CF:บทที่ 405 สงครามอนาคต
ตึกสอนของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นดึงดูดความสนใจในบางประเทศ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าพลังของเทคโนโลยีฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสร้างตึกเช่นนี้ได้
แต่ว่า พวกเขากลับอยากรู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสอนอะไรในโรงเรียนมากกว่า
ในตอนนี้ ข้อมูลของโรงเรียนดังกล่าวมีอยู่น้อยนิด แต่ที่รู้มีเพียงแค่เกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนเท่านั้นที่เข้มงวดเอามากๆ
ในห้องทดลองนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังแก้ไขแบบวาดโครงสร้างของพื้นที่ทั้งหมดของเมือง หุ่นยนต์พวกนั้นคืองานชิ้นใหม่ของการสร้างเมือง
อาคารบางอาคารก็ยังไม่สามารถสร้างได้ในตอนนี้ ทำได้แค่เก็บเอาไว้ก่อน อู๋ ฮ่าวเหรินจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมเป็นอย่างแรก และเลือกสถานที่ที่สมควรจะเลือกเป็นลำดับแรก
ถ้าเราอยากจะสร้างเมืองโดยสมบูรณ์ เราก็จะสามารถสร้างยานอวกาศสำหรับขุดเหมืองดวงดาวได้
มิฉะนั้นแล้ว พวกเราจะขาดแคลนวัสดุและอุปกรณ์บางตัวไป
“อย่างแรกเลย เราควรจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานก่อน และสำหรับเมืองลอยฟ้า เราทำได้แค่รอไว้สร้างภายหลัง”
“บนโลกไม่มีวัสดุตัวนี้แล้ว เราต้องหาจากดาวอื่น และตอนนี้ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าของพวกนี้จะพบได้บนดาวเคราะห์หรือระบบสุริยจักรวาลบ้างหรือไม่”
อู๋ ฮ่าวเหรินเพียงแค่ส่ายหน้าในขณะที่มองรายการของวัสดุ ของพวกนี้อยู่ในระบบซองแดง เขาได้ถามเกี่ยวกับของพวกนี้ แต่ก็ไม่มีใครเชี่ยวชาญในเรื่องธุรกิจวัสดุเลย
“แก้ปัญหาเรื่องยานอวกาศให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจากนั้นค่อยออกไปหาวัสดุพวกนั้น ลองดูในระบบซองแดงสิ ฉันเกรงว่าคงไม่มีใครอยากได้ของโบราณอีกแล้วล่ะ”
นี่ก็เป็นหลักการเดียวกันกับเมื่อตอนที่ของโบราณยังเฟื่องฟู ทองคำปั่นป่วน และในภายภาคหน้า ถ้ามีสงครามเมื่อไหร่ ก็จะยิ่งกว่านี้อีก
สงครามระหว่างอารยธรรมและอารยธรรม ของโบราณจากอารยธรรมหนึ่งและจากอีกอารยธรรมหนึ่ง ต่างสูญเสียความสำคัญและคุณค่าไป
อู๋ ฮ่าวเหริน คิดว่าถ้าชาวอังกฤษได้มาเห็นของโบราณพวกนี้ปรากฏอยู่ในพระราชวังฤดูร้อนเดิมล่ะก็ ก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะคิดยังไง
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินเข้ามาในระบบซองแดงอีกครั้ง เขาก็พบว่ามีบางคนอยู่ในระบบด้วย ส่วนใหญ่ก็กำลังพูดถึงเรื่องสงคราม
“อารยธรรมทั้งสองที่อยู่ถัดจากดาวของฉันไปเริ่มสู้กันแล้ว”
“ที่นี่ เรายังดีอยู่ ถัดจากเราไปเป็นอารยธรรมที่ก้าวหน้า อารยธรรมที่อยู่รอบด้านก็ไม่มีใครที่มีปัญหา”
“สงครามดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ อารยธรรมครึ่งหนึ่งในพันธมิตรจักรวาลล้วนเกี่ยวข้องกับสงคราม อารยธรรมที่สูงส่งกว่าก็ยังหยุดสงครามไม่ได้
มันจะต้องมีอะไรแปลกๆอยู่แน่ๆ”
