TB:บทที่ 68 ชายที่สวมชุดคลุมสีดำ
"ครับ ดูเหมือนว่าตอนนี้ ผมจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณต้องการจะทำอะไรนะครับ" ถ้าจะให้เขาพูดให้ถูกก็คือ ท่าทีของเผิงเจิ้งฉางไม่ได้ดูรีบร้อนหรือหงุดหงิดเลยสักนิด ทำให้เฉินหลงนึกสงสัยจริงๆว่าคนอย่างเผิงเจิ้งฉางต้องการจะทำอะไรกันแน่
"ฉันอยากเจรจากับนายอย่างเป็นมิตร นั่นคือเหตุผลที่ฉันชวนนายมาที่นี่ เอาเป็นว่า ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว ถ้านายนำเงินกับผู้หญิงคนนั้นมาคืน ฉันก็จะไม่เอาเรื่องนาย" เผิงเจิ้งฉางกล่าว
ในตอนที่เขาได้เห็นเฉินหลง เผิงเจิ้งฉางรู้ดีว่าเขาคงไม่ใช่คนที่จะเจรจาอะไรด้วยง่ายๆ แต่ลูกธนูที่เขาตรึงอยู่บนเชือกได้ถูกส่งออกไปแล้ว
"ลุงเผิงครับ ลุงกำลังพูดถึงเงินอะไรครับ? ผู้หญิง? ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ" เฉินหลงแกล้งทำเป็นใสซื่อ
เนื่องจากเฉินหลงไม่ได้เป็นคนเอาเงินไปจริงๆ เงินทั้งหมดอยู่ในบัญชีของซวีหมิงเหมยตลอดเวลา แน่นอนว่าเฉินหลงรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน แต่เขาไม่ได้บอกอะไรอีกฝ่ายไป
“ตอนแรกฉันคิดว่านายจะดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ แต่เห็นนายทำอะไรโง่ๆแบบนี้แล้ว เห็นทีฉันคงต้องดูถูกดูแคลนนายเสียหน่อยแล้ว” บนใบหน้าของเผิงเจิ้งฉางกำลังดูถูกเขาอยู่
"ก็ผมบอกว่าผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนนี่ครับ ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว ผมไม่ได้เอาเงินจากเธอไปจริงๆนะครับ" เฉินหลงดูจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม
เผิงเจิ้งฉางไม่ได้ตอบอะไร เขาทำเพียงแค่จ้องหน้าเฉินหลง และส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความกดดันให้กับเฉินหลงเท่านั้น
ถ้าคนธรรมดากำลังโกหกอะไรอยู่ อารมณ์ของคนๆนั้นจะไม่สงบนิ่งขนาดนี้ และถ้าเขาส่งสายตากดดันให้อีกฝ่าย ดวงตาของคนที่โกหกจะต้องหลบสายตาของเขา และวิธีของเผิงเจิ้งฉางก็ใช้ได้ผลเสมอ
น่าเสียดายที่เฉินหลงไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างที่เขาคิด วิธีนี้จึงใช้กับเขาไม่ได้ผล
"นายไม่รู้จริงๆเหรอ?" หลังจากผ่านไปแล้วสองนาที เผิงเจิ้งฉางจ้องมองเฉินหลงโดยที่เขาไม่ค่อยเชื่ออีกฝ่ายสักเท่าไหร่
"ผมไม่รู้จริงๆครับ ถ้าผมได้ข้อมูลเธอแล้ว ผมจะติดต่อคุณไปนะครับ ตอนนี้ผมขอไม่รบกวนคุณไปมากกว่านี้แล้ว ผมมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ขอบคุณสำหรับน้ำชาดีๆนะครับ" กล่าวจบ เฉินหลงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากในทันที
เฉินหลงทราบดีว่าคนอย่างเผิงเจิ้งฉางไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดไปง่ายๆ และเขาก็ไม่ได้ระรานอะไรเขามากนัก แต่ไม่ว่ายังไง คนๆนั้นจะต้องกลับมาจัดการเขาอย่างแน่นอน จากนั้นเฉินหลงก็ใช้ยุงติดตามกับเผิงเจิ้งฉาง เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีเล็ดลอดสายตาเขาเด็ดขาด
ครั้งล่าสุดที่เขาปล่อยตัวอุปกรณ์ยุงติดตามไปจำนวนมาก และเขาก็ได้นำมันกลับมาจากเหล่าหลิวหนึ่งตัวแล้ว ในตอนนี้ถึงเวลาใช้ยุงติดตามตัวนี้อีกครั้ง
