RC:บทที่ 413 หนี

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 413 หนี 


ในขณะที่หลินเฟิงกำลังช็อก ไคซือก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขารีบดึงตัวหลินเฟิงเข้ามาหลบในทันที 


เมื่อทั้งสองหลบไปแล้ว ชายในผ้าคลุมที่แสดงออกว่าเป็นขององค์กรกระโหลกโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขานั้นรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากคนๆนี้ หลังจากที่เขาปรากฏตัว เขาก็ไปยังที่ๆคนอื่นๆยืนอยู่และมองไปรอบๆ 


“นายท่าน!” ในตอนนั้น ชายผู้สร้างกระดูกโลหิตก็หยุดการกระทำและหันมาทำความเคารพชายคนนี้ก่อน 


“อืม เจอใครน่าสงสัยบ้างไหม?” ชายที่ให้ความรู้สึกน่ากลัวเอ่ยถาม 


“ไม่เจอครับ ทุกอย่างปกติดี!” อีกฝ่ายตอบกลับ 


“งั้นก็ดี ทำงานต่อไป!” พูดจบ ชายที่ดูน่ากลัวก็เดินจากไป 


ในตอนนั้น หลินเฟิงและไคซือต่างก็กำลังซ่อนตัวอยู่ พวกเขาแทบจะไม่กล้าหายใจไปพักใหญ่ๆเลย ก่อนไคซือจะพูดขึ้น “เจ้านั่นน่ะ ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าฉันเลยนะ กลับกันก่อนดีกว่า ไม่งั้นคงไม่ดีแน่ถ้าถูกเจอตัว!”


“ดี! ไปกันก่อน!” หลินเฟิงเองก็เห็นพ้องต้องกันว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ใช่เล่นๆเสียแล้ว เพราะถ้าไคซือไม่รู้สึกตัวก่อน เขาคงโดนคนๆนั้นจับกลิ่นอายได้ไม่ยาก 


พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบออกมาในทันที 


ไม่นานนักทั้งสองก็กลับมายังที่เดิมก่อนหน้าได้ การต่อสู้ระหว่างมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์​นั้นจบลงแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าใครชนะ ผู้คนทั้งหมดตรงนั้นต่างพากันนั่งอย่างสงบ 


หลินเฟิงและไคซือมองไปรอบๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เห็นจี่ยี่กับโม่หยานเลย และเมื่อตั้งใจจะส่งข้อความไปหาทั้งสอง พวกเขาก็ได้เห็นคลื่นพลังงานลูกใหญ่ระเบิดออกมาจากทางถ้ำของพวกญ่ปุ่นทันที ซึ่งมันรุนแรงพอที่จะทำให้ถ้ำถึงกับสั่นไหวเลย 


ดูเหมือนว่าจะมีพวกคนที่เก่งกาจกำลังสู้กันอยู่ หลินเฟิงและไคซือเมื่อเห็นดังนั้นต่างก็ต้องพากันกรีดร้องในใจ นั่นเพราะว่านี่ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีแน่ๆ มันอาจจะเป็นจี่ยี่กับโม่หยานที่ถูกเจอและกำลังสู้กับคนอื่นอยู่ก็เป็นได้


ในตอนนั้น ผู้คนทั้งหมดที่ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ชมการต่อสู้ ต่างพากันตกใจกับคลื่นพลังงานที่แปรผันซึ่งระเบิดออกมาเมื่อครู่ และมันทำให้พวกเขาต่างพากันมองไปยังต้นเสียงด้วยความระมัดระวังเลย 


ขณะนั้นเอง หลินเฟิงและไคซือก็มองเห็นจี่ยี่กับโม่หยานรีบพากันวิ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนก ร่างของพวกเขาทั้งสองดูสั่นไหวเล็กน้อย 


“รีบไปกันเถอะ!” จี่ยี่และโม่หยานเมื่อได้เห็นหลินเฟิงพวกเขาก็รีบเอ่ยขึ้น 


ทั้งสองนั้นซอยขามาด้วยความเร็วมากๆ พวกเขาออกมาจากจุดนั้นได้แทบจะทันที ซึ่งนี่ทำให้หลินเฟิงและไคซือไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น 


