RC:บทที่ 424 1 พันล้าน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 424 1 พันล้าน 


ในครั้งนี้ ปาเต๋าเองก็กลับไปกับหลินเฟิงด้วย หวังฉีเป็นเพียงคนเดียวที่จะอยู่ที่นี่ต่อ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องดูแลธุรกิจสาขาย่อยของโรงแรมนี้ต่อไป 


จากที่นี่ผ่าน D ไป A ไป O และไปถึง เขต G ด้วยยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลถึงระดับนี้แล้ว เพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงก็ทำให้เขากลับมาถึงบ้านได้ 


เมื่อหลินเฟิงและปาเต๋าขึ้นไปยังเครื่องบิน หลินเฟิงก็หลับตาลงและทำสมาธิ เพียงไม่นานนักเขาก็กลับมาถึงบ้านเรียบร้อย 


หลังจากที่ลงมาจากเครื่องบินแล้ว หลินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นปลาที่ได้กลับลงทะเลมากๆเลย 


เพียงชั่วพริบตาเดียว หลินเฟิงไม่คิดเลยว่าเขาจะเคยห่างจากเขต G ไปนานหลายเดือนขนาดนี้ หลายสิ่งหลายอย่างมันเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปหมด เริ่มอยากรู้แล้วว่าตอนนี้หวังหานจะเป็นยังไงบ้าง


อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาลงมาจากเครื่องบิน พวกเขาก็พบเจอเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างตู๋กัง ตู๋กังนั้นรู้ว่าเที่ยวบินของหลินเฟงิจะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะงั้นเขาจึงตรงเข้ามาในทันที


เมื่อหลินเฟิงได้เจอตู๋กังอีกครั้งในรอบหลายเดือน และในครั้งนี้ตู๋กังนั้นแข็งแกร่งขึ้นทั้งพลังแล้วก็กายภาพเลย ยิ่งไปกว่านั้น หลินเฟิงยังพบอีกว่าปกติคนตรงหน้านี้ก็สูงกว่า 190 เซนติเมตรแล้ว และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อีกฝ่ายสูงทะลุ 200 เซนติเมตรเช่นนี้


ร่างกายของตู๋กังนั้นสูงใหญ่และดูแข็งแรงอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก สำหรับคนที่สูงกว่า 200 เซนติเมตรในจีนแบบนี้ 


นอกจากนั้น ไม่เพียงแค่สูงขึ้น แต่เขาเองก็ยังแข็งแกร่งขึ้นมากๆด้วย ลายกล้ามเนื้อปรากฏขึ้นให้เห็นเด่นชัด ซึ่งมันทำให้คนที่ได้เห็นต่างเกรงกลัว ผู้คนรอบๆตัวเขาเป็นไปได้จึงตีวงออกห่างไว้แทน 


ขณะที่หลินเฟิงและปาเต๋าลงมายืนอยู่ข้างๆเครื่องบินแล้วนั้น ตู๋กังก็วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยก้าวที่ยาว และทุกๆก้าวก็ทำให้หลินเฟิงตื่นเต้นตลอด 


“เจ้าบ้าเอ้ย กว่าจะกลับมาได้! ฉันภาวนาให้นายปลอดภัยอยู่ทุกวันเลยรู้มั้ย!” ตู๋กังพูด


“ฮ่าๆๆ ยินดีที่ได้เจอนายอีกนะ พ่อคนดี! ดูนายจะโตขึ้นอีกเยอะเลยตั้งแต่ที่เจอกันครั้งสุดท้าย แถมยังรู้สึกว่าความแข็งแกร่งจะเข้าสู่ระดับต้นของ S แล้วด้วยหรือเปล่าเนี่ย?” หลินเฟิงและตู๋กังโผเข้ากอดกันหลังไม่ได้เจอกันนาน


“ฉันต้องขอบคุณหินลึกลับหลากสีที่นายให้นั่นแหละ!” ตู๋กังพูด


หินวิญญาณหลากสีนั้น คือ 1 ในสมบัติสุดประหลาดที่เขาได้มาจากหลินเฟิงซึ่งมาจากมิติโบราณ ซึ่งในตอนนี้หลินเฟิงยังมี หินวิญญาณ 7 สี และ หินวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ 16 ก้อนอยู่อีก 


หากยึดตามที่จักรพรรดิอู๋ชางพูดเมื่อครั้งนั้น หินวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลากสีนี้มีพลังวิญญาณมากพอที่จะทำให้คนๆหนึ่งก้าวเข้าถึง SSS ขั้นสุดได้เลย และหินวิญญาณหลากสีมันจะยิ่งวิเศษกว่านั้นอีก เพราะเพียงแค่ก้อนเดียว มันสามารถปล่อยพลังวิญญาณออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลย 


