RC:บทที่ 423 กลับบ้าน
ณ ที่ที่มีบ่อเลือดขนาดใหญ่ราวกับทะเลสาปอยู่ มันกว้างใหญ่ขนาดที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ที่แห่งนั้นยังมีแท่นบูชาขนาดใหญ่เหมือนเป็นเครื่องมืออะไรซักอย่างอยู่บนบ่อนั้น นอกจากนั้นบนแท่นบูชานั้นยังมีเหมือนเป็นภาชนะใสที่ทำจากแก้วขนาดใหญ่วางอยู่ด้วย
ในแก้วแต่ละใบจะมีของต่างๆกันบรรจุไว้อยู่ แก้วใบแรกนั้นเป็นของเหลวสีฟ้า และสิ่งที่อยู่ภายในของเหลวนั้นมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์กลายพันธุ์สีฟ้าคล้ายๆกับเธอที่เคยปรากฏตัวก่อนหน้า ตาของสิ่งที่อยู่ในนั้นยังหลับอยู่และยังไม่มีการหายใจใดๆหากแต่ยังคงมีชีพจรเต้นอยู่เรื่อยๆ
ภาชนะใบที่สองบนแท่นบูชานั้นเป็นมนุษย์หมาป่า และใบที่ 3 เป็นค้างคาวดูดเลือด ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด
แท่นบูชาเหล่านี้มีเครื่องมือประหลาดๆที่เชื่อมโยงร่างเหล่านี้กับทะเลสาปเลือดโดยตรง มันดูเหมือนจะเป็นท่อพลังงานอย่างไรอย่างนั้นเลย
“นี่คือสิ่งที่ว่า เอาของๆพวกนายออกไปแล้วรีบไปซะ!” ชายชุดดำพูดและเดินกลับไปที่อื่นต่อ
เขาเดินไปยังจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำ สถานที่ที่ซึ่งบอกอะไรไม่ได้เลย มันมืดมากๆ มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเองเสียด้วยซ้ำ!
ที่แห่งนี้มีหลอดแก้วขนาดใหญ่คล้ายๆกับ 3 หลอดก่อนหน้านี้ แต่ว่าเจ้านี่ถูกเก็บว่อนไว้รัดกุมกว่า
เมื่อชายชุดดำมองไปยังเจ้าสิ่งนั้น เขาก็พบว่าทั่วทั้งร่างของมันรวมถึงจิตใจมันสงบนิ่งมากๆ
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาสิ่งนั้น เขามองมันอยู่นิ่งๆถึงสิ่งที่อยู่ด้านใน สายตานั้นราวกับกำลังมองไปยังเด็กน้อยๆคนหนึ่ง และเมื่อเขาเดินไปถึงหลอดแก้วนั้น เขาก็โอบกอดมันเบาๆจนดูเหมือนว่าตัวเขานั้นกำลังมัวเมาไปกับมัน
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็อยู่ในจุดที่ลุ่มหลงมัวเมาเจ้าสิ่งนี้ไปแล้ว และทันใดนั้น สิ่งที่อยู่ด้านในหลอดแก้วก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อมองชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าเขา
ชายชุดดำรู้สึกได้ถึงบางอย่างทันที เมื่อเขามองขึ้นมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในหลอดก็รีบหลับตาลงไปราวกับมันไม่เคยลืมตามาก่อน
“แปลก...ภาพลวงตางั้นเหรอ?” ชายชุดดำพูดด้วยความประหลาดใจ
เขายืนเงียบๆอย่างงั้นอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะเดินจากไป
ทางด้านของตระกูลศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนี้ ชายชราได้พาไคซือและพรรคพวกของเขากลับไปแล้ว และรีบเรียกเหล่านักสู้ที่แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนให้ไปที่ถ้ำแห่งนั้นทันที
โลกแห่งพลังถูกสั่นคลอนด้วยความแข็งแกร่งมหาศาลนี่ บางคนก็บอกว่าพวกเขานั้นส่ง SSS ระดับสุดยอดไปกว่าโหล บางคนก็พูดว่ามีเพียงเหล่าหัวหน้าระดับสูงเท่านั้นที่ลงมือทำสิ่งนี้ และบางส่วนก็บอกว่า ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ส่งตัวท็อปไปมากกว่าครึ่งของทั้งหมด
มีคำพูดและคำเล่าลือมากมายเกิดขึ้นซึ่งมันเป็นความเห็นที่แตกต่างกันและไม่มีเค้ามูลความจริงใดๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ที่พวกเขารู้ก่อนที่จะไปถึงนั้นก็คือทุกๆอย่างทุกๆคนในถ้ำมันหายไปแล้ว ทั้งถ้ำมันกลายเป็นถ้ำเปล่าๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น!
