TB:บทที่ 69 วิธีการ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 69 วิธีการ


หลังจากพูดคำสองคำนี้ออกไป สติของเฉินหลงชัดเจนขึ้น


“คุณ... คุณทำอะไรผม?” เฉินหลงหันไปมองทางชายที่สวมชุดคลุมสีดำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวมาก ชายคนนั้นจ้องมองเขาแล้วพูดแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการจะรู้เท่านั้น โชคดีที่การตายของซ่งหยู่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงจะดวงซวยสุดๆไปเลย


"คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันคือใคร ฉันขอแนะนำว่าคุณอย่าไปยั่วโมโหใครเล่น ถ้าคุณรับผิดชอบมันไม่ได้" หลังจากพูดจบ ชายชุดคลุมสีดำก็หายไปจากห้องของเฉินหลงในทันที และทันใดนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


ในตอนที่ชายที่สวมชุดคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืดที่ห่างจากวิลล่าของเฉินหลงไปไกลถึงหนึ่งร้อยเมตร


นี่คือพลังของเขา ดาร์กเทเลพอร์ท ในเงาแห่งความมืดมิดเขาสามารถเทเลพอร์ทได้ในระยะทางสั้นๆ ภายใน 100 เมตร ในการใช้พลังนี้จำเป็นต้องอาศัยพลังจิตของเขา ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ เขาสามารถใช้มันติดต่อกันได้มากถึงห้าครั้ง


นอกจากนี้เขายังสามารถใช้พลังรูปแบบอื่นได้อีกด้วย นั้นก็คือการสะกดจิต ที่ทำให้เฉินหลงรู้สึกสับสนแบบเมื่อกี้นี้ เขาสามารถบังคับการเคลื่อนไหวของคนๆนึงให้อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองได้โดยสมบูรณ์ และยังมีการควบคุมที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา ยิ่งความแข็งแรงของคนๆนั้นมีมากเพียงใด เวลาที่ส่งผลก็จะยิ่งสั้นลงเท่านั้น และถ้าคนๆนั้นแข็งแกร่งกว่าเขา พลังจะไม่ส่งผล กล่าวคือ เขาจะไม่สามารถควบคุมคนๆนั้นได้


เมื่อกี้ เฉินหลงถูกเขาควบคุมเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขามาก


เดิมที เขาต้องการจะถามความเฉินหลงเกี่ยวกับเฉียนซานเจีย แต่เขาคงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปเพราะเฉินหลงกลับมามีสภาพที่เป็นปกติไปซะก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ


หลังจากออกมาจากวิลล่าของเฉินหลงแล้ว เขาควรกลับไปรายงานเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขา แม้ว่างานนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เขาก็ยังได้กำไรอยู่บ้าง อย่างน้อยเฉินหลงก็ได้รับการยกเว้น


ในเวลาเดียวกัน เขาคาดเดาว่าเฉินหลงอาจจะเป็นคนที่มีพลังอย่างบาง และพลังของเขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการกระตุ้นของพลัง ทำให้เขาร่ำรวยได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้เขายังสามารถต้านทานการควบคุมพลังจิตของเขาได้อีกด้วย


สำหรับคนที่ยังไม่ถูกรัฐบาลจับได้ เขาคิดว่าตระกูลของเขาสามารถส่งคนมารับเขาและยกระดับความสามารถของเขาได้


หลังจากชายชุดคลุมสีดำออกไปจากห้องแล้ว ทางด้านเฉินหลงเองก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน การรักษาความลับเฉินหลงจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเขาดึงดูดคนพวกนี้เข้ามาใกล้ตัว ในความคิดของเฉินหลง สิ่งที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ก็คือความสามารถของตัวเองและกองทัพที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา


เขารู้ว่าชายชุดคลุมสีดำคนนั้นมาจากตระกูลซ่ง เขาจึงโทรปลุกเฉียนซานเจียแล้วเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง


ในตอนที่เฉียนซานเจียรู้เรื่องทั้งหมด เขาดีใจมากที่ตัวเองตัดสินใจถูก แล้วเดินทางไปต่างประเทศในทันทีที่เกิดเรื่อง มิฉะนั้นถ้าเขาเป็นคนที่เจอคนพวกนั้น เขาคงถูกพวกมันฆ่าตายไปแล้วแหงๆ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น และเก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้


