RC:บทที่ 394 พลังที่เกินจะหยั่งถึง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 394 พลังที่เกินจะหยั่งถึง


“ยังมีทรัพยากรอีกหลายๆที่ แล้วเราก็ต้องคอยพึ่งผีสาวให้แสดงความสามารถของแหล่งทรัพยากรพวกนั้นด้วย” หยุน เชาเอ่ย


“หยุน เชา ขอให้คุณมั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะดูแลในเรื่องนี้เอง” เสียงนั้นตอบกลับมา


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่เหลืออีกสองฝั่งนั้น ยังมีบุคคลวัยละอ่อนอีกสองคนที่กำลังจับตาดูหลิน เฟิงอยู่เช่นกัน คนหนึ่งมีรูปร่างสง่า นั่งเงียบๆในหมู่คน


และถึงกำลังดูการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ลืมที่พาสาวสวยทั้งสองคนมาด้วย


หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นแบบกะทันหัน พร้อมกับการป้องกันที่คลอบคลุมอย่างช้าๆและยังเป็นการปกป้องที่ทรงพลังอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงผลการจากต่อสู้ในภายหลังของทั้งสองฝ่ายหรือเวลาสู้กันจนต้องมีใครสักคนปลิวกระเด็นมาโดนผู้ชม


ในตอนนี้ บนท้องฟ้าเหนือสนามแข่งขึ้นไปนั้น ก็ได้ปรากฏหน้าจอคริสตัลสามมิติจำนวนสี่จอที่แสดงตัวเลขสิบนับถอยหลัง


และในตอนนั้นเอง พิธีกรก็ได้พูดออกมาเสียงดัง


“สิบ”


“เก้า”


“แปด”


“...”


ยิ่งหมายเลขเปลี่ยนไป ผู้คนก็เริ่มกระวนกระวายมากขึ้นอย่างรอคอย


“สอง”


“หนึ่ง เริ่มสู้ได้”


ในที่สุด เวลาที่ใครต่อใครหลายคนรอคอยก็มาถึง ตัวเลขถอยมาถึงศูนย์แล้ว แล้วทันใดนั้นเอง หน้าจอคริสตัลขนาดใหญ่ก็ฉายให้เห็นถึงร่างของหลิน เฟิง


หน้าจอคริสตัลขนาดใหญ่ทั้งสี่นั้นมีขนาดใหญ่เอาการ ทั้งยังขยายร่างของหลิน เฟิงให้ใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่ไกลๆเองก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน


ยิ่งไปกว่านั้น สนามต่อสู้นั้นก็มีขนาดใหญ่มากจนสามารถจุคนได้ถึง 200000 คนได้ในเวลาเดียวกัน


เพราะถ้าไม่มีหน้าจอคริสตัลขนาดใหญ่สี่จอนี้แล้ว ผู้คนคงจะไม่ได้เห็นการแข่งนี้ได้ชัดแน่ๆ


ทันทีที่สิ้นเสียงของพิธีกร ร่างของหลิน เฟิงและผีสาวก็หายวับไปจากตรงนั้นแทบจะพร้อมๆกัน


เมื่อร่างทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาก็มาอยู่ตรงกลางกันแล้ว


ร่างของหลิน เฟิงเป็นทองอร่ามไปทั้งตัว ในขณะที่ร่างของผีสาวนั้นเป็นสีดำไปทั้งตัว แถมความเร็วของทั้งคู่ก็เร็วจนมองออกยาก จนผู้คนเห็นทั้งคู่เป็นแค่แสงและเงาวิ่งไปมาบนท้องฟ้า


เป็นแสงสีทองและดำ เมื่ออันหนึ่งเข้าสู้อีกคนก็จะถอย จนร่างของทั้งคู่กระเด็นออกไปไกลหลายเมตรติดๆกัน


ในตอนนี้เอง กรงเล็บทั้งสองข้างของหลิน เฟิงนั้นมีลักษณะเหมือนมีดที่ปลดปล่อยระเบิดแสงสีทองออกมา ส่วนคู่ต่อสู้ของเขานั้น หญิงสาวคนดังกล่าวถือมีดสีดำเล่มหนึ่งที่ส่องประกายระยิบระยับไปด้วยแสงสีดำและตัวมีดของมันก็ดูสวยอีกด้วย


จนตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่ก็ถึงกับประหลาดใจในขณะที่กำลังเข้าต่อสู้กันอยู่


ผีสาวที่อยู่อีกฝั่งนั้นทำให้หลิน เฟิงรู้สึกว่าเธอนั้นโหดเหี้ยมและเอาจริง รวดเร็วและทรงพลัง


จนตอนนี้ เขากับผีสาวต่างพยายามที่จะโจมตีอีกฝั่งอยู่ ก็เลยยังไม่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายว่าเป็นแบบไหนกันแน่


ผีสาวนั้นดูมีท่าทีอึ้งๆ แต่เพราะสวมหน้ากากอยู่ เขาจึงไม่เห็นสีหน้าของเธอในตอนนั้นเลย


จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวขึ้นมา หลิน เฟิงเข้าโจมตีผีสาวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผีสาวเองนั้นใช้มีดสั้นที่ถืออยู่ในมือเข้าต้านกลับไปไม่หยุด ประกายแสงที่เกิดจากแสงสีดำและแสงสีทองนั้นมีความงามอย่างน่าประหลาด ผุดขึ้นมาก่อนจะหายวับไปในอากาศ


ลักษณะการต่อสู้ของพวกเขานั้นงดงามอย่างประหลาด แต่ก็เป็นไปด้วยความเฉียบขาด


การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคน หลิน เฟิงสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผีสาวที่มากเอาการ เหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด และเมื่อเขาได้เข้ามาทดสอบดู อีกฝั่งก็ได้แอบหยั่งเชิงการต่อสู้เขาแบบเงียบๆไปแล้ว


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ผีสาวก็แอบนึกกลัวหลิน เฟิงอยู่ไม่น้อยเพราะเขาแข็งแกร่งมาก อีกทั้งความเร็ว พละกำลังนั้นก็ดูจะอยู่เหนือพลังระดับ A ขึ้นไปอีกด้วย


เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งคู่จึงพยายามหาความแข็งแกร่งจากอีกฝั่งด้วยวิธิการยิงพลังใส่กันนั่นเอง


ความเร็วของทั้งคู่นั้นเร็วเอามากๆ พวกเขาต่างไล่กันไปมาและทุกครั้งที่หลิน เฟิงออกตัว ก็จะมีสายฟ้าแวบหนึ่งตามตัวไปด้วยเสมอ ส่วนการโจมตีของผีสาวในทุกๆครั้งก็จะล้อมรอบไปด้วยแสงสีดำ


ทั้งสองสู้กันอยู่หลายนาที ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองก็เรียกเสียงเชียร์ได้มากโขเลยทีเดียว


หลิน เฟิงยังรู้ด้วยว่าพวกเขาเองก็ได้แอบซุกซ่อนพลังไว้ด้วย โดยเฉพาะผีสาวที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเขาจริงๆ เพราะยิ่งเขาได้สู้ เขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ


ในขณะที่หลิน เฟิงสับสนอยู่นั้น จู่ๆมีดในมือของผีสาวก็แทงเข้าที่หลิน เฟิงในทันที เมื่อเห็นแบบนั้น เขาก็ได้ยื่นมือที่กลายเป็นอุ้งเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นเอง กรงเล็บแหลมคมที่ปะทุไปด้วยสายฟ้านั้นก็ปะทะเข้ากับร่างของผีสาวโดยทันที


กรงเล็บปะทะเข้ากับมีดสั้นเล่มดังกล่าว แล้วทันใดนั้นเอง แสงสีดำและสายฟ้าก็เสียดสีปะทุกัน และในตอนนี้ ทั้งสองก็เริ่มเอาจริงแล้ว พลังงานที่เข้มข้นหลั่งไหลท่วมท้น ปะทุขึ้น


ทุกคนต่างได้ยินเสียงแผ่นดินไหว ลูกไฟดวงใหญ่พุ่งเข้าชนโล่ของลานประลองนี้จังๆ เล่นเอาลานประลองทั้งลานถึงกับสั่นสะเทือน


สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ดูเหมือนจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ให้กับบรรดาผู้ชมในนั้นเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งอึ้งแต่ก็ส่งเสียงเชียร์ไปด้วย


ในขณะที่คลื่นแสงนั้นกระจายตัวออกไป ทั้งหลิน เฟิงและผีสาวต่างก็ลอยห่างออกไปหลายสิบเมตร 


