TB:บทที่ 59 คุณเต๋า (1)
"น้องเฉิน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ ลมอะไรหอมมากัน แถมยังมีกู่ฉินนั่นอีก หืม?" เพราะตอนที่เฉินหลงบอกว่าจะมาเขา เขาไม่ได้บอกว่าเขามีของมาขายเฉียนซานเจีย
"อืม ก็ ผมได้ของดีมา ผมเลยจะมาถามพี่เฉียนว่าพี่สนใจมันไหม" เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินหลงเชื่อว่าถ้าเฉียนซานเจียเห็นกู่ฉินแล้ว อีกฝ่ายจะต้องซื้อมันแน่นอน
"กู่ฉินที่อยู่ในมือนาย?" พอได้ยินคำพูดของเฉินหลงแล้ว เฉียนซานเจียก็เริ่มสนใจขึ้นมาในทันที
จากนั้น เฉินหลงก็ยื่นกู่ฉินให้เฉียนซานเจีย
บนใบหน้าเฉียนซานเจียมีรอยยิ้มเจื่อนประดับอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจโบราณวัตถุเลยสักนิด แล้วนี่เฉินหลงยังจะให้พิณกับเขาอีก นี่มันมากเกินไปแล้ว
พอเห็นรอยยิ้มเจื่อนๆบนหน้าของเฉียนซานเจียแล้ว เฉินหลงถึงได้เข้าใจว่าเฉียนซานเจียก็ไม่เข้าใจวัตถุโบราณ ทำได้แค่ยิ้มแห้งออกมาอย่างเดียว
"กู่ฉินนี้คือเจี้ยวเว่ยฉิน แล้วมันก็เป็นของแท้" เฉินหลงกล่าวตามความจริง
"นี่ นายกำลังหมายถึงเจี้ยวเว่ยฉิน หนึ่งในสี่กู่ฉินที่มีชื่อเสียงงั้นเหรอ" ถึงเฉียนซานเจียจะไม่เข้าใจโบราณวัตถุ แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเจี้ยวเว่ยฉินมาก่อน
"ถูกต้อง ได้รับการรับรองจากลุงฮ่าวแล้วด้วย ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน" เฉินหลงใช้ชื่อของลุงฮ่าวเป็นข้ออ้าง
"เอาเถอะ ถึงลุงฮ่าวไม่ได้รับรอง ฉันก็เชื่อในสิ่งที่นายพูดอยู่ดี" เฉียนซานเจียเชื่อสัญชาตญาณในการมองคนของตัวเอง "กู่ฉินนี้ นายคงได้มาจากไม้กฤษณาพันปีละสิ?"
เฉินหลงอยู่กับเขาตลอด เขาเพิ่งไปส่งเด็กนี่ที่บ้าน แล้วอยู่ๆก็เอาเจี้ยวเว่ยฉินมาให้ดู ด้วยเหตุนี้ เฉียนซานเจียแทบจะไม่ต้องใช้ความคิดเลยว่าเจ้าเด็กนี่ไปเอามันมาจากไหน
"พี่เฉียนนี่เก่งจริงๆ" เฉินหลงยกนิ้วให้เฉียนซานเจีย
“นายนี่มันร้าย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ของที่มีค่ามากที่สุดในการประมูลครั้งนี้จะตกเป็นของน้องเฉิน ฉันขอชื่นชมนายจากใจเลย”
เขาได้ประมูลด้วยความมืดมนกับคนอื่นในงานมีตติ้งการประมูล ไม่คิดเลยว่า เฉินหลงจะได้ครอบครองสิ่งที่มีค่ามากที่สุดได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
แต่ว่า หลังจากนั้น เฉียนซานเจียก็ใช้เงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวนซื้อเจี้ยวเว่ยฉินมาจากเฉินหลง ตอนนี้ เจี้ยวเว่ยฉินและเพลงหนี่ซ่างหยู่อี้ชวี่ก็ได้คู่กันโดยสมบูรณ์แบบ
ด้วยเหตุนี้ เฉียนซานเจียก็ได้คอลเล็กชั่นพิเศษเพิ่มขึ้นมา ในขณะที่เฉินหลงได้เงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวนเพิ่มขึ้นมาตามคาด
"น้องเฉิน ไปพบใครบางคนเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ" หลังจากเก็บพิณให้เข้าที่เข้าทางแล้ว เฉียนซานเจียก็พูดกับเฉินหลง
