CF:บทที่ 404 อาคารสอนสุดล้ำ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 404 อาคารสอนสุดล้ำ

เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็ไม่พบใครอยู่ในระบบซองแดงเลย แต่ถึงกระนั้นเขากลับอารมณ์ดีมาก

แม้จะไม่ได้ใช้ระบบซองแดง แต่ช่องเก็บของยังคงใช้ได้อยู่ แน่นอนล่ะว่า หลักฐานที่กลุ่มเทียนหยูจ่ายให้เขาก็คือพลังงาน มิฉะนั้นแล้ว ระบบก็จะถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์

และด้วยยานอวกาศส่วนตัวนี้เอง เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาในตอนนี้แล้ว ถ้าใครก็ตามเข้ามา เขาก็จะตามพวกเขาไป

เขาเห็นหลิงเมิ่งเสวี่ยวิ่งอยู่ในสนาม เธอเกือบจะหายดีแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้ เหมือนเด็กที่กำลังเติบโต

“พี่คะ”

หลังจากได้ยินน้ำเสียงที่แจ่มใสและหวานหูนั้น หลิงเมิ่งเสวี่ยก็เข้ามาโอบแขนของเขา อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้น “กลับไปบ้านกระจกซะไป ไปหยิบมันมา แล้วเอาไปให้คุณปู่เธอซะ แล้วนี่ หลิงเหยายังเรียนวาดรูปอยู่อีกหรือ”

“อืม คุณปู่บอกว่าพี่เขาน่ะหัวช้าเกินกว่าจะไปเรียนวาดรูป ถึงวาดก็ไม่สวยเหมือนรูปของเมิ่งเสวี่ยหรอก”

เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาแบบนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็รู้สึกชินเสียแล้ว เด็กคนนี้ช่างฉลาดเสียจริง

ในแง่ของพลังใจจากบททดสอบทางสติปัญญา พลังใจของเธอนั้นแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่มาก ไม่รู้ว่าเธอได้รับพรจากความโชคร้ายมาหรือเปล่า

“เสี่ยว ชาน ส่งผลไม้ของบ้านเราไปให้ปู่กับย่าด้วยล่ะ อย่าลืม”

“อืม พี่คะ ที่พี่พูดเมื่อวานเป็นเรื่องจริงหรือคะ ต่อไปเราไม่ต้องไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม”

“ใช่ เธอไม่จำเป็นจะต้องไปโรงเรียนเพื่อไปเรียนอะไรพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวพี่จะให้เธอไปเรียนที่โรงเรียนของพี่ในฟิวเจอร์กรุ๊ปกับจ๋วน จ๋วนและพี่เมิ่งเสวี่ย”

เมื่ออู๋ ชิงไห่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับส่ายหัวเพราะตนไม่ได้สนใจเรื่องของครอบครัวนักในตอนนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลูกชายของตน

ส่วนลูกสาวของเขา ถ้าไม่ไปเรียนที่นั่นก็ไม่เป็นไร  อีกอย่าง ฮ่าวเหรินก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับน้องสาวของเขา

“พ่อครับ ผมมีไวน์อยู่ในบ้าน พ่อจะเอาออกมาและห่อกลับไปก็ได้นะ”

“เข้าใจละ เดี๋ยวพ่อจะทำหลังจากกินข้าวเสร็จนะ”

หลังจาก อู๋ ฮ่าวเหรินกินข้าวเสร็จและเดินออกไป อู๋ ชิงไห่จึงพูดขึ้น “เธอสังเกตไหมว่าเดี๋ยวนี้ลูกชายของฉันเปลี่ยนไปมาก”

“เปลี่ยนไปแค่นิดหน่อย ฉันเคยถามเรื่องครอบครัวของเรา ถามไปเยอะแยะเลยเมื่อเช้า”

“ดีแล้ว ที่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”

อู๋ ชิงไห่มองไปที่หลิงเมิ่งเสวี่ยพร้อมกับบุตรสาว พลางยิ้ม “บางที เราอาจจะได้เห็นงานแต่งของเขาในเร็ววันนี้ก็ได้”

เฉิงซูเซี่ยมองที่หลิงเมิ่งเสวี่ยที่อยู่ข้างนอกพลางกล่าวขึ้น “ย่าของเธอบอกกับฉันเมื่อวานนี้และฉันก็ไม่รู้ว่าเธอพูดคุยกับอู๋ ฮ่าวเหริน มานานแล้ว เมิ่งเสวี่ยมีแต่ความรู้สึกที่ขึ้นตรงกับฮ่าวเหรินคนเดียวจริงๆ”

