RC:บทที่ 389 รางวัล

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 389 รางวัล


เพราะไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พวกเขาก็สามารถเก็บรายละเอียดและข้อผิดพลาดทุกๆอย่างของคู่ต่อสู้ได้เพื่อหาข้อได้เปรียบให้พวกตัวเองได้มากขึ้น


“ฉับ!” หลังจากคำราม หลิน เฟิงจึงแกว่งดาบไปมา แสงสีทองจับไปทั่วฟ้า ไม่ว่าดาบเล่มนี้จะพาดผ่านไปตรงไหน ก็จะไปโดนในที่ที่ชายคนนี้อยู่


แสงลำใหญ่ที่สุดของดาบตรงเข้าฟันร่างของชายคนนั้นในทันที และพลังของดาบเองก็ทรงพลังอย่างน่ากลัวเกินต้านทาน แต่ยามามูระก็ยังคงกล้าที่จะทุ่มเทสู้ แม้ตนจะหลบไปไหนไม่ได้แล้วก็ตามที และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยังมีแสงจากดาบอีกหลายลำปรากฏขึ้นข้างหลังเขาอีก


และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เองก็ทำเอาเขาถึงกับโกรธจัด เห็นได้ชัดว่าพละกำลังของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิน เฟิงเลย อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าก็ได้ ยกเว้นก็แต่พลังจากดาบทองคำนั่นแหละที่น่ากลัวเกินไป


แม้แต่ดาบขึ้นชื่อที่องค์จักรพรรดิเบื้องบนมอบให้กับเขาก็ยังเกิดรูพรุนมากมายราวกับว่าจะสลายลงเมื่อไหร่ก็ได้เลย


ดังนั้น ยามามูระจึงต้องใช้มีดเล่มยาวของเขากันตรงหน้าเขาไว้อีกครั้ง แต่ทว่าต่อมา เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงจากมีดเล่มยาวในมือของเขา จนมือทั้งมือของเขาชาไปหมด พลันร่างของชายคนนั้นก็ปลิวกระเด็นไป


เมื่อพวกนินจาญี่ปุ่นเห็นแบบนั้น พวกเขาก็ถึงกลับร้องคราง


แต่อีกฝั่งหนึ่งนั้น พวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ จนตะโกนออกมา “ในเมื่อกล้ามาเหยียบถึงแผ่นดินจีน ก็ต้องตายซะ”


“นั่นไง ประเทศจีนไม่ใช่ที่ที่ใครจะมารุกล้ำได้ ใครที่ทำแบบนั้นจะต้องได้รับโทษ ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตาม”


“...” 


เสียงจะโกนจากเบื้องล่างค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ ยามามูระขมวดคิ้วแน่น เหงื่อตกไม่หยุด และคาดไม่ถึงว่าตนจะได้มายังสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังและยังได้เจอตัวเอ้อีกด้วย เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็เลยไม่รู้จะทำยังไง


แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ หลิน เฟิงก็ไม่ได้ให้เวลาหรือโอกาสเขาอีก เมื่อมีดาบทองคำอยู่ในมือแล้วแบบนี้ เขาจึงลุยอย่างไม่ยั้งคิด การโจมตีรุนแรงขึ้นรวมถึงแรงส่งเองก็เพิ่มขึ้นด้วย


ชายคนดังกล่าวเองเมื่อเห็นแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็หมองคล้ำลงเรื่อยๆ พลางรู้สึกกลัวชายตรงหน้ามากขึ้นและอีกอย่างก็ลุยเข้ามาอย่างบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆอีกจนเขาไม่สามารถต้านทานได้ไหวเลย


“ลำแสงสีทอง”


