CF:บทที่ 403 ระดับ 6
ในตอนกลางคืน อู๋ ฮ่าวเหรินมองของต่างๆที่อยู่ในช่อง เลือกอยู่สักพัก ก่อนจะส่งของโบราณที่มีค่าถึงหกล้านเหรียญพลังงานเข้ากลุ่ม
“ฉันต้องการอยู่ระดับหก”
“ยินดีด้วย ไม่มีใครแย่งของโบราณนี้ไปได้ ฉันจะเก็บมันไว้และเอาไปให้กับชายชราเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของเขา”
หลังจากแย่งซองแดงนั้นมาได้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหริน ก็ได้ยินเสียงบอกถึงเลเวลหกดังขึ้นมาทันที ในภายภาคหน้า ให้คิดไว้เลยว่าต้องมีการแย่งชิงของดีๆกันแน่นอน
“ขอร่วมฉลองและขอมอบโบนัสให้กับคุณค่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองสิ่งประดิษฐ์โบราณชิ้นนั้นก่อนจะส่งซองแดงเข้าไปในแถวเป็นจำนวนสิบๆชิ้น
“ตอนนี้ ที่นี่ไม่สงบเลย ผมรู้สึกเหมือนกับว่าจะมีสงคราม เห็นบอกว่าที่สุดขอบกาแล็กซี่ของพันธมิตรจักรวาลมีการต่อสู้กันอยู่” ชาวไร่จับซองแดงก่อนจะพูดขึ้นมา
“หมู่นี้ ฉันได้ยินมาว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับพันธมิตรจักรวาล บางทีอาจจะมีการต่อสู้กันก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
สุดหล่อโคตรเจ๋งเอ่ยเตือนขึ้นทันควัน “นายต้องระวังตัวด้วยล่ะ อย่าวิ่งไปวิ่งมาในยุคนี้มากนัก อาณาเขตดวงดาวรอบๆไม่ปลอดภัยมากเท่าไหร่ แถมเรือรบก็แล่นอยู่เต็มไปหมด”
“นี่ สุดหล่อโคตรเจ๋ง เครียดเบอร์นั้นเชียวหรือ”
“เหตุการณ์มันตึงเครียดยิ่งกว่าที่นายคิดเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะมีการค้นพบดาวสาขาดวงใหม่และของโบราณจากอารยธรรมเก่าแก่ที่ดาวสาขาแห่งความตายล่ะก็ ก็จะไม่เกิดเรื่องนี้ในตอนนี้เหมือนกัน”
“ยังไงซะ ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าอารยธรรมโบราณยังหลงเหลืออยู่ก็คงเป็นเรื่องจริงน่ะสิใช่ไหม” นักวิจัยถามขึ้น
“ก็น่าจะจริงอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เหลืออยู่คืออะไร มีอารยธรรมที่ล้ำหน้าอยู่หลายอารยธรรมที่นั่น อีกไม่นานเราก็คงได้รู้ข่าวเองล่ะ”
“เดี๋ยวฉันจะให้นายดูวิดีโอที่ฉันได้มา ในดาวสาขาดวงใหม่ที่เพิ่งค้นพบ มีสัตว์ตัวเท่ายักษ์แบบนี้บินอยู่บนท้องฟ้าด้วย”
“พระเจ้าช่วย เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ยังไง มีสัตว์ตัวใหญ่ยักษ์แบบนั้นได้ยังไง ถ้าพวกเราปล่อยพวกมันออกไปวิ่งล่ะก็ คงเกิดหายนะแน่ๆ”
ในวิดีโอดังกล่าว มันเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างขนาดยักษ์ มีลำตัวเป็นสีแดงเหมือนพระอาทิตย์กำลังแหวกว่ายไปมาอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกได้เลยว่าอันตรายจากดาวสัตว์ยักษ์นั้นคงไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆเคลื่อนที่ได้
“พันธมิตรจักรวาลเริ่มก่อตั้งหน่วยป้องกันขึ้นที่ทางเข้าของดวงดาวสาขาแล้ว และเมื่อเข้าไปในนั้น แม้แต่อารยธรรมที่สูงกว่ายังเข้าร่วมด้วยเลย ยิ่งไปกว่านั้นนะ มันแปลกจริงๆที่ไม่เห็นเลยว่าดาวดวงนั้นใหญ่แค่ไหน และเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกอารยธรรมสูงส่งจะยกเลิกการสำรวจดินแดนบนดาวดวงใหญ่แบบนั้น”
“งั้น
