RC:บทที่ 399 ความเสียหายใหญ่หลวง
“ย๊าก” พลันชายชราคนนั้นก็ร้องตะโกนขึ้น ก่อนจะมองไปที่นินจาพวกนั้นที่กำลังเหาะหนี แล้วในตอนนั้นเองเขาก็ใช้มือขนาดใหญ่ปกคลุมท้องฟ้า กั้นแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา
มือขนาดใหญ่นั้นยาวกว่าร้อยเมตรได้เล็งเอาไว้ ก่อนที่ต่อมา เสียงกรีดร้องระงมก็ได้ดังขึ้นไปโดยรอบ เขาไม่ได้ทำอะไร แต่หลังจากที่เขากำมือ เขาก็จัดการขยี้คนพวกนั้นด้วยมือเปล่า
ต่อมา มือของชายแก่นั้นก็ได้ทำอะไรบางอย่าง แล้วทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในฝ่ามือขนาดใหญ่ของชายชราคนดังกล่าว และในขณะเดียวกัน เมื่อชายชราคนนั้นบดขยี้คนพวกนั้น ก็มีเสียงคล้ายกับประทัดจากมือของเขาดังขึ้น
เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครรู้เลยว่ามีนินจาญี่ปุ่นตายไปเท่าไหร่จากการโดนขยี้นี้ หรือถ้าจะให้พูดก็คือ พวกเขาต่างเห็นว่านินจาเกือบทั้งหมดนั้นถูกชายชราขยี้เข้า แล้วต่างก็ระเบิดกันถ้วนทั่ว
“น่าเกลียดนักเชียว”
นินจาญี่ปุ่นระดับ SSS จ้องหลิน เฟิงมาจากไกลๆ จนเมื่อเห็นชายชราที่ลงมือบดขยี้นินจาญี่ปุ่นพวกนั้นทีละคน ตัวก็สั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
พลันคิดว่าตนเองคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราคนนี้เสียแล้ว เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหายตัวไป
ชายชราคนนั้นลงมือสังหารนินจาทั้งหมด ยกเว้นก็แต่นินจาระดับ SSS คนดังกล่าวเท่านั้น นอกนั้นก็ถูกเขาฆ่าหมด ไม่มีใครหลบหนีไปได้เลย
เมื่อชายชราหันไปมองรอบๆ เขาก็ยิ่งโกรธและปวดใจมากขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็ค่อยๆใจเย็นลง พร้อมกับยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จากั้นเขาเองก็ได้หันหน้าไปหาหลิน เฟิง
เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่เห็นว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ทั้งๆที่บริเวณอกที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมีซี่โครงโผล่ออกมา
การเคลื่อนไหวของชายระดับ SSS นั้นน่ากลัวแค่ไหนกันเชียวน่ะหรือ ในตอนนี้หลิน เฟิงจึงได้เข้าใจในที่สุดว่าก็แค่ตบเพียงตบเดียวยังไงล่ะ แค่ตบเดียวก็สะเทือนไปทั้งร่างแล้ว แถมยังเล่นเอาอกของเขาได้รับบาดเจ็บ จนซี่โครงหักอีก
ถ้าไม่ได้การรวมร่างจากมังกรดำล่ะก็ การป้องกันของหลิน เฟิงคงไม่สามารถทำได้ดีขนาดนี้ เพราะไม่อย่างนั้นตอนนี้หลิน เฟิงคงจะได้ไปเยือนปรโลกเป็นแล้วแน่แท้
ชายชรามองไปที่อาการบาดเจ็บสาหัสที่หลิน เฟิงได้รับ ก่อนจะค่อยๆถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของเขา
เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็รู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นไหลเข้ามาในร่างของเขา รู้สึกโล่งไปหมด อีกทั้งยังอบอุ่นจนอธิบายไม่ถูก
เมื่อพลังของชายชราไหลวนเขาไปในร่างของหลิน เฟิงแล้วนั้น ลมหายใจของเขาก็เริ่มอ่อนลงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับแสงเทียนที่กำลังจะมอดลงอย่างช้าๆ
ถึงลมหายใจของหลิน เฟิงจะเริ่มคงที่แล้วก็ตาม แต่บาดแผลตามตัวของหลิน เฟิงนั้นยังสาหัสเอาการอยู่
เมื่อชายชรามองออกไป ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความลังเล ก่อนที่จะนำยาเม็ดกลมๆเล็กๆจากที่แขน พลางมองใบหน้าที่เจ็บปวดของหลิน เฟิง ก่อนจะพูดขึ้น “ถือว่าชดเชยที่ฉันไม่ใส่ใจนายก็แล้วกันนะ”
หลังจากที่หลิน เฟิงได้รับยาแล้วนั้น เขาก็ส่งพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในตัวหลิน เฟิงต่อ
มือคู่นั้นวาดไปมาเหนืออกของหลิน เฟิง ก่อนที่พลังศักดิ์สิทธิ์และตัวยาจะไหลเวียนไปทั่วหน้าอกของเขา
ไม่นาน ภายใต้การนำของชายชรา ทรวงอกของหลิน เฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ บริเวณอกที่บาดเจ็บไปนั้นได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้าๆ
นี่เป็นความเร็วที่เห็นด้วยตาเปล่าได้ อกที่ได้รับบาดแจ็บไปนั้นค่อยๆขยายตัวขึ้น ส่วนซี่โครงที่หักไปนั้นก็ค่อยๆฟื้นตัวก่อนจะเชื่อมติดกัน รวมถึงกระดูกที่โผล่ออกมาจากผิวหนังก็ค่อยๆหดกลับไปด้วย
เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างทั้งร่างของหลิน เฟิงก็เกือบจะเหมือนเดิมก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าต่างจากเดิมยังไง นอกจากนี้ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงมากอีกด้วย
แม้ว่ายาอายุวัฒนะและพลังวิญญาณของชายแก่จะสามารถฟื้นฟูร่างของหลิน เฟิงขึ้นมาได้ แต่ทว่าพลังวิญญาณที่หลิน เฟิงใช้ไปกลับไม่สามารถฟื้นคืนมาได้ในตอนนี้เลย
“ไม่เอาน่า กลับมามีชีวิตชีวาหน่อย นี่ฉันพยายามช่วยนายเต็มที่แล้วนะ” ชายชรากล่าวขึ้น พลางโอบร่างของหลิน เฟิงไว้ก่อนจะหายตัวไป
หลังจากที่ชายชราและหลิน เฟิงหายตัวไปแล้วนั้น ปาเต๋ากับหวัง ฉีก็ต้องการจะตามไปด้วย และในตอนนั้นเอง
แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง ปาเต๋ากับหวัง ฉีก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากเบื้องล่าง ราวกับมีใครบางคนอยากรีบเร่งจะออกมา
ในเวลาสั้นๆ ปาเต๋าก็ได้เห็นอีกร่างหนึ่งมาปรากฏตรงหน้าพวกเขา คนแรกคือหยุน เชาที่ตามหาหลิน เฟิงก่อนหน้านี้ แต่ทว่าในตอนนี้หยุน เชากลับดูไม่มีสติไปเสียแล้ว คนที่พาเขามาคือชายชราหน้าเหี่ยวๆคนหนึ่ง
แล้วจู่ๆร่างของชายอีกคนก็พุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง ทำเอาทั้งเนินฟุ้งกระจายไปด้วยฝุ่นละออง
