RC:บทที่ 405 ร่างกายที่ดีขึ้น
สามวันผ่านไป หลิน เฟิงก็ได้ออกมาจากบ้านไม้ในที่สุด เมื่อออกมาได้เห็นแสงอาทิตย์ เขาก็รู้สึกดีที่ได้มีชีวิตอยู่
ในตอนนี้ หลิน เฟิงกับผู้เฒ่าไคต่างก็เร่งรีบไปยังสถานที่ที่พวกเขาเคยอยู่ หลังจากได้รับการรักษาเป็นเวลานาน หลิน เฟิงก็ดีขึ้นมาในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น หลิน เฟิงก็เกิดความรู้สึกแรงกล้าว่าตัวเองจะต้องแกร่งขึ้นแน่ๆ
หลิน เฟิงไม่ได้คิดไปเอง แต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงคาดว่าคงเป็นเพราะผู้เฒ่าไป๋ใช้ยาวิเศษในการรักษาเขานั่นเอง หลิน เฟิงยังจำได้ว่าตนนั้นเจ็บไปถึงกระดูก นอกจากนี้ ก็เป็นไปได้ที่ว่าไค ซือนั้นทำให้อวัยวะภายในของเขากลับมาคืนรูปดังเดิม ไม่อย่างงั้น เขาคงไม่มีชีวิตรอดหรอก
หลิน เฟิงวิ่งๆ หยุดๆไปตลอดทาง เต้นไปเต้นมา
“นายรู้สึกแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมแล้วใช่ไหม” ไค ซือว่าขึ้น
“ใช่ครับ ใช่ รู้สึกแข็งแรงขึ้นเป็นสองเท่าเลย” อาการบาดเจ็บของหลิน เฟิงค่อยๆดีขึ้น ผู้เฒ่าไป๋บอกว่าตัวเขานั้นไม่สามารถใช้พลังจิตได้เลยในสัปดาห์นี้ เพราะถ้าใช้ อาการบาดเจ็บจะไม่สามารถรักษาได้
ดังนั้น จนถึงตอนนี้ หลิน เฟิงจึงยังไม่ได้ทดสอบเลยว่าร่างกายในตอนนี้ของเขาเองไปถึงไหนแล้ว
“แน่ล่ะสิ ที่ฉันให้นายไปเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงอย่างเดียวที่ฉันมียังไงล่ะ มันมีผลในการชุบชีวิต และยิ่งมียาวิญญาณที่ผู้เฒ่าไป๋ทำขึ้นมาด้วยอีก คุณภาพของพลังกายที่แข็งแกร่งก็จะแกร่งขึ้นอีก” ไค ซือกล่าว
“ขอบคุณมากๆนะครับ ท่านผู้เฒ่าไค ซือ” หลิน เฟิงเอ่ยขอบคุณจากใจจริง
ไค ซือยิ้มให้หลิน เฟิง ก่อนจะว่าขึ้น “นายไม่ต้องขอบใจฉันหรอก หรือถ้าจะขอบใจจริงๆล่ะก็ มาช่วยฉันหาต้นตอของเรื่องนี้ดีกว่า เรื่องของพวกปีศาจกระจอกๆพวกนั้น แล้วหลังจากนั้นก็ฆ่าพวกมันซะ”
เมื่อเห็นท่าทีโกรธเคืองของไค ซือ หลิน เฟิงจึงนึกภาพอะไรขึ้นมาได้ ภาพเลือดนอง เสียดกรีดร้องระงมนับไม่ถ้วน และทุกๆครั้งเมื่อเขาหลับตา เขาก็เห็นเหมือนตัวเองกำลังร้องขอความช่วยเหลือ
“ภาระตรงนี้ผมจะเป็นคนแบกเอง” หลิน เฟิงตบไหล่ชายชราคนนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เดินแบบนี้มันจะช้าไป ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะไปถึงที่นั่น แต่ยังไงฉันก็จะพานายไปนั่นล่ะ” ไค ซือคว้าตัวหลิน เฟิงมาก่อนจะกระโดดไปข้างหน้า เสียงกระโจนผ่านอากาศดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าหลิน เฟิงนั้นมีบางสิ่งเกิดขึ้น เขารู้สึกว่าตาของตัวเองมีฝุ่นบดบังจนมองไม่เห็นอะไรเลย
หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาที ไค ซือก็หยุดชะงักไปในที่สุด ส่วนหลิน เฟิงนั้นอ้วกออกมาไม่หยุด อีกทั้งยังเวียนหัวจนไม่ได้สติไปชั่วครู่
“ยังทนไม่ไหวสินะ แต่นี่นายกินยาเม็ดล้ำค่าของฉันกับยาหายากของผู้เฒ่าไป๋ไปแล้วนี่ นายก็น่าจะทนได้สิ” ไค ซือมองไปที่หลิน เฟิงก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ก็คุณ คุณไม่ได้บอกผมก่อนนี่ ไม่ให้ผมเตรียมตัวด้านพลังจิตเลย โอ๊ย นี่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลย โอ๊ก” หลิน เฟิงพูดไปอ้วกไป
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวสักพักก็ดีขึ้นน่ะ” ไค ซือกล่าว
กว่าหลิน เฟิงจะดีขึ้นก็กินเวลาไปครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกังวลอยู่ดี
“ที่ที่จะไปเนี่ยอยู่ไหน ร้านอาหารที่นายว่าน่ะ นำทางไปหน่อยสิ” ผู้เฒ่าไคเอ่ยถาม
ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ค่อยๆดีขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ในทันที แล้วจากนั้นเขาก็พาผู้เฒ่าไคไปยังร้านโหยวหยี่