ในครั้งนี้ เฉียนซานเจียมาที่ซิงเฉิงเพื่อมาหาคนแปลกหน้า เขาเชื่อว่าคนๆนั้นสามารถช่วยเขาได้
"ได้ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว"
ในตอนนี้ ถ้าเฉินหลงกลับไปที่ซิงเฉิง สิ่งที่เขาต้องทำคือลงโทษเผิงตง และเฉียนซานเจียก็สัญญาว่าจะช่วยเขาด้วย แต่เขาต้องทำงานให้เสร็จก่อน ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องทำในตอนนี้
เฉียนซานเจียเก็บพิณไว้ในตู้เซฟ แล้วออกจากโรงแรมพร้อมกับเฉินหลง
ซ่งเย่ขับรถออกจากซิงเฉิง ไปยังหมู่บ้านเล็กๆใกล้ๆซิงเฉิง
ถนนลูกรังในหมู่บ้านนั้นทำให้การขับขี่ไม่ค่อยราบรื่นนัก ดังนั้นทั้งสามคนจึงจอดรถไว้ข้างนอกหมู่บ้านแล้วใช้สองเท้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านแทน
หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก ประชากรทั้งหมดของหมู่บ้านน่าจะอยู่ที่ 20 คน เทียบไม่ได้กับหมู่บ้านหนานซีที่เป็นบ้านเกิดของเฉินหลงเลยสักนิด
เหมือนว่าเฉียนซานเจียจะเคยมาที่นี่แล้ว เขาพาเฉินหลงเดินไปรอบๆ ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงบ้านไม้ซอมซ่อหลังหนึ่ง
หน้าบ้านไม้มีรั้วกั้น มีชายคนหนึ่งกับสุนัขตัวหนึ่งอยู่หน้าบ้านไม้ ชายคนหนึ่งกำลังผ่าไม้ด้วยมีดไม้ที่ขึ้นสนิม ส่วนสุนัขก็นอนอยู่ข้างๆมองดูชายคนนั้นสับไม้เป็นชิ้นๆ
"คุณเต๋า ผมมาที่นี่อีกแล้วครับ" เฉียนชานเจียยืนอยู่นอกรั้วและพูดกับชายที่กำลังตัดฟืน ดูเหมือนว่าเฉียนซานเจียจะเคยมาที่นี่จริงๆด้วย
คนตัดฟืนอายุประมาณ 40 ปี เขามีหนวดเคราที่หนาและเส้นผมของเขาเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานาน เขาสวมเสื้อกั๊กสีขาวที่มีรูและกางเกงขาสั้นลายดอกไม้ สภาพของเขาดูโทรมและเลอะเทอะเล็กน้อย แต่ตอนที่เขาตัดไม้ ดวงตาของเขาดูจริงจังมาก มีดไม้ในมือของเขาก็มีคุณภาพมาก ทุกครั้งที่เขาผ่ามัน ไม้สั้นนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกันโดยไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย มันดูเป็นระเบียบมาก
เหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินคำของเฉียนซานเจีย ชายคนนั้นยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป
"ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา" เห็นชายคนนี้กำลังตัดฟืน ปฏิกิริยาแรกของเฉินหลงคือชายคนนี้ช่างน่ากลัว
"คุณเต๋า นี่เป็นเป็นบริสุทธิ์ใจจริงๆ ตราบใดที่คุณช่วยผม ผมไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีกับคุณครับ" ถูกชายคนนั้นเมิน เฉียนซานเจียก็ไม่สนใจทั้งนั้น เพราะเขารู้นิสัยของชายคนนั้น
"ผมไม่สนใจโลกอีกต่อไป กลับไปเถอะครับ บอสเฉียน" ชายนามสกุลเต๋าเปิดปาก เสียงของเขาเหมือนจะเบาไปหน่อย และคำพูดของเขาก็ตรงไปตรงมาเหมือนกับการตัดฟืนไม่มีผิด