เมื่อพูดถึงฟังก์ชั่นของเครื่องดักจับและเครื่องติดตามแล้ว พวกมันทั้งสองกำลังค้นหาคนอยู่ ฟังก์ชั่นของเครื่องดักจับนั้นดีกว่า แต่มันสามารถค้นหาได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ทำให้การสลับคนที่เขาต้องการจะดูค่อนข้างลำบาก ถึงฟังก์ชั่นในการทำงานของเครื่องติดตามจะน้อยกว่า แต่มันสามารถติดตามเป้าหมายได้หลายคนภายในครั้งเดียว ทำให้พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากเขาได้
น่าเสียดายที่เครื่องติดตามสามารถปล่อยยุงขนาดเล็กได้เพียงแค่ 30 ตัวเท่านั้น ซึ่งยุงตัวแม่จะไม่สามารถผลิตลูกๆออกมาได้อีกแล้ว
ครั้งต่อไป ถ้านายเอาชนะคนที่ทำร้ายนายได้ทุกคนแล้ว ค่อยนำยุงตัวจิ๋วพวกนั้นกลับมา แล้วพาไปหาแม่ของมันก็แล้วกัน เฮ้อ สิ้นเปลืองจริงๆเลย
หลังจากที่เฉินหลงเดินออกไปจากที่ตรงนี้แล้ว เผิงเจิ้งฉางก็ค่อยๆยกถ้วยชาขึ้นมาจิบช้าๆ หลังจากที่มั่นใจได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆเขาแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข
"พี่หนึ่ง ผมอยากให้คุณช่วยอะไรผมสักอย่างจะได้ไหม ผมจะให้เงินคุณห้าแสนหยวนหลังจากที่คุณทำมันสำเร็จ" ด้วยเหตุนี้เผิงเจิ้งฉางก็บอกว่าเขาต้องการให้อีกฝ่ายทำอะไรให้ สิ่งที่เขาต้องการนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก นั่นก็คือการลักพาตัวเฉินหลง และถ้าเขาจับตัวสมาชิกในครอบครัวของเฉินหลงมาได้ทุกคน เขาก็จะได้เงินเพิ่มอีกในอัตราคนละหนึ่งแสนหยวน
หลังจากได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย เผิงเจิ้งฉางวางหูโทรศัพท์แล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง
หลังจากได้ยินเผิงเจิ้งฉางคุยโทรศัพท์แล้ว เฉินหลงอยากกลับไปหาอีกฝ่ายแล้วบอกให้เขาไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขเถอะ เขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่เขาก็ยังต่อต้าน มันเป็นเรื่องทางกฎหมายในการเอาชนะผู้คนในที่สาธารณะตรงนั้น ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะจับผมเหรอ? ก็ได้ ผมจะให้คุณจับผมไป จากนั้นก็จัดการคุณให้ถึงตายไปเลย
แค่เมื่อคิดว่าเผิงเจิ้งฉางจะจับคนในครอบครัวของเขาไปแล้ว เฉินหลงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาก็จะแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ* แล้วปล่อยให้พวกมันจับตัวไป แต่เมื่อพวกเขาจะจัดการกับครอบครัวของตัวเองแล้ว เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลย
“เฮ้อ หรือว่าการที่เรามีระบบนี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีกัน รู้สึกว่าตัวเองจะต้องมีอำนาจมีพลังเป็นของตัวเองหลังจากนี้บ้างแล้วสินะ” สิ่งที่อยู่ในใจของเฉินหลงเรียกว่าความหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งของมากมายอยู่ในระบบ แต่เขาก็ไม่เคยได้ใช้มันจริงๆ ตอนนี้เขารู้ว่าเขาได้สูญเสียสิ่งดีๆในชีวิตไปแล้วจริงๆ "หลังจากเรื่องนี้ เราต้องสร้างกองทัพให้ตัวเราเองสักหน่อยแล้ว"
