CF:บทที่ 407 โทรศัพท์มือถืออนาคต

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 407 โทรศัพท์มือถืออนาคต

เมื่อเข้ามาบริษัทในตอนเช้า อู๋ ฮ่าวเหรินก็มองไปยังสถานการณ์ตรงหน้าก่อนจะถามขึ้น

“พวกคุณทำอะไรกันน่ะ”

กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่นั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่พวกตนดูอยู่นั้นคืออะไร มันดูมีชีวิต

“เจ้านายมาแล้ว”

“อรุณสวัสดิ์ครับ บอส”

“อรุณสวัสดิ์ นี่พวกคุณมุงดูอะไรกันอยู่”

ฝูงชนขยับออกมา อู๋ ฮ่าวเหรินจึงเห็นพี่หลิวนั่งอยู่ข้างใน ในมือถือบางอย่างที่ดูเหมือนแก้วใสและเธอกำลังเล่นมันอยู่

ผู้คนมากมายจากแผนกคอมพิวเตอร์ยืนอยู่อย่างกระวนกระวายใจพลางมองของที่อยู่ในมือของพี่หลิว

หวัง จี้กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “เจ้านายครับ นี่เป็นโทรศัพท์มือถือที่ทางเราได้พัฒนาขึ้น เราขอให้พี่หลิวช่วยเรื่องการทดลองกับเราในครั้งนี้ครับ”

“มือถืองั้นหรือ”

อู๋ ฮ่าวเหรินมองของที่เหมือนแก้วนั่นอย่างสงสัย เพราะเขาไม่รู้สึกว่ามันจะเหมือนมือถือเลย

“ใช่ นี่ล่ะมือถือครับ”

พอพูดเสร็จเขาก็นำบางอย่างที่ดูเหมือนสายรัดข้อมือออกมาจากข้อมือ หลังจากสวมบนข้อมือแล้ว เขาก็กดตัวสายรัด ก่อนที่มันจะยืดตรงออกไปอย่างรวดเร็ว

อู๋ ฮ่าวเหรินจึงได้เห็นขั้นตอนที่สายรัดข้อมือยืดออกไปกลายเป็นเครื่องบิน

“พับโทรศัพท์เก็บไว้งั้นหรือ”

อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นมือถือแบบนี้ในข่าว และที่คาดไม่ถึงก็คือ พวกเขากลับศึกษามือถือพับได้แบบโปร่งใสด้วย

“ไม่ใช่ครับ รูปแบบนี้มันก็แค่สะดวกกับเราเท่านั้น ถ้าคุณสนใจ เจ้านี่ก็ใช้ทำอย่างอื่นได้เหมือนกันครับ ถ้าคุณคลิกไปแล้วครั้งหนึ่ง แสงเสมือนจริงจะฉายขึ้นบนหน้าจอนี้”

อู๋ ฮ่าวเหรินมองภาพฉายบนโทรศัพท์มือถือ คนพวกนี้ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังในการใช้เทคโนโลยีการฉายภาพเลย

“นอกจากนี้ ด้วยอุปกรณ์เซ็นซิ่งของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด เรายังสามารถสร้างการสัมผัสกับตัวเอฟเฟ็คบนแสงเสมือนจริงได้ครับ”

หลังจากพูดจบ มือของเขาก็อยู่เหนือแสงเสมือนจริง ภาพที่ปรากฏขึ้นเปลี่ยนไป

อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกประหลาดใจที่พวกเขาได้สร้างการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะทำให้เอฟเฟ็คตัวนี้สำเร็จ ดูเหมือนว่าสติปัญญาของคนจะไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ

เขาคิดว่าตัวเองคงต้องให้คนมาเตือนความจำสักหน่อย

คนพวกนี้คิดไปถึงเรื่องที่จะสามารถสัมผัสกับเทคโนโลยีเสมือนจริงได้

“ดี ดีเลย”

 “แต่ว่า บอสครับ มือถือที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีตัวนี้กินพลังมากเกินไปและใช้งานจริงๆไม่ได้ เราได้ดำเนินการแก้ไขหลายวิธีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสักวิธีเลยครับ”

อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่มีคำว่าไม่ได้หรอกตอนนี้ ใช่ว่าในอนาคตมันจะไม่มีวิธีสักหน่อย แต่เพราะบนมือถือน่ะมันทำไม่ได้ คุณต้องลองสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ดู”

“เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ เราก็เลยสร้างมือถืออีกเครื่องขึ้นมา เป็นอันที่อยู่ในมือของพี่หลิวครับ เราได้เพิ่มความจุของแบตเตอร์รี่โดยที่ไม่ลดฟังก์ชันการใช้งาน แต่เราจะสัมผัสภาพเสมือนจริงที่ฉายขึ้นมาไม่ได้แทน”

 “วิจัยต่อไป พอโรงเรียนเปิดในวันที่ 1 มกราคมเมื่อไหร่ ทุกคนในแผนกคอมพิวเตอร์ก็จะต้องไปโรงเรียน เพราะบางอย่าง พวกคุณเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญความรู้ด้านทฤษฎีจึงไม่สามารถที่จะเข้าใจหลักการได้”

มีหลายคนรู้สึกงงอย่างเห็นได้ชัด กู่ผานผานเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “บอสครับ แล้วบอสอยากจะเข้าเรียนในระดับชั้นไหนครับ”

ดูจากภายนอก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงมัวแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องทดลอง ไม่เคยสนใจออกมาข้างนอกบ้างเลย

“หลิวหมิงเยว่อธิบายให้พวกเขาฟังหน่อย”

“ได้ค่ะ”

“แล้วก็ มือถือตัวนี้จะต้องทดสอบจากบริษัทเราก่อน ใครที่อยากใช้ก็ลองใช้เองได้เลย”

อู๋ ฮ่าวเหรินเดินไปรอบๆบริษัทแต่ก็ไม่เจออะไร หลังจากนั้น เขาได้ติดต่อจื่อ หยงเพื่อพูดคุยเรื่องพืช

เรื่องนี้เขาเองก็เกือบลืม เมื่อเขาออกจากบ้านเมื่อเช้า เขาได้ยินหลิงเหยาพูดถึงเรื่องพืชในเรือนกระจก เขาเลยจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้

ไม่นาน ข่าวมือถือเครื่องใหม่ก็ปรากฏบนกระดานสนทนาทางการของฟิวเตอร์กรุ๊ป ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นความลับ ลูกจ้างของฟิวเจอร์กรุ๊ปหลายคนต้องการที่จะหยุดยั้งข่าวนี้

“นี่คือมือถือจริงๆใช่ไหมครับ”

“ในภายภาคหน้า ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปจะมีการพัฒนามือถือ ใช่ครับ เทคโนโลยีการฉายภาพเสมือนจริงของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้รับการเผยออกมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็แค่คาดไม่ถึงว่าเทคโนโลยีฉายภาพเสมือนจริงจะเหนือชั้นได้ขนาดนี้”

 “มือถือเครื่องนี้ดีครับ โดยเฉพาะเวลาดูหนัง ต้องดีมากแน่ๆ”

“แต่ก็โชคไม่ดีอีกที่ตอนนี้ พนักงานคอมพิวเตอร์ของกลุ่มใช้เป็นเครื่องทดสอบเท่านั้น เห็นเขาว่ายังมีอีกเครื่องหนึ่ง ที่สามารถควบคุมการสัมผัสภาพเสมือนจริงได้ แต่เพราะเห็นว่าเครื่องตัวนั้นน่ะใช้พลังเยอะเกินไป ในตอนนี้ก็เลยไม่ได้สร้าง”

“ไม่ต้องห่วงไป เราใช้เทคโนโลยีสัมผัสแบบนี้ไม่ได้บนมือถือ แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็ใช้ได้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขากำลังจะใช้เทคโนโลยีตัวนี้ผลิตคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แต่เรื่องราคานี่ฉันไม่รู้นะ”

“ฉันก็ไม่คิดว่าราคามันจะถูกหรอก ในอนาคต เรื่องเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มนี้สร้างขึ้นต้องมีราคาที่สูงลิ่วอยู่แล้ว”

“ไม่จำเป็นต้องเหมือนเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่ขายในราคามากกว่า 8000 หยวนหรอก”

“นั่นก็เพราะฟิวเจอร์กรุ๊ปเห็นใจคนจีนเรานี่ล่ะ นายลองไปดูราคาในต่างประเทศสิ”

“ก็ใช่”

“...”

มือถือของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นที่สนใจของผู้คนบางส่วน โดยเฉพาะกับบริษัทมือถือที่รู้สึกกดดันเป็นอย่างมากและเริ่มที่จะสำรวจตามแหล่งข่าว

ไม่มีทาง ตราบใดที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปยังอยู่ในวงการนี้ มือถือก็ต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

เมื่อได้เห็นบริษัทอุปกรณ์เสียงในตอนนี้ เพราะฟิวเจอร์กรุ๊ปเข้ามามีอิทธิพลในวงการอุตสาหกรรมหูฟังพร้อมกับอุปกรณ์บันทึกระดับสูง บริษัทถึงกับร้างไปเลย

ถ้าบริษัทดนตรีไม่เซ็นสัญญากับฟิวเจอร์กรุ๊ป นักร้องท่านอื่นๆก็ไม่อยากเซ็น

แม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ เหตุเพราะมีฟิวเจอร์กรุ๊ปมาร่วมด้วย บริษัทจึงเปลี่ยนไป

กลุ่มยานยนต์หลายกลุ่มพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผลกระทบของกลุ่มบริษัทยานยนต์ในอนาคต

แอปเปิ้ลเป็นที่แรกที่วิเคราะห์เรื่องนี้ เพราะพวกเขาเห็นว่ามือถือจากฟิวเจอร์กรุ๊ปอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลให้แก่พวกตน

ในห้องประชุมที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทแอปเปิ้ลในคูเปอร์ทิโน แคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลของฟิวเจอร์กรุ๊ป

 “คุณจอน แม้ว่าพลังเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบมาถึงผลิตภัณฑ์ของเราหรอก” ชายวัยกลางคน อ้วนลงพุงนั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะมองข้อมูลในมือของตน

จอนเองเป็นชายหนุ่มผมบลอนด์ คิ้วหนาและจมูกโด่ง เขามองผู้คนในห้องประชุมก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราทุกคนควรรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป พวกคุณทุกคนเองต่างก็ใช้กัน ผมคิดว่าความสามารถของผลิตภัณฑ์จากฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นไม่จำเป็นต้องพูดให้พวกคุณฟังอีก ถ้าเราไม่ทำให้เทคโนโลยีของเราล้ำหน้าไปมากกว่าล่ะก็ ผลกระทบจากฟิวเจอร์กรุ๊ปก็อาจจะส่งผลกับอุตสาหกรรมมือถือของบริษัทเราได้ และมหาศาลด้วย”

 “วิดีโอนี้เผยออกมาเมื่อเช้า การใช้เทคโนโลยีภาพเสมือนจะเปลี่ยนแปลงการพัฒนามือถือและคอมพิวเตอร์ไปโดยสิ้นเชิง ถ้าเราไม่รีบพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีให้ล้ำขึ้น เราคงต้องหาทางร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ป”

“ผมไม่เห็นด้วยกับคุณและก็ไม่คิดว่ามือถือและคอมพิวเตอร์จะทำให้คนจีนดีเทียบเท่ากับบริษัทแอปเปิลของเรา แม้จะเป็นฟิวเจอร์กรุ๊ปก็เถอะ”

เมื่อเห็นแบบนี้ จอนจึงหยุดพูด เขารู้เรื่องก่อนหน้านี้ดี คนพวกนี้จะต้องเสียใจในสิ่งที่ตนเองเพิ่งพูดไปในวันนี้

จากมุมมองการพัฒนาของฟิวเจอร์กรุ๊ป ตราบใดที่มีการผลิตของออกมา ของนั้นก็จะเป็นของที่ดีเยี่ยมที่สุดในโลก

ความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีของบริษัทนั้นสุดยอด โดยเฉพาะกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่จอนเองยังชื่นชม

เขาเองยังอยากร่วมงานกับทางบริษัทเลย แต่ตอนนี้ ทางกลุ่มเองก็ไม่มีลูกจ้างต่างชาติและก็ไม่มีการรับเข้าไปทำงานด้วย

ถ้าบริษัทยังคงยืนยันว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะไม่มีท่าทีเข้ามาคุกคาม เขาก็เลือกที่จะลาออก เพื่อไปจีน ไปหาฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อลองเสี่ยงโชคดู

เขาอยากจะเห็นเทคโนโลยีอันทรงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ป อยากจะรู้โปรแกรมด้านสติปัญญามากขึ้น รวมทั้งอยากจะเห็นปัญญาประดิษฐ์ด้วยตัวเองและต้องการจะพูดคุยกับสุภาพบุรุษคนนั้น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น