หลินเฟิงมีมันอยู่ 17 ชิ้น และตัวเขาเองก็เก็บหินวิญญาณหลากสีระดับพระเจ้าเอาไว้ใช้ส่วนตัว ส่วนอีก 16 ก้อนที่เหลือนั้นหลินเฟิงส่งต่อให้หวังหานเพื่อแจกจ่าย 


เหล่าสมาชิกหลักอย่างตู๋กัง ถึงจะได้มานิดหน่อยแต่มันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 


ไม่นานนัก ด้วยการนำของตู๋กัง หลินเฟิงและพรรคพวกก็เดินทางกลับไปยังโรงแรมโหยวหยี่ได้ 


เมื่อข่าวเรื่องหลินเฟิงกลับมาแพร่กระจายไป พวกสมาชิกอาวุโสของหลินเฟิงกรุ๊ปก็รีบเดินทางไปยังโรงแรมโหยวหยี่ในเร็ววัน ซึ่งประกอบด้วย ลู่ซื่อจี้ , หวังหาน , หวังซู่ , จื่อเจิง , เจ้าลิง , หวังฮ่าวหมิง , เติ้งเทียนฟู และคนอื่นๆอีก พวกคนเหล่านี้คนกลุ่มคนที่ติดตามหลินเฟิงมานานแล้วทั้งสิ้น 


ในวันนั้น พวกเขาได้ร่วมดื่มกันที่โรงแรมโหยวหยี่ หลินเฟิงเองก็ได้เล่าประสบการณ์ต่างๆที่ได้ประสบพบเจอในช่วงที่ผ่านมาให้ฟังไปด้วย 


ทุกคนต่างฟังหลินเฟิงพูดและถอนหายใจไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาจากใบหน้าหลังจากได้ยินว่าหลินเฟิงนั้นก้าวเข้าสู่ระดับ SSS ตอนต้นแล้ว ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนพากันตื่นตระหนกไปหมด 


แต่ท้ายสุดแล้วหลินเฟิงก็ไม่ได้สามารถเล่าทุกเรื่องได้เพราะเขานั้นผลอยหลับไปก่อน เขาไม่รู้เลยว่าที่หลับไปนั้นเพราะดื่มจนเมาหรือเพราะง่วงกันแน่ แต่ทุกๆคนต่างก็เข้าใจสถานการณ์ทางฝั่งหลินเฟิงได้ การได้เจออะไรมาเยอะแยะถ้าเขาจะยังมีอาการเหนื่อยอยู่ก็คงไม่แปลก ดังนั้นแล้วตู๋กังจึงช่วยพาหลินเฟิงกลับเข้าห้องไป 


เช้าวันต่อมา หลังจากที่หลินเฟิงตื่น 


เช้าวันนี้แสงแดดมันดูร้อนแรงกว่าทุกๆวัน เมื่อเขาตื่นนอน เขาก็เดินไปเปิดหน้าต่างและทอดสายตาไปไกล มันรู้สึกดีจริงๆ 


อย่างไรก็ตาม จังหวะต่อมา หลินเฟิงก็กินนู่นกินนี่มากมายไปหมด เขาที่อยู่บนชั้นบนสูดของโรงแรมโหยวหยี่นั้น เมื่อได้มองออกไป หลายสิ่งหลายอย่างมันน่าตกใจไปหมด 


นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่เข้ามาในสายตาเขาก็คือป้ายโฆษณาและโปรโมชั่นต่างๆของหลินกรุ๊ปนั่นเอง หรือจะเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกันระหว่างบริษัทอื่นและหลินกรุ๊ป ที่เมื่อวานเขาไม่เห็นอะไรแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าเขามาสาย เขาเลยต้องรีบไปที่ๆนัดหมายไว้ก่อน และในตอนนี้เขาไม่มีอะไรต้องรีบไปทำ ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็นเจ้าสิ่งเหล่านี้แล้ว 


นอกจากนั้น พอมาสังเกตุดีๆแล้ว เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในตึกที่สูงกว่า 30 ชั้นเสียแล้ว และตึกที่ว่านี่ก็คือที่ตั้งของโรงแรมโหยวหยี่นั่นเอง 


โรงแรมที่มีขนาดสูงใหญ่กว่า 30 ชั้นเช่นนี้ค่อนข้างน่ากลัวเลย เพราะแม้แต่สาขาย่อยที่หวังฉีเองยังเป็นแค่โรงแรมเล็กๆขนาด 3 ชั้นเท่านั้นเอง