ทุกอย่างมันหายไปหมด แม้กระทั่งร่องรอยของการต่อสู้เองก็ด้วย เลือดมากมายก็หายไปจนหมด สภาพถ้ำตอนนี้ก็ไม่ต่างกับถ้ำเปิดทั่วๆไปเลย
แต่ไม่ว่าที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น ยังไงซะพวกเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะ 1 ในผู้ที่เคยเข้าร่วมกับศึกครั้งนี้ ก็คือหลินเฟิง และตอนนี้หลินเฟิงเองก็ยังอยู่ในอาการโคม่าอยู่
1 สัปดาห์ต่อมา
“หลินเฟิง นายโอเคหรือเปล่า?” ไคซือมายังโรงแรมโหยวหยี่ที่ซึ่งหลินเฟิงพักอยู่ ผู้คนมากมายต่างก็นั่งและรับประทารอาหารไปด้วย โดยมีไคซือถามหลินเฟิงด้วยความกังวล
หลินเฟิงหันไปมองทางเขาก่อนจะพูด “ฉันโอเค! แล้วว่าแต่เกิดอะไรขึ้นหลังจากวันนั้นนะ? ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“วันนั้น? วันนั้นนายแข็งแกร่งมากๆเลยนะ แข็งแกร่งขนาดที่ว่าชายชุดดำที่ว่าทรงพลังแล้วยังเอาชนะนายไม่ได้ แล้วก็โชคดีที่ผู้อาวุโสแห่งการลงทัณฑ์ไปถึงที่นั่นได้ทันเวลา พวกเราจึงสามารถต่อลมหายใจได้อีกหน่อย แต่ก็เพราะชายชุดดำนั่นทรงพลังเกินไป แม้แต่ผู้อาวุโสเองก็ยังสั่งให้พวกเรารีบถอยกลับเลย” ไคซือพูด
“แล้วจากนั้นล่ะ?” หลินเฟิงถามต่อ
“หลังจากที่พวกเราแยกย้ายกลับไปแล้ว ท่านผู้อาวุโสก็เรียกเหล่านักสู้ระดับพระกาฬของตระกูลศักดิ์สิทธิ์เพื่อไปยังถ้ำนั้น แต่เมื่อพวกเขาไปถึงก็พบว่าพวกคนที่อยู่ด้านในนั้นหายไปอย่างลึกลับหมดแล้ว ไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยของพวกมันเลยด้วย!” ไคซือจิบไวน์ขณะที่พูด
“อ่า น่าเสียดายจังแฮะ แล้วว่าแต่พวกคุณรู้จุดประสงค์ของพวกนั้นมาหรือยัง?” หลินเฟิงถามอีกครั้ง
“ชัดเจน ผู้อาวุโสแห่งการลงทัณฑ์บอกไว้ว่าเจ้าพวกนั้นตั้งใจจะคืนชีพอะไรบางอย่าง เช่น พวกญี่ปุ่นตั้งใจจะคืนชีพงูยักษ์โอโรจิ พวกองค์กรกระโหลกโลหิตตั้งใจจะคืนชีพราชากระดูกโลหิตแล้วก็พวกกองพันกระดูกทั้งหลาย!” ไคซือกินอย่างเพลินเพลินพร้อมทั้งเล่าไปด้วย
ส่วนปาเต๋าและหวังฉีไม่ได้ทำอะไร พวกเขาเพียงแค่นั่งฟังอย่างรอบครอบเท่านั้น
“แค่นั้นเองเหรอ?” หลินเฟิงสงสัย
เนื่องจากคนเหล่านั้นมาจากต่างที่กัน ดังนั้นแล้วเขาจึงคิดว่ามันน่าจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันมากกว่านี้
จริงๆหลินเฟิงอยากรู้จุดประสงค์ของชายชุดดำนั่นมากกว่า สิ่งที่หลินเฟิงสงสัยนั้นมันไม่ใช่เรื่องทั่วๆไป เพราะตัวเขาเองยังต้องหาเลือดบริสุทธิ์ของมังกรทมิฬอีก 7 ส่วน
แต่ตอนนี้ ยามที่รู้ว่าชายชุดดำหายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมๆกับคนอื่นๆเองก็หายไปหมด
มันทำให้เบาะแสหนึ่งเดียวของหลินเฟิงเกี่ยวกับเลือดมังกรทมิฬนี้ พลอยสลายหายไปด้วย
“ลืมมันไปดีกว่า อย่าไปพูดถึงมันเลย! คุณจะเอาอะไรอีกมั้ย? เรามีน้ำ มีอาหารดีๆ รวมถึงไวน์ดีๆแล้วก็อย่างอื่นอีกเยอะแยะไปหมดเลย!” หลินเฟิงพูด
“ดีเลย! อาหารกับไวน์ที่นี่มันสุดยอดมากๆ ถ้ายังไงก็ขอเพิ่มด้วยนะ!” ไคซือพูดด้วยความตื่นเต้นขณะที่ปากเขาเต็มไปด้วยน่องไก่และมือถือไวน์
ในทันทีที่หวังฉีได้ยินดังนั้น ใบหน้าเขาก็ดูมืดดำ “ให้ตายเถอะ นี่มันไก่ฟินิกส์ตัวที่ 7 แล้วนะ...”