“สงครามครั้งนี้แปลกมาก ราวกับว่ามีอารยธรรมอยู่เบื้องหลัง นายเห็นไหมว่าพื้นที่ที่มีสงครามในตอนแรกๆจะเกิดบนดาวพิเศษ”
“ข่าวใหญ่ในตอนนี้ก็คืออารยธรรมต่อสู้กับอารยธรรมที่สูงกว่า สงครามครั้งนี้เลี่ยงไม่ได้จริงๆ”
“ดูวิดีโอนี่สิ ตึงเครียดสุดๆ สงครามแห่งการทำลายล้างของจริง การต่อสู้ของพวกอารยธรรมชั้นสูงนี่มันน่าขนลุกสุดๆไปเลย”
“ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมสงครามอวกาศครั้งสุดท้ายถึงเป็นโศกนาฏกรรม มันคือสงครามล้างบางชัดๆเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินนิ่งไป ถึงขั้นทำลายโลก แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
ศึกรอบแรกคือการใช้ปืนจากเรือรบกระหน่ำยิงให้ย่อยยับ ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถูกบดขยี้ด้วยปืนหลักจากเรือรบดังกล่าว
เมื่อเปรียบเทียบกับสงครามบนโลกที่อยู่กันเหมือนครอบครัวนั้น เทียบกันไม่ได้เลย
เรือรบพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หลายอารยธรรมต่างงุนงงที่พันธมิตรจักรวาลไม่ยุติเรื่องนี้
ส่วนอารยธรรมที่อ่อนแอก็ทำได้แค่เข้าไปอาศัยอารยธรรมที่แข็งแกร่งกว่าที่อยู่รอบๆ
ในตอนนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นว่าราคาของของโบราณที่ระบบซองแดงกำหนดไว้นั้นดิ่งลง
แต่ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ตก แต่ก็ไม่มีใครคิดจะแย่งซองแดงกันแล้วในตอนนี้ เพราะทุกอารยธรรมล้วนแต่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม และต่างกังวลในเรื่องของกองกำลังติดอาวุธ
“สหพันธรัฐเกณฑ์เรือรบของครอบครัวพวกเรามา ดูเหมือนว่าสงครามจะอยู่ไม่ไกลนี้นะ และยิ่งกว่านั้น สงครามนี้จะได้รับการจัดลำดับตามความสำเร็จ ฉันมีของอยู่มากมายเลย มีใครอยากจะแลกเปลี่ยนเรือรบพวกนี้กับฉันบ้าง”
“ใครอยากแลกของชิ้นนี้บ้าง ฉันอยากแลกเรือรบพวกนี้”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองของที่เขาหยิบออกมา ทั้งยังอยากจะตะโกนออกไปว่าเขานี่แหละที่อยากแลกเปลี่ยนของพวกนั้น แต่โชคร้าย ที่เขาไม่มีของที่คนอื่นต้องการเลย
“ในรายงานล่าสุด มีอารยธรรมสูงส่งอีกอารยธรรมหนึ่งได้เข้าร่วมสงครามด้วย ดูจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครมีอาวุธหรืออุปกรณ์อะไรบ้าง ก็เอาไปช่วยพวกเขาบ้างสิ”
“ชายชุดเกราะออกมาหน่อย เกราะนายขายได้ไหมตอนนี้ ฉันอยากซื้อเอาไว้ป้องกันตัวเองบ้าง”
“ไม่ ตอนนี้ ชุดเกราะทุกตัวล้วนได้รับคำสั่งมาจากกองทัพของสหพันธรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น วัสดุเองก็ขาดแคลน จะมารับคำสั่งส่วนตัวแบบนี้ไม่ได้หรอก”
เมื่อเห็นคำพูดร้องขออาวุธจากข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เอาข้าวของมากมายออกมาเพื่อแลกเปลี่ยน อู๋ ฮ่าวเหรินเองจึงได้แต่จ้องดูด้วยความละโมบ
ถ้าเขามีอาวุธพวกนี้ เขาก็อาจจะเอามาแทนที่อุปกรณ์ทันสมัยและหลากหลายของสายการผลิตได้หลายตัว
และในตอนนี้ ก็มีคนพูดขึ้น “พวกคุณได้สังเกตบ้างไหมว่าระบบซองแดงเปลี่ยนไป”
“ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจริงๆนะ มีฟังค์ชันเพิ่มขึ้นมา หมายความว่ายังไง ระบบการค้างั้นหรือ”
“ในขณะเดียวกันนั้นเอง อู๋ ฮ่าวเหรินก็เห็นฟังค์ชันที่เพิ่มขึ้นมาของระบบบซองแดงที่คล้ายคลึงกับการซื้อขาย
“ระบบพิเศษนี่น่าจะเปิดไว้ใช้ในสงคราม ใช้ขนส่งวัสดุผ่านเข้ามาได้ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่ากลุ่มเทียนหยูอาจจะไม่ได้ศึกษาระบบนี้เพื่อทำเงิน”
สิ่งนี้เทียบเท่ากับการติดตั้งประตูข้ามดวงดาวให้กับทุกๆอารยธรรม ในช่วงสงคราม วัสดุสามารถขนส่งมาทางนี้ได้
เห็นได้ชัดว่า ฟังค์ชันนี้ไม่ได้ให้ใช้ฟรี เมื่อใดที่ใช้ ก็จะมีการกินหน่วยพลังงานและต้องทำข้อตกลงทางการซื้อขายกับผู้ค้า
“จะให้ฉันรู้สึกยังไงกับระบบที่ทรงพลังมากๆในช่วงสงครามแบบนี้ ตราบเท่าที่เรายังต้องรักษาประตูขนส่งนี้อยู่ เราก็ยังสามารถส่งของได้อยู่เรื่อยๆ”
“ทรงพลังจริงๆ ลองคิดดูสิว่าจะเป็นยังไงถ้าเอาเรือรบในระบบซองแดงมารวมกันในตอนที่อารยธรรมหนึ่งแพ้ในศึกครั้งนี้”
“ฉันโพสต์ข้อตกลงไปแล้ว ซื้อขายสำเร็จแล้วล่ะ แต่ว่า ค่าพลังงานที่กินไปทำเอาจุกเลย”
“เห็นค่าเหรียญที่ต้องใช้แล้วจะเป็นลม ใครมีเหรียญพลังงานอยู่ในมือบ้าง ขอยืมบ้างสิ”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปที่ระบบการค้าและเห็นว่าระบบกินเหรียญพลังงานค่อนข้างสูง แล้วไม่นาน ดวงตาของเขาก็ยกขึ้นเมื่อได้เห็นว่ามีใครบางคนซื้อเรือรบในระบบไป
“จะเป็นลม 100000 เพชรพลังงาน เจ้านี่มันบ้าไปแล้ว แค่เรือรบขนาดกลางก็ปาไป 100000 เพชรพลังงานแล้ว”
“เวรล่ะ มีคนซื้อจริงๆด้วย แล้วฉันจะไปหาเหรียญพลังงานมาจากที่ไหนดีล่ะทีนี้ ยังได้จากการส่งซองแดงอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ได้ มันไม่ใช่อาวุธ ไม่มีใครอยากได้ด้วย ตอนนี้ ถ้านายต้องการเหรียญพลังงาน ก็แค่ขายวัสดุให้กับกลุ่มเทียนหยู แล้วนายก็จะเห็นรายการแลกเปลี่ยนพลังงานที่กลุ่มเทียนหยูปล่อยออกมา ในนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนพลังงานอยู่”
ในตอนนี้ นายต้องเข้าใจว่ากลุ่มเทียนหยูต้องการอะไร ที่เขาทำก็เพื่อให้ระบบซองแดงก้าวเข้าสู่โลกของระบบการซื้อขายระดับพันธมิตรจักรวาล
เพราะหินพลังงานของพันธมิตรจักรวาลที่เพิ่งกล่าวถึงไปนั้นมีค่าเทียบเท่ากับเหรียญพลังงาน โดยหนึ่งหน่วยของพลังงานหินนั้นจะเท่ากับหนึ่งร้อยพลังงานเหรียญ
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาวะสงครามหรือยุคพิเศษ เพราะต้องใช้พลังงานในการซื้อขายซึ่งสูงกว่าค่าขนส่งของพวกนักธุรกิจ
เห็นได้ชัดว่า คนที่นำเหรียญพลังงานออกมามากๆต่างก็ต้องการใช้หินพลังงานหรือไม่ก็ทรัพยากรบางตัวเพื่อที่จะใช้แลกเปลี่ยนเหรียญพลังงาน
อู๋ ฮ่าวเหริน มองเหรียญพลังงานของตนในตอนนี้ที่มีอยู่น้อยนิด อยากจะร้องไห้ เขารู้เรื่องสถานการณ์นี้มานานแล้ว เมื่อวันก่อนเขาได้ส่งของโบราณเข้าไปในระบบซองแดงมากขึ้น
ตอนนี้ เราทำได้เพียงแค่ดูระบบการซื้อขาย ของดีๆผุดขึ้นมามากมายในทันที และพวกเขาก็ต่างลงมือแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน
0 ความคิดเห็น