RC:บทที่ 406 บุกถึงหน้าประตู

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 406 บุกถึงหน้าประตู


“เอาล่ะ ได้เวลาจัดการธุระแล้ว เวลาที่จะได้ดื่มกินและสนุกกัน” ไค ซือกล่าว


เมื่อปาเต๋ากับหวัง ฉีได้ยินแบบนั้น ก็พูดขึ้นในทันที “เกิดอะไรขึ้นน่ะ มันเกิดอะไรขึ้น”


หลังจากได้ยินคำถามดังกล่าว หลิน เฟิงก็ดูมีท่าทีเครียดขรึมขึ้นมาทันที ก่อนจะว่าขึ้น “หลังจากชายแก่คนนั้นออกไปแล้ว ยังมีใครรอดออกไปได้อีกไหม”


“มีครับ เยอะด้วย” หวัง ฉีนึกก่อนจะตอบออกไป


“ใครบ้าง นายจำได้ไหม แล้วก็ คนที่ชื่อหยุน เชาตายหรือเปล่า นายเห็นเขาบ้างไหม แล้วตัวตนของเขาเป็นใครกัน” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ฉันรู้แค่ว่าหมอนั่นก็ดูไม่เป็นอะไรนะ วันนั้นมีชายคนหนึ่งท่าทางแข็งแกร่งมาช่วยเขาไว้ แล้วก็จากไป ส่วนเรื่องตัวตนของหมอนั่น ฉันตามนายมา ก็เลยไม่รู้” ปาเต๋าคิดก่อนจะพูดออกไป


“หยุนเชา ฉันว่าฉันรู้ข้อมูลของเจ้านี่นะ ชื่อเดิมของหยุนเชาก็คือฟาง หยุน เป็นคนที่อยู่ระดับสูงสุดและเป็นคนโตสุดของตระกูลฟางชื่อดังในเมืองของเรา แถมยังครอบงำทุกสนามต่อสู้เถื่อนใต้ดินนั่นทุกสายเลยด้วยในจังหวัด S แล้วก็คอยรับสมัครคนเล่นในลานประลองใต้ดินให้มาสู้กันเพื่อเอาเงินและทรัพยากร” หวัง ฉีที่อยู่ที่นี่มาหลายปีเอ่ยขึ้น 


เขาจึงรู้เรื่องราวพวกนี้อยู่ไม่มากก็น้อย


“เป็นตระกูลในท้องถิ่นของเมืองนี้งั้นหรือ” เมื่อไค ซือได้ฟังแบบนั้น เขาก็ถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะครุ่นคิด พลันคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวขึ้น “ฉันว่าฉันรู้นะว่าครอบครัวไหน ไปบุกที่หน้าประตูมันเลยเป็นไร”


ไค ซือยืนขึ้น ก่อนจะเดินด้วยท่าทีสั่นๆเล็กน้อย หลิน เฟิงรู้สึกเลยว่าชายแก่คนนี้น่าจะมีปัญหาเรื่องการเดินเสียแล้วล่ะ แล้วถ้าไปถึงที่นั่นเขาจะสู้ได้ยังไงกัน


“ผู้เฒ่าครับ เดี๋ยวเราไปวันอื่นดีกว่า ตอนนี้คุณดูไม่ดีเลยนะ” หวัง ฉีกล่าว


“ไม่เป็นไร สบายดี ฉันไม่ได้ตาขาวขนาดนั้น ฉันพร้อมสู้” ไค ซือกล่าวขึ้นขณะเดินไป ดวงตาเกือบจะปิดลง


หวัง ฉีมองไปที่หลิน เฟิงอย่างสิ้นหวัง เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร


“งั้นก็ไปกันเถอะ” หลิน เฟิงว่า


ไค ซือนั้นเป็นคนที่มีพลังอยู่ในระดับ SSS ขั้นกลาง นี่เขาซดเหยือกไวน์ไปกี่เหยือกกันนี่ ยังกับว่าอาการเมาแอ๋เขายังไม่หาย