คนที่ว่าก็คือชายผู้สง่านั่นเอง แต่ทว่าตอนนี้ ใบหน้าของเขากลับไม่มีคราบของความดูดีหลงเหลืออีกแล้ว แถมทั้งตัวยังดูได้รับบาดเจ็บและถลอก
นี่คือชายคนที่บอกข้อมูลของผีสาวให้หลิน เฟิงฟังก่อนหน้านี่นั่นเอง นอกจากเขาแล้วนั้น ก็ยังมีชายอีกคนที่ไม่สามารถเห็นหน้าได้ชัดเจนด้วย แยกไม่ออกว่าชายหรือหญิง คนๆนั้นไปยืนอยู่ข้างๆชายที่ดูดี
ชายผู้สูงสง่าคนนั้นกวาดมือจนฝุ่นละอองพวกนั้นหายไป ก่อนจะพูดขึ้นพลางทำเสียงฮึ่มฮั่มเย็นยะเยือก
“ฮึ่ม คราวนี้เป็นฝีมือนายสินะ ไว้หลังจากฤดูใบไม้ร่วง ฉันจะไปสะสางบัญชีกับนาย”
หยุน เชาจ้องไปที่ชายชราดังกล่าวอย่างจงใจ เขาไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเดินไปทีละก้าว ก่อนจะแหวกช่องว่าง แล้วหายไปในรอยแยกนั้น
ชายคนนั้นรวมถึงผู้คนที่อยู่ใกล้ๆก็หายไปด้วยเช่นกัน พวกเขาจัดการแหวกช่องว่างขึ้นมาแล้วหายตัวเข้าไป
หลังจากนั้นเพียงครู่ พื้นดินก็สะเทือนอีกครั้ง ก่อนที่ร่างที่ดูสับสนจะออกมามาบนพื้น ในครั้งนี้ ร่างทั้งร่างนั้นอาบไปด้วยเลือด โดยเฉพาะตรงส่วนหน้าผาก ส่วนผิวก็ถลอกปอกเปิก
ชายรูปหล่อและดูสบายๆคนนี้ ในตอนนี้ก็ได้น่าเกลียดพอๆกับผีสาวในตอนนี้นั่นเอง
เมื่อเขาก้าวออกมา ก็ตะโกนลั่น “นังญี่ปุ่นนั่น ไอ้หยุนเชา อย่าให้ฉันจับพวกแกได้นะ”
ในขณะที่เขาตะโกนลั่นนั่นเอง ร่างๆหนึ่งก็โผล่ออกมาจากห้องก่อนจะเดินมาที่เขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคุกเข่าลง “นายน้อย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทำไมถึงเพิ่งมา นายนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ แล้วนี่ยังมีหน้ามาหาฉันอีกเหรอ” ว่าจบก็ตบคนๆนั้นจนปลิวกระเด็น แล้วคนๆนั้นก็เอ่ยขึ้น “นายน้อย ผมขอโทษที่มาช้าไปครับ”
“ฮึ่ม แล้วนายจะพาฉันกลับไปรักษาตัวเมื่อไหร่” เขาตะโกนถาม
“ครับๆ นายน้อย” พูดจบ คนๆนั้นก็แหวกช่องว่างขึ้นมา ก่อนจะหายไปจากตรงนั้น
ปาเต๋ากับหวัง ฉีเองก็เห็นได้สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ และต่างก็ตะลึงกันไปชั่วครู่ ยังมีใครใช้วิธีรอดชีวิตออกไปได้แบบนั้นเหมือนกันงั้นหรือ
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจแล้วทำไมคนพวกนั้นถึงดูไม่ใช่คนธรรมดาๆในตอนที่เห็นทีแรก นั่นก็เพราะพวกเขาน่ะ มีของช่วยชีวิตตัวเองกันอยู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาดูไม่เป็นอะไร
จากนั้น ก็มีอีกหลายคนจากข้างล่างมาอีก โดยที่แต่ละคนล้วนแต่เป็นผู้ใช้พลังระดับเหนือ S แกร่งๆกันทั้งนั้น โดยมีไม่มากนักก็แค่ 20 หรือ 30 คน ซึ่งพูดกันตามจริงแล้ว คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับ S นั้นไม่มีใครรอดสักคน
0 ความคิดเห็น