ถ้าเรื่องราวเป็นแบบนี้ ก็แปลว่าจะต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น อารยธรรมสูงส่งทั้งหมดจะต้องออกไปสำรวจดาวสาขาดวงใหม่ ความพร้อมที่จะย้ายอารยธรรมไปข้างนอก ไม่ว่าใครก็ต้านทานพวกเขาไม่ได้”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่พันธมิตรจักรวาล ยิ่งอารยธรรมสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งแย่เท่านั้น พวกเขาไม่มีหนทางที่จะถอนตัวจากดาวสาขาดวงใหม่ทำให้พวกเขาต้องเพิ่มกองกำลังป้องกันชุดใหม่
ดาวสาขาเป็นดาวที่ประหลาดมาก เพราะนอกจากจะมีสมบัติอยู่มหาศาลแล้วนั้น ก็ยังมีสัตว์ที่แข็งแกร่งและสิ่งมีชีวิตป่าเถื่อนอยู่ด้วย
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ สิ่งมีชีวิตป่าเถื่อนพวกนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าพวกมันหลุดออกไปจากที่นี่ได้ครั้งหนึ่งแล้วล่ะก็ หายนะต้องมาเยือนพันธมิตรจักรวาลเป็นแน่
ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรจักรวาล ดาวเคราะห์ที่สร้างมาจากเทคโนโลยีชั้นสูง กลุ่มคนดังกล่าวต่างกำลังอภิปรายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ในพันธมิตรจักรวาล
“ดูแล้วตำนานน่าจะเป็นเรื่องจริง อารยธรรมพาลอสน่าจะเป็นผู้ถือกุญแจที่จะไขสู่เรื่องนี้
พวกนั้นมีพัฒนาการในรูปแบบทั้งจิตวิญญาณและอวกาศ ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับร่องรอยพวกนั้น”
“ปัญญาก็คืออารยธรรมพาลอสได้สูญสิ้นไปแล้ว แต่พวกเขาน่าจะเปิดช่องทางเดินอวกาศไว้ก่อนที่จะอารยธรรมจะหายไป บางทีดาวสาขาดวงใหม่นี้อาจจะไม่ใช่ดาวสาขา แต่อาจจะเป็นช่องทางที่เชื่อมต่อกับจักรวาลก็ได้”
“นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงกันเรื่องนี้นะ พวกเราจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง การเปิดช่องทางก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายขนาดนั้น บางทีพวกเราอาจจะได้พบเจอกับวิธีการพัฒนาของอารยธรรมที่โน่นก็ได้”
“แล้วจะจัดการกับสิ่งที่เหลือบนดาวสาขาที่ตายแล้วยังไง แล้วก็ตอนนี้ อารยธรรมบางอย่างที่ชั่วร้ายที่โดนกำจัดทิ้งไปก่อนหน้านั้นก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง และเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่แน่ๆ”
“ก็ให้พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อนเลย ส่วนตอนนี้ก็ให้ไปนำพวกคนที่เหลือทั้งหมดออกมา ในเมื่อดาวใหม่นั่นส่งคำขู่มาแบบนี้ ไอ้ปีศาจพวกนั้นก็ต้องโดนกำจัดไปซะ”
“งั้นก็เริ่มสงครามได้เลย”
เรือรบลำมหึมาแล่นออกจากสำนักงานใหญ่แห่งพันธมิตรอวกาศ ก่อนจะหายเข้าไปในท้องฟ้าใสกระจ่าง
หลายๆอารยธรรมตอบรับสงครามนี้ และสงครามก็ใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ
บนดาวดวงนั้น กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดไม่ต่างจากคลังแสงขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น รวมถึงเรือรบทุกลำต่างก็ลงจอดที่ท่าเรือบนดาวแห่งนี้ตามกันมาเรื่อยๆ
“สงครามกำลังจะมาแล้ว เราจะต้องลุกขึ้น ฆ่าพวกมัน ศึกแรก เริ่มได้”
ในตอนนี้เอง ในระบบซองแดงนั้น พวกเขาต่างไม่รู้เลยว่าสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว
อู๋ ฮ่าวเหรินเอ่ยถามเจ้าแห่งการบิน “แล้วคุณจะให้เรือรบที่สัญญาไว้กับผมเมื่อไหร่”
“แป๊บนะ เดี๋ยวส่งไปให้”
หลังจากแย่งซองแดงของยานอวกาศมาได้แล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็เห็นว่ามีเหรียญพลังงานเป็นล้านๆเหรียญเหลืออยู่ในเพชรพลังงาน
