CF:บทที่ 410 คุณกำลังพูดถึงใคร

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 410 คุณกำลังพูดถึงใคร

สองคนที่ยืนอยู่เดินไปข้างๆ ตู้ ซิ่นถิงด้วยอากัปกิริยาปกติเว้นเสียแต่กล้ามเนื้อที่เครียดเขม็ง

พวกเขาไม่อยากโดนผู้หญิงคนนี้ทำร้าย มีหลายคนเคยสู้กับตู้ ซิ่นถิงและก็โดนเธอซัดกลับมาไม่เป็นท่าประจำ

ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจเจ็บตัวกลับมา แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ แม้เธอจะมีรูปร่างบอบบาง แต่เรี่ยวแรงของเธอกลับมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ตามที่คุณหมอเคยพูดไว้ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นโรคอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้ส่งผลอันตรายใดๆ เป็นการกลายพันทางพันธุกรรม ดังนั้นถ้าคุณต้องการกำราบเธอให้ได้ คุณอาจจะได้เจอเรื่องประหลาดใจเข้าให้

 “พวกนายสองคนจะทำอะไร”

“ไม่ได้จะทำอะไรครับ พวกเราแค่กลัวว่าคุณจะทำอะไรบางอย่างที่ผิดปกติกับชีพจร เราเลยต้องพาคุณกลับบ้าน”

“ปล่อยฉันไปเถอะน่า”

“อย่าขัดขืนเลยครับ แม้พวกเราจะเอาชนะคุณแบบตัวต่อตัวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นสองคนล่ะ คงไม่มีปัญหาถ้าจะจับตัวคุณไว้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ กลับบ้านไปแล้วเราก็จะปล่อยให้คุณไป”

ส่วนที่เหลืออีกสามคน เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ก็เลยเข้ามาช่วย จากนั้นทั้งห้าคนจึงตามตู้ ซิ่นถิงไปยังสวนใกล้ๆด้วย

บ้านของเธออยู่ใกล้ๆบริเวณดังกล่าว เมื่อใครหลายคนออกมาจากสนามแล้วนั้น ผู้คุ้มกันทั้งสองคนก็ยังคงรู้สึกสับสัน

 “พวกนายทั้งห้าคนจำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้ล่ะ ไว้เดี๋ยวฉันจะคิดบัญชีแน่ หึ”

“ก็ได้ครับ ตราบใดที่ตอนนี้คุณยังอยู่ดี ไม่เป็นอะไรไปก่อน ก็สามารถมาหาเราได้ทุกเมื่อ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราโดนอยู่แล้ว”

คนไม่กี่คนมาที่ประตูสนาม หญิงวัยกลางคนที่มีหลายส่วนคล้ายกับ ตู้ ซิ่นถิงกำลังเดินถือตะกร้าใส่ผักมาในนั้น

“พวกเธอมาทำอะไรกัน”

“ป้าหลี่ เรามาที่นี่เพื่อกันไม่ให้ตู้ ซิ่นถิงหนีไปก่อเรื่องน่ะครับ แล้วนี่เราก็พาเธอกลับมา”

“แม่ แม่ให้พวกเขาปล่อยหนูไปเถอะ”

แม่อย่าง หลี่ หลิวฟางนั้นรู้ดี ถ้าไม่มีปัญหาอะไรหนักหนา เด็กคนนี้คงไม่ยอมกลับมาง่ายๆเช่นนี้

“ไปที่สนามก่อนสิแล้วแม่ขอถามอะไรลูกอย่างด้วย”

หลังจากเข้ามาในสนามและได้รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วนั้น หลี่ หลิวฟาง, ก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ตึงเครียดขนาดไหน

ชื่อของอู๋ ฮ่าวเหริน เธอได้ยินมามากกว่าหนึ่งครั้งจากในหน่วย แม้แต่บางครั้งสามีของเธอก็ยังเป็นคนเอ่ยชื่อนี้เองเลย

 “คุณป้าหลี่ เราขอตัวไปก่อนนะครับ ซิ่นถิงจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเอง”

“พวกเธอก็อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ”

“ไม่ล่ะครับ เพราะเดี๋ยวพวกเราต้องกลับไปที่โรงนอนทหารอีก ถ้าลุงตู้กลับมา ก็ให้เขาคุยกับซิ่นถิงเลยนะครับ มีบางเรื่องที่พวกเราเองก็ไม่อยากจะพูดถึงอยู่”