เมื่อมองตามหลังทั้งสองที่วิ่งออกมาแล้ว เขาก็เห็นนินจาอีก 3 คนวิ่งตามออกมา ทั้ง 3 คนนี้แข็งแกร่งมากๆ ซึ่งแต่ละคนก็ดูจะระดับ SSS กันแล้ว 


เห็นดังนั้นพวกเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้นไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสองคนนี้ต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ พวกเขานั้นถูกเจอตัวและไล่ล่าโดยคน 3 คนที่อยู่ในระดับพอๆกัน 


ตอนนี้หลายๆคนเริ่มจะหันมาวิ่งไล่พวกเขาแล้ว หลินเฟิงที่เห็นสถานการณ์ไม่ดีก็เริ่มวิ่งหนีเหมือนกัน ทางด้านทั้งสองที่วิ่งหน้าตาตื่นนั้นพยายามจะแหวกมิติเพื่อใช้เป็นทางหนี หากแต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามิติภายในที่แห่งนี้นั้นถูกผนึกไว้อย่างหนาแน่นจนไม่สามารถเปิดได้เลย 


ท้ายสุดหลินเฟิงและพวกเขาทั้งหมดก็วิ่งออกมาแทน ปัญหาที่เข้ามาราวกับเขาเป็นปลาที่เจอแหนั้นทะเอาเหนื่อยเอาการเลย พวกเขาพากันวิ่งออกมาจากถ้ำจนทิ้งระยะห่างได้ในระดับหนึ่ง


พวกนินจาญี่ปุ่นที่ตามมานั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตามเลย แต่เมื่อออกมาจากถ้ำได้ การไล่ล่าก็ไม่ต่างอะไรกับความฝันลมๆแล้งๆ 


ทั้งสองสามารถแหวกมิติได้แล้ว และเมื่อมิติมันโดนเปิดออก ทั้งสองร่างก็หายวับไปในมิตินั้นทันทีเลย 


“บ้าน่า!” เมื่อเหล่านินจาเห็นดังนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธสุดๆ 


ทั้งสองรอดแล้วด้วยมิติแยก และหลังจากนั้นพวกเขาก็ปรากฏตัวใหม่อีกครั้งในขณะที่หลินเฟิงและไคซือกลับไปถึงเมืองแล้ว มิติที่แหวกออกนำพาจี่ยี่และโม่หยานหลุดออกมาตรงหน้าหลินเฟิง


เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาอยู่ตรงหน้าได้ พวกเขาทั้งหมดก็โล่งอก ชัดเจนเลยว่าเปิดมิติหนีมาไกลขนาดนี้คงจะกินพลังวิญญาณไม่น้อยเหมือนกํน 


“เป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงน่ะ?” ไคซือถาม 


“พวกเราเห็นแล้วว่าเบื้องหลังของถ้ำนินจาคืออะไร มันเป็นบ่อเลือดขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 100 เมตรเลยล่ะ!” จี่ยี่พูด 


ใช่แล้ว มันใหญ่มากกกกก แล้วก็ข้างๆก็มีซากที่เหลือแต่กระดูกถูกทิ้งไว้ด้วย ซากนั่นก็ใหญ่พอๆกันเลยนะ ใหญ่จนพวกฉันอธิบายไม่ได้เลย! โม่หยานพูดด้วยความกลัว 


“ขอรายละเอียดเพิ่มหน่อยสิ” ไคซือเอ่ย 


“เจ้านั่นมันเหมือนงู แต่ว่าใหญ่กว่างูมากๆ แล้วก็จากที่ดูแล้วมีขั้นต่ำก็ 8 หัวล่ะ น่ากลัวสุดๆไปเลย แต่ว่านะ มี 1 จาก 8 หัวนั้นที่มีกล้ามเนื้อและเกล็ดเหมือนยังไม่ได้ย่อยสลายอยู่ ส่วนหัวที่เหลือยังเป็นกระดูกทั้งหมด”


“แต่ต่อให้อีก 7 หัวจะยังเป็นแค่หัวกะโหลก ยังไงมันก็ดูทรงพลังสุดๆอยู่ดี ตอนที่เราเจอเจ้านี่ พวกนั้นก็ดันมาเจอพวกเราพอดี เพราะงั้นเราเลยต้องวิ่งหนีออกมาแบบนี้นั่นแหละ!”


