CF:บทที่ 409 ใครที่เราควรกลัว
ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตู้ ซิ่นถิงเดินกลับเข้าไปในวิทยาเขต ท่าเดินนั้นทำให้นักศึกษารุ่นน้องต่างหันมามองกันเป็นแถบๆ
เห็นได้ชัดว่า ในโรงเรียนนั้น เธอเป็นคนที่โดดเด่น ผู้ชายหลายคนล้วนเคยต่อยตีกับเธอมาแล้วเพราะเหตุนั้นทำให้เธอไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลย
ในสนามเล็กๆ ชายสูงวัยกำลังถือบัวรดน้ำเพื่อรดต้นไม้ในสนาม
“ครูคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อชายชราได้ยินเสียงนั้น เขาก็ยิ้มให้อย่างมีเมตตาก่อนจะเอ่ยขึ้น “กลับมาแล้วสินะ ซิ่นถิงคราวนี้ได้ไปยอมรับความผิดที่ตัวเองทำกับพ่อเขาไว้แล้วหรือยัง”
“โธ่ ครูคะ จริงๆแล้ว หนูยังไม่ได้กลับบ้านเลยค่ะ แต่หนูไปฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อตรวจสอบพืชที่เขาพูดถึงกัน”
“อืม ครูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เธอไป แล้วทำไมถึงยังไป การวิจัยของเราน่ะยังด้อยกว่าของคนอื่นๆอยู่นะ ไม่อย่างงั้น เธอก็คงคิดว่าครูจะล้มเลิกเรื่องวิจัยนี้ไปสินะ” ชายชราเอ่ยเสียงดุ
“หนูก็แค่ไม่เชื่อค่ะ ครูศึกษาเรื่องนี้มาเกือบทั้งชีวิตแล้วต้องมาแพ้ให้กับหมอนั่นที่เพิ่งโผล่มา ชื่อก็ไม่เคยได้ยิน แล้วครูยังต้องยกเลิกโครงการวิจัยไปในทันทีเลยด้วย”
เมื่อเห็นท่าทีของ ตู้ ซิ่นถิงแล้วนั้น ชายชราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นิสัยของเด็กคนนี้ดื้อรั้นเหมือนกับพ่อของเธอ
“ตอนนี้หนูได้เห็นความแข็งแกร่งของคนอื่นๆแล้ว หนูเองก็ไม่ได้คาดหวังให้ประเทศจีนต้องผลิตคนเก่งๆแบบนั้นแล้วประเทศจะได้เจริญรุ่งเรืองหรอกนะคะ”
“หืม เขาก็แค่คนโชคดีคนหนึ่ง ครูไม่รู้หรอกนะว่าเขาเรียนอะไรพวกนั้นมาหรือเปล่า”
“ครูคะ ไม่ว่าเขาจะเรียนมาหรือไม่ ครูน่ะคือคนที่สร้างคุณูประโยชน์ให้กับคนจีน แค่นั้นค่ะ ครูยังต้องการอะไรอีกมากมายหรือคะ โอเค ไปกินข้าวเย็นที่บ้านครูกันเถอะค่ะวันนี้”
“คุณยาย คุณครูกับซิ่นถิงมาทำอาหารจานโปรดที่นี่ตอนเที่ยงนี้ค่ะ”
“อ๋อ ซิ่นถิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้ามาล่ะจ๊ะ ข้างนอกหนาวจะตาย แม่หนู แล้วนี่ทำไมถึงใส่ชุดนี้มา เข้ามาข้างในเร็ว”
ตู้ ซิ่นถิงคล้องแขนหญิงชราก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
ในตอนบ่าย กลุ่มชายในวัยประมาณ 25-26 ปีในชุดยูนิฟอร์มทหารก็เดินเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนายถึงมาที่นี่ ฉันคิดว่ายัยปีศาจตู้พลาดแล้วล่ะที่อยากจะชวนฉันไปทานข้าวเย็นน่ะ”
“นี่ฝันกลางวันอยู่หรือไง ถ้าปีศาจตู้จะชวนนายไปกินข้าวล่ะก็ ไม่ให้พระอาทิตย์ตกทางทิศตะวันออกก่อนเถอะ นี่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโดนเรียกมาทำไม”
“ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีแน่ๆ พวกนายคอยดูต่อไปเถอะ และถ้าคราวนี้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นล่ะก็ อย่าพลาดท่าเหมือนคราวก่อนอีกล่ะ”
“ตอนที่ฉันมาถึง ฉันก็บอกน้องสามไปแล้วว่าให้เรียกฉันในอีกสิบนาที ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น จะได้ใช้โอกาสตอนนั้นวิ่งหนีไปได้”