คืนต่อมา เผิงเจิ้งฉางเรียก "พี่หนึ่ง" ที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรไป


เมื่อเห็นว่า "พี่หนึ่ง" ไม่ได้ลงมือทำอะไรกับตัวเอง เฉินหลงก็ออกไปวิ่งในตอนเช้า และเพิ่มโอกาสให้กับ "พี่หนึ่ง"


“ไอ้หนุ่มที่ชื่อเฉินหลงออกไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะออกไปวิ่งนะ เราจะเริ่มไหม?” ชายคนหนึ่งที่ถูกส่งให้ไปจับตาดูครอบครัวของเฉินหลง และแกล้งทำว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม กำลังรายงานเรื่องของเฉินหลงหลังจากที่เขาเห็นว่าเป้าหมายเดินออกไปจากวิลล่าแล้ว


“จับตาดูมันต่อไป พวกพี่ๆที่อยู่ข้างนอกคงจะหาโอกาสได้เองแหละ”


หลังจากได้รับคำแนะนำ คนที่รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลยังคงใช้ไม้กวาดกวาดพื้นพร้อมกับที่โกยขยะต่อไป


นอกจากนี้ยังมีคนส่งวิทยุและคนประสานงานอีกด้วย ดูเหมือนการะจัดแจงงานในแก๊งพี่หนึ่งค่อนข้างดีทีเดียว


เฉินหลงวิ่งเหยาะๆไปตามทางในสวนสาธารณะฮูเยว่ ทางด้านหลังเขามีคนปั่นจักรยานอยู่สองสามคน


หลังจากวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะด้วยระยะทางที่ไกลพอสมควรแล้ว ฝั่งตรงข้ามเฉินหลงปรากฏสาวสวยในชุดกีฬาพร้อมกับกระเป๋าเป้และแผนที่ในมือ


"นี่ พ่อหนุ่มรูปหล่อจ้ะ ฉันขอถามทางหน่อยได้ไหมจ้ะ?" เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นเฉินหลง เธอคลี่ยิ้มบางๆออกมา พร้อมกับเดินไปทางเฉินหลงด้วยแผนที่ในมือเพื่อไถ่ถาม


"คุณกำลังจะไปไหนครับ?" เฉินหลงหยุดยืนตรงหน้าเธอคนนั้น


"อ้อ ฉันต้องการไปที่ศาลาหัวใจค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนนี่สิ" หญิงสาวเอ่ยถามเขา พร้อมกับชี้นิ้วไปที่สถานที่ที่เธอต้องการจะไปบนแผนที่


"อ๋อ ผมรู้ครับ คุณต้องไปตรงนี้ก่อน จากนั้นก็... " เฉินหลงชี้ไปบนแผนที่แล้วพูดกับหญิงสาวคนนี้ว่า เธอควรจะไปตามทิศทางใด


ในขณะที่กำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นเฉินหลงได้กลิ่นน้ำหอมลอยมาแตะจมูก กลิ่นน้ำหอมมาจากร่างหญิงสาวตรงหน้าเขา


หลังจากได้กลิ่นหอม ในสมองของเฉินหลงรู้สึกมึนหัวขึ้นมา แต่เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันทีว่า เป็นเพราะร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้เขาทนกลิ่นน้ำหอมแปลกๆกลิ่นนี้ได้


"ได้เลย ผมจะเล่นกับคุณเอง"


เฉินหลงเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าแก๊ง "พี่หนึ่ง" จะเอาลูกไม้อะไรมาใช้กับเขา ตอนแรกเขาคิดพวก "พี่หนึ่ง" จะใช้วิธีที่โหดร้ายกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะเอาวิธีนี้มาใช้กับเขา


ต่อมา เฉินหลงก็แกล้งทำเป็นปวดหัวแล้วก็เป็นลมล้มพับไป หญิงสาวคนนี้จึงรีบเข้าไปพยุงตัวเฉินหลงเอาไว้


ในเวลาเดียวกัน มีชายคนหนุ่งปั่นจักรยานตรงเข้ามาทางพวกเขาด้วยความเร็ว เขาอุ้มเฉินหลงออกไปจากสวนสาธารณะฮูเยว่ในทันที