“ฮ่าๆ ก็ดีแล้วนี่นา เมื่อวานนี้ พวกผู้ใหญ่ก็บอกฉันว่าถ้าเมิ่งเสวี่ยพร้อม เขาก็พร้อมจะจัดงานหมั้นให้ในตอนนี้เลย รวมถึงไม่ให้ดูแลหลานของพวกเขาแบบทิ้งๆขว้างๆด้วย”

อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเขากำลังคุยเรื่องของตนกับหลิงเมิ่งเสวี่ยและตอนนี้เขาจะต้องกลับไปที่บริษัท

เขาไปที่ห้องพยาบาลเพื่อตรวจสอบแดฟเน่ และดูหุ่นยนต์ที่ดูแลคนพวกนั้น และเขาก็เห็นว่าพวกเขาฟื้นตัวได้ดี

เมื่อมองไปที่ หวัง เสวี่ยหมิงซึ่งกำลังเข้ารับการฟื้นฟูแขนและขา ชายคนนี้นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลนี้มาหนึ่งเดือนแล้วและตอนนี้การรักษาก็ถือว่าทำได้ไม่เลว

เมื่อเขาออกมาจากห้องพยาบาล ผมก็ตรงไปที่ภูเขาเพื่อดูโรงเรียนใหม่

ตัวโรงเรียนเสร็จแล้ว ใจกลางโรงเรียนมีตึกแปลกๆที่มีลักษณะแปดด้าน มีแปดทางสอดรับกับตัวตึกซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมเหมือนวงแหวน

เครื่งมือทันสมัยและวัสดุพิเศษอีกมากมายถูกเชื่อมต่อไปทั่วทั้งเขตในโรงเรียน

หุ่นยนต์เองก็อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างโรงเรียน การติดตั้งอุปกรณ์พลังงานให้กับโรงเรียน หลังจากติดตั้งแล้ว ทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้น

ขณะที่นั่งอยู่ในลิฟท์แขวน เขาก็เข้าไปในตึกก่อนจะมองของตกแต่งภายในพลางพยักหน้า

ดูเหมือนว่านี่จะใกล้เคียงกับรูปภาพในหนังอนาคตที่เขาเคยดู ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก

“จี้ เดี๋ยวปลายปีนี้ก็ให้ออกสมุดผลการเรียนของนักเรียนได้เลย โรงเรียนเราจะเปิดวันที่ 1 มกราคม”

เมื่อจี้โพสท์ข้อมูลดังกล่าวบนอินเทอร์เน็ต หน้าลงทะเบียนเรียนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

“ดูนี่สิ วันเปิดเรียนประกาศออกมาแล้ว วันที่ 1 มกราคมปีหน้า”

“ในที่สุดก็ประกาศออกมาซักที ฉันไม่ได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว คิดว่าจะลืมไปแล้วเสียอีก”

“ฉันไม่รู้เลยว่าเรากำลังจะได้เรียนเทคโนโลยีแบบไหน”

เมื่อจื่อ หยงทราบข่าวนี้ เขาเองก็เกือบลืมไปแล้ว ในช่วงนี้ นอกจากเรื่องเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินยังสร้างความก้าวหน้าทางวัสดุมายาที่เขาเป็นคนเสนอไปในตอนแรกด้วย

สิ่งนี้ทำให้ประเทศพอใจอย่างมาก ถ้าผนวกเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันเข้ากับวัสดุมายาเพื่อผลิตนักสู้ด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะได้นักสู้ที่ทรงพลังเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศก็ได้เริ่มใช้เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เพื่อจะลองศึกษาเรื่องยานอวกาศ

อู๋ ฮ่าวเหริน ไม่ได้คาดหวังว่าจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งฝ่ายหนึ่งใช้เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เพื่อผลิตยานอวกาศ ส่วนอีกประเทศนั้นกลับใช้เทคโนโลยีฟิชชันนิวเคลียร์เพื่อผลิตยานอวกาศแทน

แต่อย่างไรก็ตาม  มีการวิจัยเกี่ยวกับยานอวกาศมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสหรัฐอเมริกามากกว่าในจีน

ฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้เด่นดังอะไร เป็นเวลานานแล้วที่ไม่เห็นข่าวของกลุ่มพาดหัวข่าว

