CF:บทที่ 800 สหพันธรัฐจักรวาลที่แสนวุ่นวาย
ดาฟเน่นั้นยังไม่อยากที่จะกลับไปหลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินและหลิวหมิงเยี่ยกลับมาถึงบ้านของอู๋ฮ่าวเหริน
โดยเฉพาะหลังจากที่ได้พบกับตูตู, เธอจึงได้เริ่มเล่นกับเจ้าตัวน้อย
ส่วนหลิวหมิงเยี่ยที่ฉวยโอกาสลอบโจมตี(จูบ)เข้าที่ใบหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน เพื่อเป็นการขอบคุณเขาก่อนที่เธอจะเดินทางกลับไปที่บ้านของเธอเอง
ส่วนหลิงเมิ่งเสวี่ยที่เห็นทั้งสามคนกลับมาพร้อมกัน, ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปคุยกับดาฟเน่ที่เล่นกับตูตูตรงนั้นแทน
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้แล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้กลับเข้าไปในห้องคนเดียวเพื่อรับทราบสถานการณ์ของสหพันธรัฐผ่านทางจี้
"จี้, สถานการณ์ของสงครามในสหพันธรัฐเป็นอย่างไรบ้าง?"
จากข้อมูลที่ได้รับมาจากไนติงเกลและตระกูลเงา, สงครามของที่นั่นยังคงแผ่ขยายไปเรื่อยๆค่ะ, ยิ่งไปกว่านั้น จากสถานการณ์ในปัจจุบันมีบางอย่างที่ดูแปลกๆไปค่ะ
"หืม, มีอะไรที่แปลกงั้นรึ?"
"จากที่เห็น, นี่คือที่ฉันเพิ่งนับมา, มันคือจำนวนอารยธรรมที่เพิ่งเข้ามาในสหพันธรัฐ, จากในรายชื่อนี้คุณจะเห็นได้ว่าอารยธรรมทั้งหมดนี้เป็นอารยธรรมที่ไม่น่าจะมาปรากฏในยุคสมัยนี้ค่ะ"
มองดูรายชื่อที่จี้ให้มา, อู๋ฮ่าวเหรินพบว่ามีถึง 100 อารยธรรม, และมีถึง 7 อารยธรรมในนั้นที่เป็นอารยธรรมชั้นสูงในโลกอนาคต
"ทำไมมันถึงมีจำนวนมากขนาดนี้ได้เนี่ย, มันเป็นผลมาจากผีเสื้อสะบัดปีกของฉันงั้นเหรอ?"
อู๋ฮ่าวเหรินตกใจมากเมื่อได้เห็นรายชื่อนี้, เพราะเขาพบว่ามีบางอารยธรรมที่น่าจะอยู่ไกลจากสหพันธรัฐแต่กลับมาเข้าร่วมสงครามนี้ได้
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ได้รู้ว่าอารยธรรมเหล่านี้จะต้องไม่ปรากฏตัวหลังจากนี้อีกนานตามในประวัติศาสตร์ในยุคอนาคต, แม้แต่บางเขตดาวที่เคยถูกเรียกว่าเขตดาวร้างตกสำรวจก็ยังถูกพบขึ้นมาด้วย
ในเวลานี้, ที่อารยธรรมเหล่านี้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมา, ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอารยธรรมต่างๆในสหพันธรัฐนั้น, ทำให้เขตดาวที่ยังไม่เคยสำรวจมาก่อนถูกสำรวจโดยอารยธรรมต่างๆ
ถึงแม้อารยธรรมมากมายที่ไม่อยากที่จะสำรวจเขตดาวนั้นๆก็ตามที่, ซึ่งมันต้องเสียทั้งค่าใช้จ่ายและความพยายาม
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมให้อารยธรรมอื่นมาครอบครองเขตดาวที่ยังไม่ได้พัฒนาเหล่านั้นไปได้
ในสงครามครั้งนี้, อารยธรรมทั้งหมดในสหพันธรัฐนั้นต่างก็ขยายอาณาเขตไปมากกว่าเดิมอย่างน้อยก็ 10 เท่า