เมื่อเป็นแบบนี้ หลิน เฟิง หวัง ฉีและปาเต๋าก็ได้ตามไค ซือออกจากร้านโหยวหยี่ไป


พวกเขาออกไปชั่วครู่ แต่ไค ซือเห็นว่าพวกเขานั้นเดินช้าเกินไป แล้วทันใดนั้นเอง เขาก็รวบร่างของทั้งสามคน ราวกับว่าถือไก่ตัวหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดไปในทันที


พวกเขารู้สึกแค่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินบรรยายและเกินจะแยกแยะได้


เมื่อพวกเขาหยุดลง หวัง ฉีและปาเต๋าก็ถึงกับอ้วกตรงนั้น แต่โชคดีที่หลิน เฟิงเจอมาก่อนแล้ว เลยเตรียมตัวเตรียมใจมา แล้วก็ไม่เจอเรื่องแบบนี้


หวัง ฉีกับปาเต๋าคายไก่ฟีนิกส์ที่พวกเขาเพิ่งกินไปรวมถึงไวน์ที่พวกเขาดื่มก็ด้วย หลิน เฟิงหันมามอง แล้วตอนนี้พวกเขาก็มาถึงประตูแล้ว ประตูที่เห็นเป็นแบบง่ายๆรวมถึงรูปแบบก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่ยุคนี้


บนนั้นมีอักษรอยู่สี่ตัวเขียนว่า “บ้านตระกูลฟาง”


“ดูเหมือนว่าตระกูลฟางจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งเพราะมีประวัติมาอย่างยาวนานเลยนะ” หลิน เฟิงมองไปยังแผ่นเหล็กที่อยู่บนนั้นก่อนจะกล่าวขึ้น


แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็ยังไม่ก้าวเข้าไป และที่ประตูก็มีคนสองคนยืนอยู่ และเมื่อพวกเขาหันมามองทั้งสี่คนที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมา พวกเขาก็ตกใจมากเพราะไม่เห็นคนพวกนี้เดินมาก่อนหน้านี้เลย


เพราะทั้งสี่คนจู่ๆก็โผล่มา แถมยังกล้ามาอ้วกที่นี่อีก รสชาติไวน์และอาหารยังคงย่อยอยู่ในท้องอยู่เลย แถมกลิ่นก็คลุ้งไปทั่ว


เมื่อชายเฝ้าประตูทั้งสองคนมองมายังพวกหลิน เฟิงที่อ้วกเต็มพื้น พวกเขาโกรธจัดมาก จึงรีบพุ่งตัวเข้ามาก่อนจะตะโกนขึ้น “พวกแกเป็นใคร นี่กล้ามาอ้วกถึงหน้าปะตูบ้านเราแบบนี้ นี่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ"


ชายคนนั้นว่าขึ้น ก่อนจะม้วนแขนเสื้อขึ้นมา เหมือนจะเตรียมตัว


ทันทีที่เขาเดินเข้ามา จู่ๆ ไค ซือก็ตบเข้าที่ร่างของชายจากตระกูลฟางคนดังกล่าว จนปลิวไปกระแทกกับปะตูหน้าของบ้านตระกูลฟาง


“แก นี่พวกแกเป็นใครกัน” ชายอีกคนดูมีท่าทีหวาดกลัวมากเสียจนเหงื่อแตก เพราะชายที่เฝ้าประตูนั้นล้วนอยู่แต่ในระดับ C ขั้นสูงสุด คนทั่วไปไม่สามารถสู้พวกเขาได้เลย


ชายคนที่โดนตบหน้าและชายอีกคน จู่ๆก็สัมผัสได้ว่าคนพวกนั้นมีลมหายใจที่เข้มข้น


“ใครน่ะหรือ ฉันก็คือคนที่จะมาทำลายบ้านของแกนี่ไงล่ะ” ไค ซือตบคนนั้นเบาๆ แต่ก็เล่นปลิว และก็ไม่ได้นึกสนใจแถมยังดูมีท่าทีสบายๆอีกด้วย