ดูเหมือนว่าเพียงไม่กี่เดือน ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเลย หลินเฟิงจำได้ว่าก่อนที่เขาจะออกไปจากที่นี่ ทุกๆอย่างมันยังไม่น่าหวือหวาขนาดนี้ 


จากนั้นพักใหญ่ๆ ที่ประตูก็มีคนเคาะขึ้นมา หลินเฟิงเดินไปเปิดประตูแล้วก็พบว่าคนที่เคาะนั้นเป็นเจ้าลิงกับตู๋กังนั่นเอง 


“เจ้าลิง ตู๋กัง! ฮ่าๆๆ ยินดีที่ได้พบเจอ!” หลินเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้น


“ฮ่าๆๆ ที่นี่ไม่มีอะไรทำเลยหลังจากที่นายจากไปตั้งนาน!” เจ้าลิงมองหลินเฟิง จากนั้นร่างของเขาก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและมาปรากฏตัวอีกทีต่อหน้าหลินเฟิงพร้อมกับหัวเราะ 


หลินเฟิงตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับมาได้ อ่า นั่นคือ 1 ในชิปชีวภาพที่เจ้าลิงพัฒนาอยู่แน่ๆ 


“คราวนี้ทำอะไรไว้ล่ะ? มันดูวิเศษมากเลยนะ!” หลินเฟิงถาม 


“ยีนส์ที่อยู่ในชิปนี้มาจากพวกสัตว์วิญญาณสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับมิติน่ะ น่าตกใจใช่มั้ยล่ะ?” เจ้าลิงพูด 


ขณะที่คุยกันอยู่ ร่างของเจ้าลิงก็มีสภาพเหมือนภาพกระพริบซึ่งนั่นทำให้ตัวของเขาเองเหมือนวาร์ปไปมาอยู่เรื่อยๆ 


“สุดยอดไปเลย! ฉันอยากจะได้มันซัก 9-10 ชิ้น!” เมื่อเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้ดูน่าสนใจ หลินเฟิงก็รีบพูดออกไปทันที 


*พรู่ด!*


เมื่อตู๋กังและเจ้าลิงได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็แทบสำลักเลือดออกมาก่อนที่ตู๋กังจะพูดขึ้น “ย-อย่าพูดถึง 9 ชิ้น 10 ชิ้นเลย… แต่ 2-3 ชิ้นก็จะกระอักเลือดกันตายอยู่แล้ว”


“ไหงงั้น?” หลินเฟิงสงสัย 


เห็นๆอยู่ว่าถ้าสร้างได้แล้วอันนึง หากจะสร้างเพิ่มอีกซักอันสองอันมันคงไม่เกินความสามารถอยู่แล้ว 


“นายรู้หรือเปล่าว่าชิปอันนี้อันเดียวใช้เงินไปเท่าไหร่?” ตู๋กังพูด 


ได้ยินดังนั้นหลินเฟิงก็งุนงงและถามกลับ “เท่าไหร่ล่ะ?”


“ค่าวิจัยชีวภาพชิ้นนี้น่ะ มีมูลค่าถึง 1 พ้นล้านเลยนะ!” ตู๋กังพูดเสียงดังแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาโกรธแต่อย่างไร 


“โอเคๆ เข้าใจแล้ว พันล้านเองไม่ใช่เหรอ...หน้าแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ? หรือว่า...เดี๋ยวก่อนนะ… นายกำลังจะบอกว่า ราคาเมื่อครู่นี่ คือค่าวิจัยเจ้าชิปนี้ ‘แค่ชิ้นเดียว’ งั้นเหรอ!?” เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้วหลินเฟิงก็ตื่นเต้นแบบสุดๆ 


1 พันล้าน 1 พันล้าน 1 พันล้านต่อ 1 ชิ้น! ไม่ใช่ 10 แต่แค่ 1 ชิ้นเท่านั้น! ต่อให้เอาราคานี้ไปเสนอคนที่รวยที่สุดในเขต G ยังไงพวกเขาก็คิดว่ามันมหาศาลอยู่ดี! 


แต่สิ่งหนึ่งที่หลินเฟิงไม่รู้เลยนั่นก็คือ คนที่รวยที่สุดในเขต G น่ะ ก็คือเขานั่นแหละ!! 


“อะไรทำให้มันแพงถึงขนาดนี้น่ะ! ฉันเข้าใจว่าเจ้านี่น่ะน่าจะราคาสูงก็จริง แต่พันล้านนี่...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น