พวกเขาต่างจ้องมองกันมาแต่ไกล ราวกับว่ารู้สึกประหลาดใจกับพละกำลังของแต่ละคนเป็นอย่างมาก


ในตอนนี้ การโจมตีระหว่างทั้งสองนั้นได้ไปถึงระดับ A ขั้นสูงสุดแล้ว และเป็นไปไม่ได้แน่ที่ผู้มีพลังระดับ A ทั่วๆไปจะใช้พลังขั้นนี้ได้ แต่ถึงกระนั้น หลิน เฟิงกับผีสาวต่างก็คอยจับตาดูกันอย่างเงียบๆโดยที่ไม่มีใครเป็นอะไร


สิ่งนี้ต่างทำให้ทั้งคู่ถึงกับคิ้วขมวด และในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็เดาว่าพละกำลังของหญิงสาวนั้นเยอะมากเอาการซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่เธอเป็นเลย


การต่อสู้ครั่งก่อนก็ดูน่าตื่นเต้นมาก แต่มีเพียงแค่หลิน เฟิงกับผีสาวเท่านั้นที่รู้ว่านี่เป็นแค่การลองเชิงกันเท่านั้น


หวัง ฉีกับปาเต๋าต่างจ้องไปที่การต่อสู้ของหลิน เฟิงเป็นเวลานานบนที่นั่งคนดูด้านนอกลานประลอง อีกทั้งยังเห็นว่าหลิน เฟิงกับผีสาวนั้นเสมอกัน พวกเขาก็ต่างรู้สึกงุนงง


ในตอนนี้ หวัง ฉีเองก็รู้สึกสับสน แม้จะรู้สึกว่าหลิน เฟิงนั้นจะสู้จนหยดสุดท้าย แต่โดยปกติแล้วนั้น เวลาเขาสู้กับคู่แข่ง เขาก็จะสู้จนกระทั่งพลังวิญญาณของคู่ต่อสู้หมดไป


ในตอนนี้เอง ผู้ชมที่อยู่เหนือขึ้นไป ชายรูปร่างสง่าก็ได้มองไปที่การต่อสู้ระหว่างหลิน เฟิงและผีสาว พลางเผยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “เจ้าหมาป่ากระหายเลือดนี้ดูท่าจะไม่ใช่เล่นๆจริงๆ ผีสาวเอาไว้ไม่อยู่เลยสักนิดเดียว”


“นายน้อย ท่านคิดว่าหมาป่ากระหายเลือดจะชนะไหมครับ” คนรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆชายที่ดูดีนั้นเอ่ยถามขึ้น


“ไม่รู้สิ ผีสาวคนนี้ทั้งทรงพลังและน่ากลัว ฉันเองยังเคยขอให้ผู้มีพลังระดับ S เก่งๆมาทดสอบเธอด้วย แต่เธอคนนั้นกลับได้รับความทรมาน ต้องตกอยู่ในความมืดในที่สุด” ชายคนนั้นว่าขึ้น


“ว่าไงนะ”


ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น ชายคนดังกล่าวก็ใช้แขนโอบร่างของหญิงสาวทั้งสองคน หยอกล้อในขณะที่ดูการต่อสู้บนเวที


“ไม่เลวเลย ทรงพลังขนาดเล่นกับผีสาวที่อยู่ในระดับนี้ได้” ชายหนุ่มคนนั้นว่าขึ้น


ในอีกทิศทางหนึ่งนั้น หยุน เชาขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณยามาโนะ วันนี้ผีสาวเขาเป็นอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่จัดการศัตรูไปเลยล่ะ แล้วทำไมถึงใช้เวลานานจัง”


“ไม่ต้องห่วงไป คุณหยุน เชา อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ลงสนามมาหลายวันแล้วก็ได้ เธอก็เลยอยากลองเชิงดูก่อน” ชายคนที่อยู่ใกล้กับหยุน เชาเอ่ยขึ้น


แต่อย่างไรก็ตาม ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ข้างในใจเขานั้นช็อคสนิท แค่จัดการไม่กี่ที ระดับ A แค่นี้ก็น่าจะเอาอยู่แล้ว และเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าหมาป่ากระหายเลือดจะมีพละกำลังขนาดนี้ได้


“อืม เข้าใจแล้ว” หยุน เชาว่าขึ้น ก่อนจะไม่สนใจเรื่องนี้อีก


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น