ในระบบมีของดีอยู่หลายชนิด การจัดตั้งกองทัพที่มีซื่อสัตย์เป็นของตัวเองนั้นสบายมาก ในครั้งนี้เฉินหลงได้วางแผนที่จะฮุบอำนาจและอิทธิพลของพี่หนึ่งคนนี้ซะเลย
ถ้าเราไม่อยากถูกคนอื่นรังแก สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้คือ ต้องแข็งแกร่งมากพอทีจะทำให้คนอื่นเห็นแล้วต้องรู้สึกหวาดกลัวเรา
หลังจากนั้น ในขณะที่รอให้คนมาลักพาตัวไป เฉินหลงก็กำลังค้นหาเครื่องมือที่ตัวเองต้องการในระบบ อย่างเช่น ยาต้าหลี่ ยาฉลาด ยาเพิ่มประสิทธิภาพของยีน เคล็ดลับการต่อสู้และอื่นๆอีก ในกองทัพของเขา เขาจะต้องมีพวกมันสมองที่เชื่อถือได้ รวมไปถึงพวกอาวุธและเครื่องมือต่างๆที่สมบูรณ์แบบ
ในที่สุดเฉินหลงก็หาผลไม้ชนิดหนึ่งในระบบเจอ นั่นก็คือ ผลซื่อสัตย์
ผลไม้ชนิดนี้เป็นของผู้ขายต้นไม้ จากดาวเคราะห์เสิ่นชู ราคาอยู่ที่ 100 คะแนนแลกเปลี่ยน
วิธีใช้งานนั้นง่ายมาก ให้ผู้ใช้กัดผลไม้ แล้วส่งผลไม้ให้ผู้อื่น บุคคลนั้นจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีของผู้ใช้มากที่สุด ผู้ใช้สามารถควบคุมคนที่มีพละกำลังมากกว่าตัวเองได้ แต่จะไม่มีผลกับคนที่มีพลังถึงระดับปรมจารย์แห่งดาวเคราะห์
"ผลซื่อสัตย์" นั้นเป็นของดี แต่เฉินหลงกลับให้ความสนใจกับคำว่า ‘ปรมจารย์แห่งดาวเคราะห์’ มากกว่า และเฉินหลงยังรู้สึกถึงหายนะได้อีกด้วย
ถึงเฉินหลงจะไม่รู้ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถนำตัวเองไปเทียบกับชื่อของ ‘ปรมจารย์แห่งดาวเคราะห์’ ได้ ถ้าวันใดวันหนึ่งคนที่แข็งแกร่งมาที่โลกของเขา ในโลกนี้คงไม่มีใครขัดขวางเขาได้แน่นอน
ด้วยเหตุนี้เฉินหลงจึงต้องพยายามพัฒนาความสามารถของตนอย่างสุดความสามารถ บางครั้งความสามารถที่มากขึ้น อาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้นตามไปด้วย ด้วยระบบแล้ว เฉินหลงคิดว่าว่าตัวเองมีหน้าที่ปกป้องบ้านของตัวเอง
"ดูเหมือนว่าครั้งต่อไป เราจะต้องคุยกับเทียนซิงจื่อเรื่องการแบ่งปันความสามารถด้วยกันดีๆเสียหน่อยแล้ว" เฉินหลงแอบใช้ความคิดในการตัดสินใจ ในฐานะพนักงานประจำระบบ เทียนซิงจื่อเองก็เป็นคนที่มีอำนาจเช่นกัน เห็นทีการไถ่ถามหาความจากเขา ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด
วันหนึ่ง เวลา 12 นาฬิกาในตอนกลางคืน แก๊ง ‘พี่หนึ่ง’ ไม่พบใครนอกจากคนที่ยืนอยู่ตรงประตู
ร่างของซ่งเทียนเจียที่อำพลางอยู่ในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นภายในห้องของเฉินหลง
การหาตัวคนที่ต่อกรกับตระกูลซ่งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
"เป็นคุณใช่ไหม?" ในตอนที่เขาเห็นเฉินหลง เขาก็รู้สึกว่ามันอันตรายเกินไป
"คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของซ่งหยู่ใช่ไหม?" แสงแปลกๆปรากฏออกมาผ่านดวงตาของชายที่สวมชุดคลุมสีดำ
เมื่อเห็นแสงที่ดูแปลกตา ทันใดนั้นเฉินหลงที่กำลังรู้สึกมึนงงอยู่ในโสตประสาท อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำสองคำออกมา
"ไม่ใช่..."
*แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ = คนที่แท้จริงมีอำนาจ/มีความสามารถ แต่แสร้งเซ่อซ่าให้คนอื่นหลงกล เพราะหวังผลประโยชน์
0 ความคิดเห็น