“บ้าเอ้ย ฉันให้ลิงมาเรียกฉันด้วยดีกว่าอย่างงั้น”
ทั้งห้าคนต่างมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าพวกตนล้วนแล้วแต่พร้อมสำหรับขั้นตอนตรงนี้แค่ไหน
“อย่าพยายามหนีล่ะ ไม่งั้นนายได้ศพไม่สวยแน่”
ชายคนดังกล่าวมองไปข้างนอกพลางเอ่ยกระซิบ “มานี่ ซ่อนตัวเร็ว”
“นายเป็นลูกเสือนี่ สามารถได้ยินได้เห็นทุกอย่างอยู่แล้ว แม้กระทั่งตดนายยังปิดได้เลย นั่งลงแล้วรอโดนถามเถอะ”
ตู้ ซิ่นถิงสวมแว่นกันแดดสีดำพลางเข้ามานั่งข้างใน ก่อนจะเหลือบมองคนในห้องแล้วพยักหน้า
“ฉันดูมีสติสุดแล้ว ไม่ต้องกังวล วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันไม่ได้ไปฝึกต่อสู้กับพวกนาย”
เมื่อถอดแว่นตาดำออก ในขณะที่นั่งตรงข้ามกับคนทั้งห้าคน การกระทำดังกล่าวนั้นราวกับพี่ใหญ่ที่กำลังมองน้องชายตัวน้อยๆของเขา
“คุณหนูตู้ เรียกพวกเราห้าคนมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือครับ หรือว่าในโรงเรียนจะมีเรื่องกับท่านผู้นำอีกแล้ว ขอให้มั่นใจได้เลยนะครับว่าเราทั้งห้ารู้วิธีจัดการกับมัน เรารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร และจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่ครับ”
“ถ้านายพูดไม่ได้ ก็หุบปากไป ซิ่นถิง เรามาพูดกันถึงเรื่องที่เราทำให้คุณได้กันดีกว่า พวกเราทุกคนล้วนโตมาในสนามอันกว้างใหญ่ ยังไงก็ช่วยคุณได้อยู่แล้ว”
“ก็อย่างที่นายว่านั่นล่ะ ตราบใดที่นี่เป็นธุรกิจของฉัน พวกนายก็ต้องช่วยฉันแก้ด้วย”
คนอื่นๆต่างพยักหน้าพลางกล่าวขึ้น “ครับผม”
“ดีมาก”
ตู้ ซิ่นถิงโยนภาพของอู๋ ฮ่าวเหรินลงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าหมอนี่มันกลั่นแกล้งฉัน ไปจัดการมันให้ฉันด้วย”
“ใครกันที่ช่างกล้าแกล้งคุณหนู”
เหมือนกับว่าผมรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติไป จึงรีบพูดขึ้นมาทันที “คนที่จะต่อกรกับเขาได้ ผมจะดูให้ครับว่าใคร”
หลังจากได้ดูรูปภาพนั้นแล้ว ชายคนดังกล่าวก็ยืนตะลึง หุบปากสนิท ก่อนจะนำภาพกลับมาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่ตอบอะไร
ส่วนคนอื่นๆอีกสี่คนก็ได้แต่รู้สึกงุนงง จากนั้นจึงต่างมองไปที่รูปบนโต๊ะ ก่อนจะเงียบปาก อยากจะถอนคำพูดที่พวกตนเพิ่งได้พูดออกไป
เวรแล้ว ผู้ชายคนนี้ ไปหาเรื่องมันก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ เขามีแนวโน้มที่จะโดนหน่วยตรวจสอบจับกุมและสืบสวน
ยิ่งไปกว่านั้น ชายทั้งห้าคนจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ๆและอาจโดนคนอื่นๆเอาคืน
พวกเขาเองก็ต่างได้ยินเรื่องในตำนานของกองทัพ
เรื่องที่ท่านนายพลหลายคนต่างหัวเราะนายพลท่านหนึ่งเป็นเวลานานเพราะเรื่องนั้น
“ทำไมกันล่ะ เจ้าพวกโง่”
“ซิ่นถิง หรือว่าคุณก็ไม่รู้สึกลำบากใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตัวเองโดนแกล้งเลยนะ แม้กระทั่งเรื่องแกล้งพ่อของคุณ ก็ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาเลย ถ้าคุณไม่อยากพูดอะไรออกมา ถึงพวกเดินจะข้ามประเทศจีนไปหัวหน้ารัฐบาลก็ไม่มีความเห็นอะไรให้หรอก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ตู้ ซิ่นถิงจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คนๆนี้โหดขนาดนั้นเลยหรือ”
