RC:บทที่ 403 จำนวนผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้าย

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 403 จำนวนผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้าย


“ขอบคุณงั้นหรือ ขอบคุณฉันเรื่องอะไรกัน นี่ถ้าไม่ได้นายจัดการพวกนินจาญี่ปุ่นนั่นล่ะก็ ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ไค ซือกล่าวขึ้น


“แล้วนี่ ท่านผู้เฒ่าไป๋ พวกคุณรู้จักกันได้ยังไงครับ” หลิน เฟิงที่นอนอยู่บนเตียงลูกกรงที่มีของเหลววนไปมาและคอยส่งกลิ่นยาออกมารักษาด้วย หลิน เฟิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่ขณะเดียวกันก็อารมณ์ดีไปด้วย


“พวกเราน่ะหรือ ก็คุยกันมาเป็นเวลามากกว่า 100 ปีแล้วล่ะ แล้วว่าแต่ ถามทำไมงั้นหรือ แล้วนี่ ให้เรียกฉันว่าอาจารย์ๆ เข้าใจไหม” ชายผมสีดอกเลากล่าวย้ำ ก่อนจะวางขวดในมือดังตุบ


“ครับ ท่านอาจารย์” หลิน เฟิงพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่


“แล้วก็ เห็นไค ซือบอกว่านายถูกนินจาระดับ SSS ขั้นต้นทำร้ายเข้าที่บริเวณอก แต่ก็รอดมาได้ นี่นายไปถึงระดับ A ขั้นสูงสุดแล้วงั้นหรือ” ชายสูงวัยเอ่ยถาม


“ความลับครับ” หลิน เฟิงมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ


ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงจึงนึกถึงตอนนั้นขึ้นมาได้ เขาจำได้แค่ว่าตัวเองแทบจะหมดลมหายใจแล้ว และถูกผลักออกไปเบาๆที่บริเวณอกด้วยมือเดียว พลันก็รู้สึกว่าเหมือนร่างกายตนเองจะพังครืนลงมา อวัยวะภายในและอื่นๆก็ด้วย


ความรู้สึกในตอนนี้เมื่อนึกถึง มันทั้งช่างน่ากลัวสุดๆ หลิน เฟิงจำได้ลางๆว่าสติสัมปชัญญะของตัวเองเกือบจะดับวูบลง แต่มือถือก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ราวกับมีบางสิ่งยื้อเขาไว้ ทำให้เขายังหายใจต่อไปได้


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็จำขึ้นมาได้ทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านผู้เฒ่า...”


ป้าบ!


“อาจารย์สิ เรียกฉันว่าอาจารย์ บอกหลายครั้งแล้ว” ทันทีที่หลิน เฟิงเอ่ยปาก ท่านผู้เฒ่าไป๋ก็ตบหัวเขาเข้าให้


หลิน เฟิงถึงกับมึน พลางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าสติจะกลับมา และเขาก็เอ่ยขึ้น “เข้าใจแล้วครับ ท่านอาจารย์ แล้วว่าแต่ตอนที่คุณมา คุณเอามือถือของผมไปไว้ไหนงั้นหรือครับ”


 “เมื่อไหร่น่ะหรือ รู้สึกว่าจะสนใจมือถือตัวเองจังเลยนะ” ชายผมขาวเอ่ยขึ้น ไม่ได้ใส่ใจอะไรเขานัก ก่อนจะเดินไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อตีกลองที่ใช้รักษาโรค


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงจึงต้องมองไค ซือที่ยืนอยู่ตรงประตู ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ไค ซือ ตอนที่คุณพาผมมาในวันนั้น คุณเห็นมือถือผมไหมครับ”


“เห็นสิ” ไค ซือกระซิบ แล้วจากนั้นก็หันหลังให้กับเขา โบกมือขึ้นมา แล้วมือถือก็ลอยออกมาจากกองเสื้อผ้าที่อยู่ไกลออกไป


หลิน เฟิงรีบยื่นมือออกมา ก่อนจะคว้ามือถือตนไว้ เมื่อเขากดมือถือ หน้าจอก็หายวับไปในทันที


ต่อมา หลิน เฟิงก็ได้เห็นอะไรที่น่าตกใจ เขาเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับมากกว่า 99 สาย ข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอีกมากกว่า 99 ข้อความ หลิน เฟิงคลิกก่อนจะเปิดดูจึงเห็นว่าสายที่โทรมาและข้อความทั้งหมดนั้นเป็นของลู่ ซื่อจี้ ตู๋ กังและคนอื่นๆนั่นเอง


หลิน เฟิงจึงได้รู้ว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น เป็นช่วงที่ทุกคนต่างตกใจกลัว


เขาจึงส่งข่าวกลับไปว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้วในตอนนี้ โดยหลังจากลู่ ซื่อจี้ได้รับข้อมูล เธอจึงได้รายงานเรื่องนี้ในห้องของบริษัทหลิน และทุกคนก็หยิบมือถือออกมาในทันทีก่อนจะส่งข้อความหาหลิน เฟิงถามว่าเขานั้นไปอย่ที่ไหนในตอนนี้


ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าที่หลิน เฟิงจะวางมือถือลงได้ เขารู้สึกเหนื่อยล้า ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนที่นอน ถอนหายใจอยู่บ่อยครั้ง


แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง ไค ซือก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะมองไปที่หลิน เฟิง พลางเอ่ยว่า “พ่อหนุ่ม ไหนบอกฉันซิว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เล่าแบบละเอียดมาเลยนะ”


หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หลิน เฟิงก็ได้พูดขึ้น “ในตอนนั้นผมกำลังเข้าร่วมการต่อสู้ในลานประลองเถื่อนใต้ดินอยู่ ผมอยากจะสู้กับพวกนอกกฎหมาย เพื่อปรับปรุงพละกำลังของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าใจในศาสตร์ของพลังและก้าวไปอีกระดับ...”