“ยังมีอาวุธบางตัวอยู่ เดี๋ยวฉันจะส่งไปให้หมด แล้วนายก็เก็บไปได้เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นว่าในนั้นมีอาวุธที่เอาไว้ใช้ป้องกันยานอวกาศอยู่ด้วย แม้จะรู้สึกปวดใจ แต่เขาก็พร้อมแล้วที่จะหยิบมันขึ้นมา
ของโบราณมีค่าหลายชิ้นถูกเผยแพร่ออกมาอีกครั้ง หลังจากได้เปลี่ยนเหรียญพลังงาน อู๋ ฮ่าวเหรินจึงสามารถหยิบอาวุธป้องกันนั่นมาได้
โชคช่างเข้าข้างเสียจริงที่ของพวกนี้ไม่มีใครต้องการ เพราะถ้าไม่อย่างงั้นพวกเขาต้องเศร้ามากแน่ๆ
“เวรแล้ว สู้กัน สู้กันแล้ว”
“สู้อะไรกัน”
“สงครามไงเล่า นี่ไง ดูในข่าวจากสหพันธรัฐนี่สิ รัฐบาลสหพันธรัฐได้เคลื่อนไหวและออกคำสั่งฉุกเฉินและตอนนี้ก็เข้าไปควบคุมกองทหารแล้ว”
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง พวกเราก็เพิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้ไปเอง ทำไมพวกเขาถึงสู้กันล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็นะ บางอารยธรรมเริ่มโจมตีกลับแล้วมาแล้ว ถึงตอนนี้ พวกเราจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่กับรัฐบาลสหพันธรัฐน่ะ พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้โอกาสนี้เข้าร่วมสงครามต่อต้านตัวเรือดพวกนั้น
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าตัวเองโง่งมไปเล็กน้อย การต่อสู้นี้คือของจริง อีกไม่นาน ในระบบซองแดงก็จะไม่เหลือใครแน่ๆ
เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เขารู้สึกสับสน ไม่ ในอนาคตระบบซองแดงจะต้องไม่ไร้ประโยชน์สิ
หลังจากรออยู่สักพัก ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมา แม้แต่กลุ่มระดับหกที่เขาเพิ่งจะได้เข้าร่วม ก็ยังไม่มีใครมา อู๋ ฮ่าวเหรินจึงทำได้แค่ถอนตัวออกมาจากระบบ
เมื่อมองของโบราณในช่องซองแดง อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนว่าของพวกนี้จะใช้การอะไรไม่ได้แล้ว
แต่โชคยังดีที่สุดท้ายผมก็ยังมียานอวกาศจากเจ้าแห่งการบิน แม้ว่าจะเป็นยานอวกาศส่วนตัวลำเล็กๆ โดยพื้นที่ของตัวเครื่องมีลักษณะแบนเหมือนปลา
มันอาจจะดูเล็กกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งมีความยาวมากกว่า 80 เมตร กว้างมากกว่า 40 เมตร และสูงมากกว่า 20 เมตร โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเรือรบของจริง นี่ก็เหมือนกับการเปรียบเทียบระหว่างเรือหาปลาลำเล็กกับเรือบรรทุกเครื่องบิน
โดยเหตุนี้ ยานอวกาศลำนี้จึงดูเล็กไปเลยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นอาวุธป้องกันยานอวกาศแล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็เจอปัญหา แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องติดตั้งอาวุธพวกนี้บนยานอวกาศ
นอกจากนี้ พลังงานของยานก็เป็นปัญหา หินพลังงานในมือของเขาไม่เพียงพอที่จะทำให้ตัวยานแล่นออกไปจากระบบสุริยะได้
ดูเหมือนว่าการปลูกเมล็ดพลังงานที่ได้มาจากชาวไร่จะเป็นเรื่องจำเป็นเสียแล้ว ถ้าไม่ใช้ซองแดง ยานอวกาศก็จะกลายเป็นเป็นแค่ของเล่นที่วางไว้บนโลกเท่านั้น
ด้วยยานลำนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกมั่นใจอยู่พอสมควร อย่างน้อยที่โลก ก็จะไม่มีประเทศไหนกล้ามาข่มขู่ยานลำนี้
ขั้นตอนต่อไปคือการแก้ปัญหาเรื่องพลังงาน ด้วยพลังงานนี้ เขาก็จะสามารถออกสำรวจท้องฟ้าได้
0 ความคิดเห็น