มีจำนวนอารยธรรมที่เพิ่มขึ้นมาถึง 30% โดยเฉพาะอารยธรรมระดับสูง
ด้วยการปรากฏตัวขึ้นมาของอารยธรรมเหล่านี้, เขตดาวที่ไม่รู้จักขนาดใหญ่ต่างก็ถูกยึดครองโดยอารยธรรมต่างๆ, ซึ่งทำให้สหพันธรัฐนั้นเกิดความอลหม่านมากขึ้นไปอีก
มีบางอารยธรรมที่ต้องการจะขยายแต่ไม่สามารถขยายไปได้, พวกเขาจึงได้เพ่งเล็งไปที่อารยธรรมที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาใหม่เหล่านั้น
หากพวกเขาสามารถจัดการกับอารยธรรมหนึ่งได้, พวกเขาก็จะสามารถยึดครองเขตดาวของอารยธรรมนั้นๆได้ แล้วจากนั้นก็ใช้เขตดาวนั้นในการพัฒนา
แต่หากเทียบกันกับสงครามของอารยธรรมเหล่านี้, สงครามที่ใหญ่ที่สุดก็น่าจะเป็นสงครามระหว่างสภาสหพันธรัฐกับอารยธรรมที่ต้องการที่จะล้มล้างสภาสหพันธรัฐเพื่อที่จะก่อตั้งการปกครองขึ้นมาใหม่
โดยเฉพาะ หลังจากที่ได้รับข้อมูลมาจากอู๋ฮ่าวเหริน, ทางสภาสหพันธรัฐจึงได้เริ่มวางแผนที่จะกำจัดอารยธรรมเหล่านั้น
กองทัพสหพันธ์ที่เดิมทีคอยตั้งรับอยู่นั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุก, ทำให้อารยธรรมมากต่างก็ต้องตกใจ
ต่อมา, ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วว่าทางกองทัพสหพันธ์ได้เข้าต่อสู้กับอารยธรรมเหล่านั้นอย่างเต็มกำลัง, จึงทำให้ทุกคนต่างก็รบกันต่อไป
ทั่วทั้งสหพันธรัฐจักรวาลจึงได้ตกอยู่ในสภาพความควบคุมไม่ได้โดยสมบูรณ์
เหล่าโจรสลัดอวกาศก็เริ่มคึกคักมากขึ้น, และพวกกองกำลังแห่งความมืดก็ได้ฉวยโอกาสนี้ลงมืออะไรบางอย่างเช่นกัน
แม้แต่อารยธรรมพารอสเองก็ใช้พลังของพวกเขาอย่างต่อเนื่องในการขยับขยายแผนการของตัวเองออกไป
และโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้, อารยธรรมมากมายในเขตดาวจงหัวนั้นต่างก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวแล้ว
เพราะพวกเขาได้ทราบข่าวมาว่าอารยธรรมซีซาร์นั้นกำลังทำสงครามอยู่
หากอู๋ฮ่าวเหรินไม่มีการช่วยเหลือจากอารยธรรมซีซาร์แล้ว, พวกเขาก็ไม่กลัวที่จะทำสงครามยึดครองเขตดาวจงหัว
ในเว็บไซต์ของสหพันธรัฐ, ต่างก็พูดกันถึงเรื่องของการข่มขู่ของอู๋ฮ่าวเหริน, ซึ่งพวกเขานั้นไม่สนใจแม้แต่น้อย
อารยธรรมเหล่านี้ทั้งหมดได้จับมือกัน, ถ้าเกิดมีใครมาโจมตีพวกเขา, ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีอารยธรรมใดอารยธรรมหนึ่งในนั้นได้
เมื่อเป็นเช่นนี้, ก็จะมีแต่อารยธรรมที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมดเท่านั้นถึงจะจัดการพวกเขาได้
"ติดต่อนายพลทร็อดให้ผมที"
"ได้ค่ะ"
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินทำการติดต่อกับทร็อด, เขารู้ดีว่าคนๆนั้นน่าจะกำลังเสริมการป้องกันที่แนวในเขตดาวจงหัวอยู่
"ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?"