“ตอนที่คุณเรียนอยู่ในโรงเรียนนั้น คุณก็น่าจะได้ยินเรื่องฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่บ่อยๆนะ เขาน่ะคือหัวหน้าของกลุ่มนั้น เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่คุณใส่อยู่น่ะ เขาก็เป็นคนสร้างและผลิต ผมเองก็ได้ยินมาจากพ่อว่าตราบใดที่ยังทำตามนโยบายข้างต้น ก็แปลว่าพวกรัฐบาลก็จะไม่สนใจเขาเลย”
“พี่หลิวพูดถูก พ่อมอบคำสั่งให้ผมเป็นการส่วนตัว ถ้าผมเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องกลับบ้านและต้องดูแลตัวเองคนเดียว ถ้าเขากลั่นแกล้งคุณหนูจริง คุณหนูก็ต้องทนเอาจะดีกว่า ไม่อย่างงั้น ต้องกลับบ้านแน่ๆ”
หลายคนต่างพูดกระตุ้นตู้ ซิ่นถิงเพราะพวกเขารู้ดีว่าความขัดแย้งตรงนี้ตรึงเครียดขนาดไหน ถ้าเราไม่ระวังตัวให้ดี ก็กลับไปอยู่ในบ้านจะดีกว่า
แม้ว่าตู้ ซิ่นถิงจะได้เรียนรู้ข้อมูลของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาบางส่วนรวมถึงอู๋ ฮ่าวเหรินด้วย โดยก่อนที่เธอจะมา ข้อมูลดังกล่าวพวกนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้ มีแค่ข้อมูลที่สำคัญจริงๆเท่านั้นที่หาไม่ได้จากข้างนอก
“บอกฉันทีว่าเขาเป็นคนแบบไหน ไม่ได้จริงจังเหมือนที่พวกนายพูดในตอนที่เริ่มบริษัทหรือแม้แต่ตอนที่ผลิตเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดน่ะ”
“จริงจังอย่างน่ากลัวเลยครับ เขาผลิตมากกว่าเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดอีกนะครับ เขาสร้างหุ่นยนต์สำหรับงานวิจัยระดับประเทศ นอกจากนี้ผมยังได้ยินมาอีกว่าเขายังสร้างเทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องกลและเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัยอีกด้วย”
“นอกจากนี้ยังมีวัสดุเส้นใยพืชและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้วย และยังมีคนบอกอีกว่าแม้แต่เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์ที่ใช้ในประเทศก็ยังมาจากเขา พวกเราคงหาคนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าผลดีอะไรก็ตามก็สามารถทำให้ประเทศคอยปกป้องเขาจากอันตราย สิ่งดีๆที่เขาทำไว้ทั้งนั้นครับ”
ตู้ ซิ่นถิงถึงกับอึ้งไป นี่เธอยังไม่พบข้อมูลอะไรอีกมากเลยสินะ
ในตอนนี้ เธอเลยเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนในตอนนั้นถึงได้เกลียดพฤติกรรมเหมือนเด็กๆของเธอ ถ้าลุงจื่อไม่อยู่ที่นั่น เธอคงแย่ไปแล้ว
“ซิ่นถิง ตอนนี้คุณจะต้องไม่ทำอะไรตามใจตัวเองแล้วนะเพราะคนๆนั้นไม่ใช่คนที่เราจะขัดใจเขาได้ ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นก็ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอกครับ”
“พี่หลิว ฉันคิดว่าพวกเราควรพาเธอไปหาลุงตู้ดีกว่า ไม่อย่างงั้น ด้วยนิสัยของเธอ ถ้ามีปัญหาล่ะก็ มันอาจจะสายเกินไป”
“อืม ก็จริงอยู่ที่ยิ่งเป็นอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้ล่ะก็ เธอก็ต้องยิ่งกลัวจะเจอปัญหามากขึ้นเท่านั้น คุณควรจะคิดถึงเรื่องนี้ก่อน จากนั้นเราก็ค่อยไปที่นั่นด้วยกันทีหลัง แล้วก็...”
0 ความคิดเห็น