“อืมๆ ขอบใจนะ ไม่อย่างงั้น ยัยหนูต้องแย่แน่”

หลังจากที่หลายคนกลับไปแล้วนั้น หลี่ หลิวฟางก็เข้ามาในห้องลูกสาว มองลูกสาวของเธอที่กำลังโกรธขึง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

 “ตอนนี้ แม่ไม่เข้าข้างหนูหรอกนะ และลูกก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นด้วย อยู่บ้าน รอพ่อกลับมานะลูก”

แม้ว่าตนเพิ่งจะมีเรื่องขัดแย้งกับพ่อ ตู้ ซิ่นถิง เองกลับไม่กล้าพูดอะไรรุนแรงกลับกับแม่ของเธอ

ตู้ เพ่ยเฉิง ที่เพิ่งกลับมาจากโรงนอนทหาร ลงจากรถบัสก่อนจะรีบออกมาข้างนอกพลางตะโกน “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรกับ ซิ่นถิง”

“เมื่อไหร่เธอจะเปลี่ยนแปลงเรื่องอารมณ์ได้สักทีนะ เป็นแบบนี้ตลอด คุณรู้ไหมว่าซิ่นถิงไปอำเภออวิ๋นหลงมา”

“แล้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“หนูไปมาเมื่อวานซืนค่ะ หนูได้ยินมาเพราะเรื่องของศาสตราจารย์เชาและหนูอยากไปหาเรื่องคนบางคนด้วย แล้ววันนี้ หนูก็ยังไปหาเสี่ยวเติ้งและพวกของเขาเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหริน ค่ะ”

 “เด็กคนนี้นี่นะ ทำไมไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย เดี๋ยวลูกจะจะได้รู้ พ่อจะโทรไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไม่นาน ตู้ เพ่ยเฉิงก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลี่ หลิวฟางมองสามีของเธอก่อนจะถามขึ้น “มีปัญหาอะไรไหมคะ”

“ยังไม่ชัดเจนเลย แต่ฉันถามผู้บัญชาการคนเก่าแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันต้องขอโทษแทนลูกด้วย ไม่มีใครกล้าขัดใจเขาหรอก แต่เด็กคนนี้กลับไปทำเข้าจนได้”

...

อู๋ ฮ่าวเหรินอยู่ที่นี่ เมื่อเขาได้รับสาย เขาก็ยงรู้สึกงง ท่านนายพลคนนี้จะโทรหาเขาทำไม

“คุณอู๋  เด็กผู้หญิงที่ชื่อ  ตู้ ซิ่นถิงไม่ได้ก่อปัญหาอะไรให้คุณใช่ไหมครับ”

“ตู้ ซิ่นถิงงั้นหรือ นี่คุณกำลังพูดถึงใคร”

อู๋ ฮ่าวเหรินอยู่ในห้องทดลองของเขาแล้วในตอนนี้ กำลังคำนวณว่าจะไปหายานอวกาศได้จากที่ไหน

ขณะนี้ เรามีพลังงานและอุปกรณ์แล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้ยานได้เก็บหินพลังงานเป็นก้าวแรกไปสู่ถนนสายดวงดาว

ยิ่งไปกว่านั้น จากความช่วยเหลือของสุดหล่อโคตรเจ๋งแล้ว เทคโนโลยีสร้างยานอวกาศจึงไม่เป็นปัญหา แต่ปัญหาตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องวัสดุ ซึ่งเขาจะต้องหาจากบนท้องฟ้าเอง

หลังจากได้ยินในสิ่งที่ อู๋ ฮ่าวเหรินพูดนั้น นายพลก็รู้สึกงงไม่น้อย ชายสูงวัยไม่ได้บอกว่าลูกสาวของเสี่ยวตู้กำลังจะมีปัญหา แต่อู๋ ฮ่าวเหรินกลับถามเขาไปว่าทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

“ฉันได้เจอเด็กผู้หญิงของคุณกับจื่อ หยงเมื่อวานนี้”

 “ที่คุณพูดถึงคือเธอนั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไร เดี๋ยวฉันไปล่ะ ฉันเองก็มีเรื่องต้องทำเหมือนกัน”