หลิน เฟิงเพิ่งจะมาจังหวัด S และเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไค ซือได้ฟังก็ไม่ได้พูดอะไร


ในที่สุด เมื่อหลิน เฟิงพูดจบ ไค ซือก็กำหมัดแน่น หลังจากนั้นครู่เดียว เขาก็คลายกำปั้นก่อนจะพูดขึ้น “คล้ายกับที่ตรงอื่นๆเลย อาณาจักรเสี่ยวหว่อเองก็เหิมเกริมกล้าลักลอบเข้ามาในจีนและทำอะไรแบบนี้”


เมื่อเขาพูดแบบนี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกได้ว่า ไคซือเองก็กำลังโกรธ หมัดที่เขากำแน่นนั้นเกิดเสียงเสียดสีซึ่งนั่นทำเอาทั้งห้องถึงกับสั่นสะเทือน


 “ตาแก่ไค ถ้านายอยากตาย เดี๋ยวฉันเอายาให้” พลันชายชราที่อยู่อีกห้องก็ว่าขึ้นเสียงลั่น


แล้วไค ซือจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตนนั้นสติหลุดไปแล้วจึงว่าขึ้น “ครับ ขอโทษครับพี่”


หลังจากนั้นครู่เดียว ไค ซือจึงใจเย็นลงก่อนจะพูดขึ้น “หลิน เฟิง เห็นนายบอกว่าผีสาวนั่นเป็นลูกน้องของหยุน เชางั้นสิ ใช่ไหม”


หลิน เฟิงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ครับ ตอนที่เขามาเชิญผม ผมก็ไม่ได้ไปด้วย แล้วคนที่ชื่อจิ้งเฟิงนั่นก็มาบอกผมเรื่องที่ว่าผีสาวน่ะเป็นตัวท็อปของการต่อสู้ระดับใต้ดินของหยุน เชาเขาเลย และเขาก็เป็นคนจัดการแข่งนี้ขึ้นมาด้วย” 


“หยุน เชา? จิ้ง เฟิงงั้นหรือ”ไค ซือเองเมื่อได้ยินชื่อพวกนั้นก็ส่ายหน้าเพราะเขาไม่รู้จักสักคน ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไปรู้จักคนระดับกระจอกๆพวกนั้นทั้งๆที่ตัวเองเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ยังไง


“ช่างเถอะ นายต้องรักษาอาการบาดเจ็บก่อน แล้วถ้าอาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นแล้ว ก็เรียกให้ฉันมาตรวจดูหน่อยนะ”  ไค ซือกล่าว


“ได้ครับ” หลิน เฟิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล


ในขณะที่ไค ซือกำลังจะออกไปนั้นเอง หลิน เฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้วว่าแต่ ท่านผู้เฒ่าไค ซือครับ ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่ามีสถานการณ์คล้ายๆกันนี้เกิดขึ้นกับอีกหลายๆที่น่ะครับ”


เมื่อได้ยินในสิ่งที่หลิน เฟิงถาม ไค ซือก็ชะงักก่อนจะพูดขึ้น “เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่เรา เรื่องเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นอีกห้าจังหวัดด้วยอย่างจังหวัด F กับจังหวัด H ก็เกิดในวันเดียวกันด้วย”


“ว่าไงนะครับ ไม่ใช่แค่ที่นี่งั้นหรือ” เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็ถึงกับอึ้ง


“ใช่แล้วล่ะ และยังเกิดขึ้นมากกว่า 20 ครั้งด้วย คนตายอย่างน้อยก็ 500000 หรือ 600000 นี่ล่ะ หรืออาจจะแตะถึงล้านได้เลย จำนวนคนตายอาจจะเป็นสิบล้านคน เห็นเขาว่ากันว่าที่เยอะสุดก็คือคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นบนเวทีชื่อดังระดับประเทศนี่ล่ะ ไม่มีใครรอดเลย ส่วนพวกญี่ปุ่นที่ก่อเหตุก็หลบหนีไปได้ ยังจับใครไม่ได้เลย” ไค ซือกล่าว


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็รู้สึกชาไปทั้งตัว ในทีแรก เขาคิดว่าจำนวนคนที่เสียชีวิตไปมากกว่า 300000 คนต่อหน้าเขานั้นนับว่าเลวร้ายแล้ว แต่นี่กลับมากกว่านั้นอีก


ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็อดที่จะกำหมัดไม่ได้ ขบฟันแน่น ก่อนจะสบถออกมาว่าถ้าคราหน้าเขาเจอพวกญี่ปุ่นล่ะก็ เขาจะลงมือสังหารและจะไม่ปล่อยใครให้รอดไปได้เลย


“ท่านผู้เฒ่าไป๋ อาการบาดเจ็บของผมต้องใช้เวลารักษานานเท่าไหร่” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธๆ


เสียงเนิบๆเรื่อยๆของชายชรานั้นดังออกมาจากห้องฝั่งตรงข้าม “ไม่ต้องห่วงไป นายเองก็ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น นอกจากนี้ คิดจะทำการใหญ่แต่พลังกลับน้อยนิด มันจะแย่เอานะ”


ชายชราผมสีดอกเลานั้นเอ่ยขึ้นตรงๆเมื่อเห็นอารมณ์และท่าทีของหลิน เฟิงในตอนนี้


“ความเกลียดชังยังไงล่ะ เข้าใจไหมครับ” หลิน เฟิงกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงบนซี่ลูกกรง


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น