“เจ้านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นพยายามจะปลุกมันขึ้นมา แต่ช่างมันเถอะ ไอ้เจ้า 3 คนนั้นน่ะ ต้องเป็นระดับ SSS แน่ๆ พวกมันทั้งวิ่งไล่ทั้งโจมตีเลย นี่ถ้าพวกเราหนีออกมาไม่ทันนะ มีหวังไม่ได้ออกแน่ๆเลย”


ขณะที่ฟังเรื่องราว หลินเฟิงก็ช็อกไปพลางๆ 


“แล้วทางพวกนายล่ะ? เจออะไรบ้างมั้ยกับฝั่งขององค์กรกระโหลกโลหิตนั่น?” จี่ยี่ถามบ้าง 


“ทางเราเจอบ่อเลือดอยู่เต็มไปหมด แต่เป็นขนาดเล็ก ซึ่งเอาไว้สร้างกองพันกระดูกโลหิต แต่ว่าพวกมันส่วนใหญ่นั้นยังไม่เสร็จดี ซึ่งพวกเราเองก็ยังดูไม่หมดก็ดันมีคนที่แข็งแกร่งโผล่ขึ้นมาก่อน ซึ่งเจ้านั่นดันดูเหมือนว่าจะจับกลิ่นอายของพวกเราได้ด้วยเพราะงั้นก็เลยรีบหนีออกมาก่อนเหมือนกัน” ไคซือพูด 


“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไปแล้วนะ ทำไมองค์กรกระโหลกโลหิต ญี่ปุ่น มนุษย์หมาป่า แวมไพร์ แล้วก็พวกมนุษย์กลายพันธุ์ถึงมาเกี่ยวโยงกันได้ล่ะ?” หลินเฟิงคิดเงียบๆ 


และทันใดนั้น เขาก็เหมือนจะจับเจอจุดสำคัญอะไรบางอย่างได้ เมื่อจับต้นชนปลายได้เขาก็รีบพูดขึ้นมาทันที “กระโหลกโลหิตต้องการเลือดเพื่อจะทำกองพันกระดูก ส่วนพวกญี่ปุ่นต้องการเลือดเพื่อคืนชีพงูยักษ์ แล้วก็พวกมนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ พวกนั้นมาเพื่อกินเลือด เพราะงั้นแล้วถ้าพวกมันจะอยู่รวมกันก็ไม่แปลกแล้วล่ะ!”


หลินเฟิงสรุปข้อเท็จจริงออกมา ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ชัดเจนนักแต่มันก็นับเป็นเบาะแสที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว


“นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้แจ้งไปทางท่านผู้แสวงบุญก่อนดีกว่า!” ไคซือพูด 


“ตามนั้นละกัน ถ้ายังไงเดี๋ยวพวกเราจะไปทำเรื่องนี้ก่อน ดูแลตัวเองด้วยล่ะ!” พูดจบจี่ยี่และโม่หยานก็ออกไปทันที


“ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันจะกลับไปก่อน เสี่ยวเฟิง นายเองก็ควรกลับไปที่ของนายด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะไปหานายทีหลังถ้านายมีอะไรที่ต้องทำ!” ไคซือพูด 


“โอเค!” ท้ายสุดก็เหลือหลินเฟิงเพียงคนเดียวที่กลับไปโรงแรมโหยวหยี่ 


วันนี้เป็นวันที่ระทึกใจเขาจริงๆ มันมีหลายๆอย่างเกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน ถ้าหากว่าเขาไม่ระมัดระวังตัวเองล่ะก็ บางทีเขาอาจจะตายที่นี่ไปแล้วก็ได้ 


หลินเฟิงเฝ้าคร่ำครวญที่เขานั้นอ่อนแอเกินไป 


และไม่นานนัก หลินเฟิงก็มาถึงโรงแรมโหยวหยี่ ถึงแม้ว่าวันนี้พวกเขาจะไม่ได้สู้ก็ตาม แต่ความรู้สึกเหน็จเหนื่อยมันก็ถาโถมเข้ามาทันทีเมื่อกลับถึงห้อง ซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงผลอยหลับไปในเวลาไม่นาน


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น