เมื่อไค ซือสะบัดมือ พลังเงาวิญญาณเงาหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นก่อนจะพุ่งไปโดนคนพวกนั้นขึ้นลงแล้วปลิวออกไป จากนั้นร่างก็ไปกระแทกกับประตูทั้งสองบาน แล้วประตูก็ร่วงลงมาเสียงดังลั่น


จากนั้น ไคก็คุยโวว่าตนไม่เมา ก่อนจะยิงพลังออกไปอย่างต่อเนื่อง และในเวลาต่อมา เขาจึงได้เห็นเพียงแค่แผ่นป้ายที่หน้าประตูของบ้านพักตระกูลฟางที่ถูกยิงลงมา


เสียงดังลั่นทำให้ผู้อาวุโสตระกูลฟางถึงกับต้องตกใจ แล้วหลิน เฟิงกับคนที่มาด้วยก็รู้สึกถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งออกมาจากบ้านตระกูลฟางได้อย่างชัดเจนในตอนนั้นเอง โดยที่อ่อนสุดคือระดับ A และแข็งแกร่งสุดอย่างระดับ SS


แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต่างไม่สนใจหลิน เฟิงอีก เพราะที่มาก็แค่จะมาดู ก็เลยไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังดูหนังอยู่ มานั่งด้วยกันเพื่อดูการแสดงของไค


อย่าได้บอกเลยว่าไค ซือนั้นเมาหรือเปล่า เพราะเขาดูเมาแล้วเรียบร้อย ไม่ใช่ไม่เมา แต่ก็ยังไม่ล้ม เหมือนนิ้วโป้งที่ยืนหยัดอยู่อย่างนั้น


“ใครกันที่กล้ามาทำเสียงตึงตังที่บ้านเรา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง” เสียงๆหนึ่งดังพูดแทรกขึ้นมา


หลิน เฟิงจึงรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย ถึงในตอนแรกจะเป็นลมหายใจระดับ A แต่การสั่งสมระดับพลังของเขาก็ยังไม่สูงมากนัก


แต่ทว่าลมหายใจกลับแข็งแกร่งมาก


แต่ทว่า ทันทีที่เขารู้สึกตัว ก็มีใครไม่รู้มาตบเข้าที่หน้าของเขาก่อนจะพุ่งตัวหายเข้าไปในบ้านพักตระกูลฟาง


เมื่อพวกหลิน เฟิงทั้งสามคนเห็นแบบนั้น จึงหาทางซ่อนตัว


“ป่าเถื่อน เห็นที่ของเราเป็นที่อยู่ของพวกป่าเถื่อนหรือไงกัน” ร่างอีกร่างพุ่งเข้ามาก่อนจะชกไค ซือด้วยหมัดๆเดียว


แต่ทว่าไค ซือก็เอื้อมมือไปตบคนจากตระกูลฟางคนนั้นออกไปอย่างไม่รีบร้อน


ผัวะ!


เสียงตบอีกเสียงหนึ่งบนใบหน้านั้น ทิ้งไว้ก็แต่รูประตูเฉียงๆของห้องๆนั้น


“เป็นไปได้ยังไงที่ไม่มีคนในตระกูลของเราเลย” ในตอนนั้นเอง เสียงแก่ๆก็ได้ดังขึ้น


 “เอาอีกๆ” พวกหลิน เฟิงทั้งสามคนหยิบจานถั่วออกมา พร้อมด้วยขวดไวน์เล็กๆอีกสามขวด กินไปมีความสุขไป


สิ่งที่พวกเขาเห็นก็เป็นแค่คนสูงผอม ผมขาวสลับดำ อายุน่าจะประมาณ 50 หรือ 60 ปี


และทันทีที่ร่างของชายคนดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น เขาก็ได้โจมตีๆติดๆกัน ก่อนจะตรงไปยังด้านหน้าของไค ซือ เขาอยากจะกู้หน้าที่แตกไปก่อนหน้านี้คืนมา


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา ก็กลับโดนตบอย่างแรง เมื่อการโจมตีของชายคนนั้นปะทะเข้ากับแรงตบของชายชรา ทุกอย่างก็แตกกระจายก่อนจะหายไป


“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงน่ะ”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น