ทร็อดพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อน "ไม่ดีเลยครับ, อารยธรรมต่างๆที่อยู่ใกล้ๆพวกเรานั้นต่างก็เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนทัพแล้ว, ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น พวกเขาน่าจะโจมตีพวกเราในไม่ช้า"
"ถ้าคุณต้านทานเอาไว้ไม่ไหว, ก็ถอนตัวออกมาได้เลย"
"อพยพงั้นเหรอ? ถ้าผมไม่ไหวจริงๆ ผมจะอพยพก็แล้วกัน, แต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องสั่นสอนบนเรียนเจ้าพวกนั้นเสียก่อน" ทร็อดกล่าว
เดิมที, เขตดาวจงหัวนั้นล้วนพัฒนาขึ้นมาด้วยฝีมือของเขา, เขาจึงไม่ยอมที่ให้ใครมาเหยียบย่ำที่นี่ได้
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวของ และไม่พยายามที่จะโน้มน้าวเขาต่อ, เพราะเขารู้ดีถึงความคลั่งไคล้ในสงครามของอารยธรรมซีซาร์ดี
โดยเฉพาะในเวลานี้, สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทร็อดนั้นเดือดดาลมากยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าเขาไม่โน้มน้าวพลาด, เขาก็คงจะให้ทร็อดนั้นไปทำงานร่วมกับอารยธรรมอื่นที่เขาเคยคิดเอาไว้
สำหรับเขตแดนจงหัวนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่มีหนทางที่จะรักษามันไว้ได้เลย
ในเมื่อเขาไม่สามารถรักษามันไว้ได้, ก็ปล่อยให้พวกเขาเอาไป, ปล่อยให้พวกเขาช่วยพัฒนาเสียหน่อย แล้วจากนั้นค่อยไปลงโทษพวกเขาทีหลัง
เทียบกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของเขตดาวจงหัวแล้ว, เขตดาวบลูนั้นดีมาก, ในปัจจุบันมีผู้คนมากมายที่หลบหนีภัยสงครามมายังที่นี่
ด้วยสถานการณ์นี้จึงได้มากการแก้ไขปัญหาด้านประชากรในเขตดาวบลูอย่างเร่งด่วน
และเนื่องจากกองยานขนส่งในเขตดาวบลูนั้นจะถูกดักปล้น, ทำให้บางทรัพยากรนั้นไม่สามารถขนส่งกลับมาได้
แน่นอนว่าในปัจจุบัน, จำนวนของอารยธรรมต่างๆที่ตามหาเขานั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ, มีหลายคนที่ต้องการจะฝ่าเข้าไปในรูหนอนและมายังที่นี่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์, แต่พวกเขาต้องถูกจับโดยกองกำลังที่ประจำการที่รูหนอนทางฝั่งของสหพันธรัฐเสียก่อน
เมื่อรู้ถึงสถานนี้, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปกปิดตัวตนในปัจจุบันของตัวเองต่อไปโดยไม่ให้ถูกเปิดเผย
-------------------------------------------------------------
ในวันที่ 3 หลังจากที่รับประทานอาหารร่วมกัน, ฉางเจี๋ยก็มาพบกับหลิวหมิงเยี่ย
เดิมที, เขาไม่ได้อยากที่จะมาหาหลิวหมิงเยี่ย, แต่ตระกูลเฉียนนั้นทำเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น, เขาทราบมาว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ป เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาพบกับหลิวหมิงเยี่ย
ในห้องรับรองของฟิวเจอร์กรุ๊ป, ฉางเจี๋ยนั้นรู้สึกกระวนกระวาย, เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
มองดูเหล่าคนที่ดูยุ่งวุ่นวาย, เขาเองก็อยากที่จะได้เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่น่าเสียดาย, ในการสอบเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปครั้งก่อน เขานั้นสอบไม่ผ่าน, ส่วนเรื่องการเข้าโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ยิ่งไม่ต้องไปคิดถึงมันเลย
"มาที่นี่, มีธุระอะไรอย่างงั้นรึ?"
"พี่หลิวครับ, พี่จำเรื่องของเฉียนเผิงที่มาเมื่อวันนั้นได้มั๊ยครับ...."
ฉางเจี๋ยได้เล่าเรื่องให้หลิวหมิงเยี่ยฟังโดยปราศจากการปิดบังอะไร
"นายจะบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วยงั้นเหรอ?"
"ใช่ครับ, ไม่อย่างนั้นตระกูลของพวกเราก็คงไม่ถูกปฏิเสธโดยทุกคนหรอกครับ"
"นายรออยู่ที่นี่ซักเดี๋ยว, ถ้ามีคนที่ว่าเป็นพนักงานของบริษัทเราจริง, เดี๋ยวฉันจะกลับมาให้คำตอบนายเอง"
หลังจากที่ออกจากห้องรับรองไป, หลิวหมิงเยี่ยก็กลับไปที่ห้องทำงานของเธอและสั่งให้สมองกลหาข้อมูลมา
ไม่นานนัก, รายชื่อและรายละเอียดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของหลิวหมิงเยี่ย
หลิวหมิงเยี่ยมองดูในรายชื่อแล้ว, สีหน้าของเธอก็ไม่แสดงอารมณ์อะไรทันที
ถ้าเกิดว่าคุณเป็นพนักงานเก่าของฟิวเจอร์กรุ๊ป, แล้วยังคุ้นเคยกับหลิวหมิงเยี่ยดี คุณก็จะรู้ว่ามีบางคนที่กำลังจะซวยแล้ว
0 ความคิดเห็น