จากนั้น เฉินหลงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคนพวกนั้นพาตัวไปที่รถคันหนึ่ง


"หวูเหมย เวลาให้เธอเป็นคนลงมือ ไม่มีใครสามารถเอาชนะเธอได้เลยจริงๆ" ด้านในรถ เฉินหลงได้ยินเสียงคนกำลังพูดคุยกัน


"ก็แหม ตอนนี้ ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงใสซื่อนี่คะ แต่งตัวแบบนั้นฉันไม่ค่อยชอบเลย ฉันชอบที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า" เสียงของหญิงสาวคนที่เขาเจอที่สวนสาธารณะดังขึ้น แต่น้ำเสียงของเธออย่างกับคนละคนเลย


"หวูเหมย ว่ากันตามตรง เมื่อกี้เธอดูดีมาก สวยมากเลย ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร ฉันเองก็อยากจะมีอะไรกับเธอจริงๆเหมือนกันนะ" เสียงของชายคนหนึ่งกำลังหยอกล้อเธอ


"แหม ถ้าพี่ไม่กลัว ก็จัดมาเลยค่ะ" หวูเหมยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกผู้ชายจู่โจม


"ฮ่าฮ่า เวลาพูดเล่นก็อย่าจริงจังนักสิ" ชายคนที่กำลังพูดอยู่รีบระบายยิ้ม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูเขินอายเล็กน้อย


ถึงเมื่อกี้น้ำเสียงของหวูเหมยจะฟังดูใจเย็น แต่คนที่รู้จักเธอดี ต่างก็ก็รู้ว่ายิ่งเธอใจเย็นมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น


เธอมีนิสัยที่ชอบแกล้งทำเป็นน้องสาวใสซื่อตัวเล็กๆ แล้วก็ไปตกผู้ชายสักคนตามกำหนดการณ์ในทุกๆเดือน และผู้ชายทุกคนที่ถูกเธอตก ก่อนที่เขาจะได้ผลประโยชน์อะไรจากเธอไป เขาจะตกอยู่ในสภาวะงุนงงแล้วผลอยหลับไป เมื่อเขาคนนั้นตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เขาจะพบว่าสิ่งสำคัญของตัวเองถูกตัดออกไปจากร่างกายของเขาไปแล้ว


ในคอลเล็กชั่นของเธอ ตอนนี้มีตัวอย่างของน้องชายถูกแช่ฟอร์มาลินอยู่ในขวดแก้วหลายสิบใบ


และชายคนนั้นก็กลัวว่าวันหนึ่งสิ่งสำคัญของตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างของสะสมของเธอ


"ไม่ต้องกลัวไปนะคะ ฉันจะไม่เอามันมาทำเป็นของสะสมอีกแล้วค่ะ แต่ว่าฉันจะตัดมันแล้วเอาไปทำเป็นอาหารให้น้องหมาแทน ฮิฮิ" หวูเหมยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าหวูเหมยจะไม่ชอบคุณนะ ฉันบอกแล้วว่าให้ไปไนท์คลับ” จากนั้นชายอีกคนที่ในรถก็หัวเราะเสียงดังออกมา


"พี่สาม ยิ้มทำแป๊ะอะไรมิทราบ หวูเหมยไม่ได้สนใจสักหน่อย เธอไม่ได้มีสายตากว้างไกล สาวๆในไนต์คลับคงไม่ต้อนรับฉันอีกแล้ว" เมื่อพูดถึงสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายแล้ว ปากของพี่สามก็แข็งทื่อขึ้นมาในทันที ไม่มีทาง บ้าเอ้ย ใครบอกว่าเขาทำไม่ได้กันล่ะ


"ไม่ว่ามันจะมีประสิทธิภาพดีขนาดไหน ถ้าถูกตัดทิ้ง มันก็ไร้ประโยชน์ค่ะ" หวูเหมยยังคงโจมตีพี่สี่ต่อไป


หลังจากได้ยินประโยคของหวูเหมย พี่สี่คนนี้ทำได้เพียงแค่รูดซิปปากให้สนิท เขากลัวจริงๆว่าหวูเหมยคนนี้ จะหาโอกาสเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นขันทีเข้าสักวันจริงๆ


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น