"คุณเต๋าครับ ถ้าคุณไม่สนใจโลกจริงๆ แล้วทำไมคุณถึงต้องการฝึกทักษะดาบด้วยละครับ?" ในตอนนั้นเอง เฉินหลงก็พูดออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
หลังจากรู้ว่าชายคนนั้นไม่ธรรมดา ทันใดนั้นเฉินหลงก็สืบหาประวัติของชายนามสกุลเต๋าด้วยเครื่องดักจับ ประวัตินี้ทำให้เฉินหลงตกใจจริงๆ
ชายคนนี้มีนามว่าเต๋ากวงหานเขาอายุ 43 ปี แม้ว่าเขาจะอายุ 43 ปีแล้ว แต่สมรรถภาพทางกายภาพของเขานั้นแข็งแร่งมากกว่าซ่งหยู่ที่กินยาเพิ่มพลังไปแล้วถึงสองเท่า มันเกือบจะเทียบเท่ากับพลังของเฉินหลงแล้ว
เฉินหลงนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้เพราะผลลูกไฟ ถ้ายาเพิ่มพลังยีนด้อยที่ใช้ในระบบการแลกเปลี่ยน เพื่อให้ร่างกายสามารถเพิ่มพลังได้ และนั่นคงจะไม่ใช่วิธีของกวงหาน
เฉินหลงยังได้เห็นเทคนิค "ดาบเดียว" ของเต๋ากวงหาน กุญแจสำคัญของวิธีนี้คือความเร็วและความว่องไว วิธีนี้ทำให้คู่ต่อสู้จะมองเห็นได้ไม่ชัด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถตัดทุกอย่างที่ขวางหน้าได้
"นายเป็นใคร?" คำพูดของเฉินหลงสามารถดึงดูดความสนใจของเต๋ากวงหานได้ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เฉินหลงเช่นเดียวกับใบมีด
"ผมแค่ออกมาซื้อซอสถั่วเหลือง" เฉินหลงกำลังถูกจ้องโดยใบมีดคม ราวกับว่าเขากำลังถูกอสรพิษจับตาดูอยู่ มันทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพอง
"นายเก่งมาก" เต๋ากวงหานจ้องหน้าเฉินอยู่สักพัก แล้วจู่ๆก็ชื่นชมเฉินหลงแล้วละสายตาจากเขา
"คุณเต๋าว่ายังไงครับ? ถ้าคุณให้สัญญากับผม ผมจะให้โอกาสคุณได้แก้แค้น" เฉียนซานเจียยังคงถามต่อ
หลังจากละสายตาจากร่างเฉินหลง เขาต้องการใช้มีดตัดฟืนต่อ แต่พอกวงหานได้ยินประโยคของเฉียนซานเจียแล้ว เขาก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตในทันที
"ไม่ใช่ว่าคุณเองก็แค้นตระกูลซ่งเหมือนกันเหรอครับ? เรื่องของเรื่องคือ บุตรคนหนึ่งของตระกูลซ่งมันรกหูรกตาผม ผมจะให้ข้อมูลและทุกสิ่งที่คุณต้องการ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไปฆ่าเขาให้ผมได้" ดูเหมือนว่าเฉียนซานเจียต้องการต่อกรกับตระกูลซ่ง
“ไม่ใช่ว่าผมจะไปดูถูกอะไรคุณนะ บอสเฉียน คุณแค่ต้องการสู้กับตระกูลซ่ง และหนทางนั้นมันช่างยาวไกล” เต๋ากวงหานกล่าว
"ตราบใดที่มีความสามารถของคุณเต๋าแล้ว การฆ่าคนๆนั้นก็เป็นเรื่องง่าย"
เฉียนซานเจียรู้ว่าถ้าเขาต่อสู้กับตระกูลซ่งทั้งตระกูล เขาจะต้องตายแน่ แต่ถ้าเขาฆ่าซ่งหยู่ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับเต๋ากวงหาน
"แล้วจะให้ผมทำยังไงดีล่ะ?" ดูเหมือนว่าเต๋ากวงหานจะยอมรับข้อเสนอของเฉียนซานเจียแล้ว
"ถ้าคุณอยากได้เงิน คุณก็จะได้เงิน นอกจากนี้ถ้าคุณฆ่าตระกูลซ่งได้ ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวดอกเบี้ย" บนใบหน้าของเฉียนซานเจียปรากฎรอยยิ้ม
0 ความคิดเห็น