นอกเหนือจากเทคโนโลยีฟิชชันนิวเคลียร์ในสหรัฐอเมริกาแล้วนั้น อุบัติเหตุของฐานลับในญี่ปุ่น เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์ในจีน และการโจรกรรมที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ ทั้งสามเหตุการณ์ล้วนเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญของยุคนี้

หรืออาจจะพูดได้ว่า พอเกิดขึ้นอีกที่ ก็เกิดขึ้นกับอีกที่ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์การโจรกรรมที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ ทุกเรื่องล้วนไร้คำอธิบาย

จนตอนนี้ หลายประเทศต่างอยากจะรู้เรื่องที่ของหายไปอย่างลึกลับ บางคนก็ออกความเห็นว่ามีเอเลี่ยนมาลักของพวกนี้ไป

เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลอังกฤษจะเชื่อเรื่องเดาสุ่มแบบนี้ พวกเขาต้องพยายามหาของให้เจอให้ได้

ไม่นานนัก ข่าวเรื่องที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะเปิดโรงเรียนก็ได้รับการโพสท์ลงบนเว็บไซต์ทางการ

ในตอนนี้ สื่อมวลชนก็เพิ่งได้เห็นภาพการก่อสร้างโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ป

“มีใครรู้บ้างไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ป”

“ถามไปก็ไม่มีข่าวให้รู้ เพราะขนาดฟิวเจอร์กรุ๊ปเองยังไม่รู้เรื่องนี้กันเลย แต่ว่า ก็น่าจะต้องเป็นโรงเรียนพิเศษนั่นแหละ และฉันเองก็ยังไม่ผ่านแม้แต่ขั้นตอนลงทะเบียนเลย แย่ชะมัด”

“งั้นหรือ แล้วใครบอกไม่ผ่านล่ะ เพราะฉันเองก็ยังลงทะเบียนไม่สำเร็จเลย มันเข้มงวดจริงๆ ไม่ใช่ว่าฉันเคยออกความเห็นแย่ๆลงบนอินเทอร์เน็ตหรอกมั้ง ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าผิด”

“เดี๋ยวนะ วันที่ 1 มกราคม ปกตินายก็รู้อยู่แล้วนี่นาว่าที่นั่นสอนอะไร ถ้าความรู้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง คนพวกนั่นก็ต้องทำเงินได้มหาศาลน่ะสิ

ไม่นาน รูปโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็อัพโหลดขึ้นบนกระดานสนทนาและดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก

“ฉันกาเอง อย่ามาโกหกฉัน ฉันจบมาจากแผนกวิศวกรรมโยธามาเลยนะ ตึกนี้สร้างขึ้นมาได้ยังไงกัน”

“ภาพพวกนี้จะต้องผ่านโฟโตช็อปมาแน่ๆ สร้างแบบนั้นไม่ได้หรอก ตึกแปดด้านอยู่ใจกลางแบบนั้น ล้อเล่นกันหรือเปล่า”

“ถึงฉันจะไม่ได้อ่านอะไรมาก แต่ก็โกหกฉันไม่ได้หรอก มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง”

 “นี่เป็นภาพจริงๆที่ถ่ายจากพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ป เป็นตึกสอนใหม่ของกลุ่ม ใช้เวลาก่อสร้างเดือนกว่าๆ โดยทุกโครงการใช้หุ่นยนต์เป็นตัวดำเนินการจนสำเร็จ เห็นคนบอกว่าอุปกรณ์ข้างในทันสมัยมาก และใช้หุ่นยนต์สอนทุกวิชา”

“อย่าบอกนะว่า ถ้าจะเรียนที่นี่ ฉันต้องจ่ายเป็นล้านหยวนน่ะ”

 “ถึงจะจ่ายเป็น 10 ล้านหยวนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฟิวเจอร์กรุ๊ปก็คือเงิน จำใส่หัวนายไว้ด้วย เท่าที่ฉันรู้ แม้แต่กับประเทศ ถ้าต้องการส่วนแบ่ง ก็ต้องมาจากของฟิวเจอร์กรุ๊ป ฉันล่ะรู้สึกเสียใจและก็ขอทิ้งโอกาสนี้ไปเลยดีกว่า”

เมื่อได้เห็นรูปภาพของโรงเรียน คนเสียใจนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีเป็นกลุ่ม บางคนลงทะเบียนไปแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมการประเมินและพลาดโอกาสนี้ไป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น