หลังจากที่ไคซือไปแล้ว หลินเฟิงก็ตรงไปขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรมเพื่อที่จะไปมองทะเล
ทะเลสีฟ้าที่เพียงแค่ได้เหลือบมองก็รู้สึกสบายใจ
ในตอนนี้ เขาได้ผ่านอะไรต่างๆมามากมาย ถึงมันจะเป็นเวลาสั้นๆ มันก็ทำเอาเขาบาดเจ็บหนักไปได้ถึงสองครั้งสองครา แถมทุกๆครั้งก็ดันบาดเจ็บสาหัสด้วย โชคดีที่อาจารย์ของเขา เฒ่าไป๋ ก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่งั้นแล้วป่านนี้หลินเฟิงคงได้ไปมองทะเลจากบนสวรรค์แทน
ในขณะที่หลินเฟิงกำลังมองทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาอยู่นั้น มันก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามา
“ท่านประธาน จองตั๋วเรียบร้อยแล้วนะครับ!” เสียงที่คุ้นเคยเองก็ดังขึ้นด้วย และนั่นคือหวังฉีนั่นเอง
“อ๊ะ เหนื่อยหน่อยนะ” หลินเฟิงหันไปตอบรับ
หลินเฟิงนั้นมีประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถึง 2 ครั้งสองคราภายในเขต S นี้ หวังหานและคนอื่นๆในบ้านเกิดของเขาที่เขต G ต่างก็เป็นห่วงและพากันขอให้หลินเฟิงกลับไปเสียที
การประท้วงของคนเหล่านี้มันมากขึ้นเรื่อยจนอยู่ในระดับที่ว่า หากหลินเฟิงไม่กลับไปดูแลกิจการทุกอย่างเอง พวกเขาก็จะลงมือเองแล้ว จริงคนเหล่านี้รู้ว่าหลินเฟิงต้องออกมาเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวคนเดียว ถ้าหากหลินเฟิงต้องเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขาเกรงว่าหลินเฟิงจะได้รับบาดเจ็บอีก เพราะงั้นจึงเรียกตัวกลับไป
แต่เดิมแล้วหลินเฟิงตั้งใจจะให้มังกรทมิฬแหวกมิติแล้วพาเขากลับไปในทันทีเลย แต่ทว่าหลังจากศึกครั้งล่าสุด มังกรทมิฬก็หลับไหลมาโดยตลอด เพราะงั้นเขาจึงทำได้แค่กลับโดยเครื่องบินเท่านั้น
ด้วยความที่เขต S และเขต G นั้นอยู่ห่างไกลกันมากๆ ถึงแม้มังกรทมิฬจะก้าวเข้าสู่ระดับ SSS แล้วก็จริง แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางข้ามมิติหลายชั่วโมงอยู่เพื่อจะไปถึงเขต S
เพราะงั้นในความคิดหลินเฟิง บินด้วยเครื่องบินก็คงไม่ต่างกับการให้มังกรทมิฬแหวกมิติให้ซักเท่าไหร่ เพียงแค่มันมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มมานิดหน่อย
0 ความคิดเห็น