“พูดแบบนั้น คุณก็ต้องยุ่งอยู่ก่อนแล้วสิ”

อู๋ ฮ่าวเหรินกล้าที่จะพูดกับนายพลเช่นนี้ และเขาไม่ชอบอะไรที่ล่าช้า

นายพลเหอที่เพิ่งวางสายไป ก็โทรเรียกคนที่ถามเขา

“เหลา หลี่ นายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ตอนฉันถาม คนเขาก็ไม่รู้ว่า ตู้ ซิ่นถิง เป็นใคร ถ้าเช่นนั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ”

เมื่อ ตู้ เพ่ยเฉิง รับทราบข่าวนี้ เขาก็รู้สึกโล่งอกในที่สุด

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะดูเหมือนว่าจะไม่มีเอาความกับลูกเรา เราคงงต้องดูแลลูกให้ดีแล้วล่ะจากนี้ และอย่าปล่อยลูกให้ทำอะไรไม่ดีล่ะ”

“หึ หนูก็เพิ่งเจอเขาเมื่อวานนี้ค่ะแม้แต่ชื่อหนูยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำรู้แต่ว่าทำตัวหยาบคายกับหนู” ตู้ ซิ่นถิงออกมาจากห้องก่อนจะพูดขึ้นในที่สุด

เห็นได้ชัดว่าเธอแอบฟังอยู่ในห้อง

 “ตราบใดที่ลูกทำตัวดีๆ พ่อได้ยินมาว่าลูกเริ่มกับคนอื่นๆก่อน โชคดีจังเลยนะที่เขาไม่เอาความลูกกันน่ะ ไม่อย่างงั้นพ่อจะส่งลูกไปเป็นการส่วนตัวให้เสียค่าปรับถึงหน้าประตูเลย”

“แล้วก็ช่วงนี้ลูกจะต้องอยู่บ้าน พ่อไม่อนุญาตให้ลูกไปที่นั่นอีก เดี๋ยวพ่อจะให้เสี่ยวเหอคอยดูลูก”

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวกำลังจะโต้ตอบ หลี่ หลิวฟางจึงดึงเธอออกก่อนจะเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้ลูกต้องฟังพ่อนะ พ่อไม่อนุญาตให้ลูกไปที่นั่น โชคดีนะที่คนเขาไม่ได้ถือสาไม่งั้นล่ะเรื่องใหญ่แน่ลูก”

ดวงตาของตู้ ซิ่นถิงกลอกไปมาโดยไม่พูดอะไรเพราะเธอเข้าใจชัดแล้ว ในตอนนี้แม่เองก็มองพ่อโดยที่ไม่พูดอะไรเช่นกัน

เธอคิดถึงปัญหาอย่างรวดเร็วพลางคิดว่าตนจะต้องก้าวข้ามปัญหาและเอาคืนเขาให้ได้

เธอไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูเช่นนี้ นี่คงเป็นเพราะ อู๋ ฮ่าวเหรินและเธอก็ไม่เชื่อว่าคนๆหนึ่งจะประดิษฐ์ของได้มากมายแบบนั้น เธอต้องการแฉเขา

แม้ว่าจะะถูกห้ามแต่เธอก็ยังมีวิธีอยู่เธอโทรหาคุณครูของเธอก่อนจะบอกว่าตนจะไปหาฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อเรียนเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับพันธุ์พืช

เมื่อศาสตราจารย์เชาได้ทราบความคิดของตู้ ซิ่นถิงแล้วนั้น เขาก็คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีเขาเองก็อยากเห็นว่าชายร่างเล็กที่ชื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินที่อยู่ที่แปลงเกษตรคนนั้นคนนั้นจะทรงพลังสักแค่ไหน

ดังนั้นเขาจึงสมัครเรียนโดยตรงในงานของกลุ่มพืชของฟิวเจอร์กรุ๊ป โดยเดิมทีนั้นกลุ่มดังกล่าวจะส่งคนมาอภิปรายเรื่องการเพาะปลูกพืชกับทางฟิวเจอร์กรุ๊ปแต่เพราะในกลุ่มมีแต่ศาสตราจารย์สูงวัยทางกลุ่มจึงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย

ศาสตราจารย์เชาได้บอกเรื่องนี้กับตู้ ซิ่นถิงและขอให้เธอเตรียมตัวไว้ให้ดี


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น