เมื่อหลิน เฟิงมาถึงประตูทางเข้าของร้าน เขาก็ได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นของปาเต๋าและหวัง ฉี ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาหลิน เฟิง
“ในที่สุดก็เจอสักทีนะ หลิน เฟิง เฮ้อ ในที่สุดนายก็มา ฉันล่ะกลัวแทบตายเลย นายไม่รู้หรอกว่าในตอนนั้นที่นายหายไปน่ะ ตู๋ กังโทรมาหาฉันทุกวัน ว่าฉันจนฉันถึงกับเศร้าไปเลยล่ะ” ปาเต๋าเอ่ยขึ้น คร่ำครวญ
เมื่อมองไปที่ชายร่างใหญ่ หลิน เฟิงก็คิดว่าเขาล้อเล่น ใครจะไปรู้ว่าเขาน่ะดูแปลกแค่ไหนเวลาเขาร้องออกมาน่ะ
“ท่านผู้บริหารครับ ท่านผู้บริหาร ผมสิแย่กว่า หัวหน้าบอกว่าถ้ายังไม่เจอตัวคุณ พวกเขาจะมาถลกหนังผมออก” หวัง ฉีคร่ำครวญขึ้นมาบ้าง
เมื่อมองไปที่ชายสูงวัยทั้งสองคน หลิน เฟิงก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ พลางอดที่จะขำไม่ได้ และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้พูดกัน
“ไปกันเถอะ เข้าไปกันก่อน ขออาหารและไวน์ที่ดีที่สุดเตรียมพร้อมให้ฉันด้วย ขอกินอะไรหน่อยเถอะ นี่ฉันไม่ได้กินอะไรอร่อยๆมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว” หลิน เฟิงกล่าว
“แล้วนี่คือ” หวัง ฉีเอ่ยขึ้น
“คนนี้คือคุณไค ซือ เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้เอง เรียกท่านว่าท่านผู้เฒ่าเถอะ ส่วนคนนี้คือปาเต๋ากับหวังฉีครับ...” พวกเขาว่าขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอาหารโหยวหยี่
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปก็จัดอาหารมื้อใหญ่ พวกเขาต่างนั่งลงบนโซฟาก่อนจะมองอาหารและไวน์ตรงหน้าอย่างพอใจ
และที่ทำให้หลิน เฟิงประหลาดใจก็คือ ไค ซือนั้น ถึงจะเป็นชายชรา แต่ก็กินจุมาก เขากินไก่ฟีนิกซ์ไปถึงห้าตัว เหยือกไวน์เล็กๆอีกห้าขวด แค่นี่ก็มีความหมายกับเขาเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“อร่อยมากๆเลย อาหารจานนี้ ไวน์นี้ พูดไม่ถูกเลย เดี๋ยวขอไวน์อีกสามขวด กับไก่ย่างอีกสามตัวซิ” ในตอนนั้นเอง หวัง ฉีจึงมองไปที่เขา จ้องเขม็ง โดยทั่วไปแล้ว ไก่ฟีนิกส์กับไวน์นี้จะมีจำนวนจำกัดให้ได้แค่วันละขวดกับวันละตัวเท่านั้น
นี่ถ้าไม่ใช่ว่าหลิน เฟิงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ แม้แต่หวัง ฉีเองยังได้กินวันละตัวเลย ดังนั้น เมื่อเขาเห็นชายชรากินแบบนี้ที่นี่ เลือดในหัวใจของเขาก็ไหลซิบๆ
หวัง ฉีมองไปชายแก่คนนั้นอย่างมึนๆ รู้สึกไม่เต็มใจ แต่เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงที่เป็นผู้อำนวยการที่อยู่ข้างๆเขากลับไม่พูดอะไร ก่อนจะเรียกให้คนเสิร์ฟนำไก่ฟีนิกส์และเหยือกไวน์สามขวดมาเพิ่ม
และที่ทำให้ทุกคนแปลกใจก็คือ ชายชราคนนั้นกินจุเอามากๆ จนกระทั่งเด็กเสิร์ฟนำไวน์อีกสองขวดมาเพิ่ม เขาก็กลับอิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อร่อยมาก อร่อยที่สุดในโลกเลย นี่นายเปิดร้านเองงั้นหรือ หลิน เฟิง” หลังจากที่ไคกินเสร็จ เขาก็เช็ดปากก่อนจะเอานิ้วชี้ไป
“ใช่แล้วครับ” หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้คิดอะไร เพียงแค่ไก่กับไวน์ไม่กี่อย่างก็สามารถทำให้เขาสนใจที่นี่ได้แล้ว และที่นี่ก็ทำเงินให้หลิน เฟิงอย่างมหาศาลเลยด้วย
“เยี่ยม ฉันจะกินมันทุกๆวันเลย” ไค ซือกล่าว
“ว่าไงนะ” หวัง ฉีทำหน้าเหมือนอมอะไรขมๆ นี่ถ้าพวกกินจุพวกนี้มาที่นี่ทุกวันล่ะก็ เขาลงมากินอะไรที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะสิ
และถึงคนอื่นๆจะคิดเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการกินนัก
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็เออออด้วยอย่างพอใจ “ยินดีต้อนรับครับ ผมก็กลัวว่าคุณจะไม่มาเสียแล้ว ส่วนไก่ฟีนิกส์กับไวน์ของผมน่ะมีเยอะแยะเลย ถ้าท่านผู้เฒ่าไค ซือมีเวลาเมื่อไหร่ ก็มาที่นี่ได้เลยนะครับ”
เมื่อเห็นหลิน เฟิงตอบกลับมาแบบนั้น ใบหน้าของหวัง ฉีก็เหี่ยวลง
“เอาล่ะ ได้เวลาลุยงานแล้ว...”
0 ความคิดเห็น