรินก็เริ่มใช้อุปกรณ์ที่ซ่อนไว้ในยานอวกาศก่อนจะดูยานที่หายลับไปในทะเลทรายด้วย
พวกเราจะต้องรู้สึกเศร้าใจว่าเทคโนโลยีอนาคตนั้นทรงพลังรวมถึงความเร็วแบบนี้ แม้ว่าประเทศพวกนั้นต้องการจะยิงยานอวกาศ ก็จะไม่สามารถทำได้
ตอนนี้ ยานอวกาศที่อยู่ในอวกาศนั้น ไม่นานก็หายวับเข้าไปในระบบสุริยะ
0 ความคิดเห็น