นี่คือจังหวะการเคลื่อนที่ของวิชาดาบระดับสูงที่หลิน เฟิงแลกเปลี่ยนมาจากการต่อสู้ที่ใต้ดินนั่นเอง แสงดังกล่าวระยิบระยับและทรงพลัง และตัวหลิน เฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองเข้ากันกับดาบยักษ์สีทองเล่มนี้ด้วย เขาจึงแลกเปลี่ยนมันมา นอกจากนี้ หลิน เฟิงก็ยังได้แลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้อื่นๆมาอีกมากมาย


ทันใดนั้นเอง ร่างของหลิน เฟิงก็ขยายขึ้นก่อนจะหมุนไปรอบๆ 360 องศา ดาบเล่มใหญ่ในมือของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะฟันไปที่ร่างของนินจาคนนั้นที่ไม่สามารถซ่อนตัวด้วยความเร็วขนาดนี้ได้ และสิ่งที่นินจาคนนั้นทำได้ก็คือเอาดาบเล่มยาวของตัวเองมากั้นการโจมตีของหลิน เฟิงเพื่อให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด


ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็นึกโกรธจัดขึ้นมา พลางคิดว่าถ้าตัวเองมีวัตถุระดับ SSS แบบหลิน เฟิงล่ะก็ แม้จะเป็นระดับ SSS ธรรมดาๆอย่างตน ก็สามารถที่จะเอาชนะหรือสังหารหลิน เฟิงได้เลย


แต่ทว่าในตอนนี้ ดาบเล่มยาวที่เขาได้ถืออยู่นั้นกลับร้าว การพลิกเกมให้มาชนะได้นั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย


ในขณะที่เขาโกรธจัด ดาบทองของหลิน เฟิงก็แยกออก ลำแสงจากดาบนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย และดูมีลักษณะเหมือนมหาสมุทรสีทองที่กำลังสาดซัดเข้ามา


ตูม!!!


แคร๊ง!


ในที่สุด  หลังจากเสียงกู่ร้องลั่นดังขึ้น เสียงแตกร้าวก็ดังตาม พร้อมกับเลือดสาดกระจายกลางอากาศ   ก่อนที่ลำแสงสีทองจะค่อยๆหรี่ลง เลือดกระจายเต็มพื้น ร่างปลิวกระเด็น


เมื่อทุกคนได้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ต่างพูดอะไรไม่ออก อีกทั้งท้องฟ้าในยามราตรีก็ยังเกิดเสียงเงียบแปลกๆขึ้นมาอีก


ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้เห็นร่างที่ปลิวมา และไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคาดถึงด้วยเพราะนั่นคือนินจาญี่ปุ่นยามาโนะที่ได้รับความพ่ายแพ้ไปนั่นเอง มีดยาวของเขาถูกเฉือนขาด อีกทั้งบนหน้าอกของเขาก็ปรากฏรอยแผลขนาดใหญ่ เลือดไหลหยดเป็นน้ำ


ในตอนนี้ ผ้าสีดำที่ใช้ปกคลุมใบหน้าของชายคนนี้ก็ได้เลื่อนหลุดออก ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่หวาดกลัว มีเลือดไหลที่มุมปาก ดวงตาจ้องเขม็งไปที่หลิน เฟิง


“ภารกิจล้มเหลว กลับ!”


สิ่งที่ผู้คนคาดไม่ถึงก็คือยามามูระที่มีพลังระดับ SS คนนี้นั้นกลับไม่มีความลังเลที่จะกอดนินจาสาวระดับ S คนนั้นและรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อพวกคนญี่ปุ่นเห็นแบบนั้นเข้า พวกเขาก็ต่างอึ้งไปก่อนที่ใบหน้าจะซีดลง แล้วก็หนีไป


เมื่อกลุ่มคนจากสมาคมตามมาถึงตัวเขา หลิน เฟิงจึงได้ตะโกนไปที่พวกนั้นทันที “หยุดก่อน อย่าตามมา ระวังโดนโจมตี...”


ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ ทุกคนก็หยุดชะงัก แล้วผิวหนังสีดำบนร่างของเขาก็ค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้ๆ ก่อนที่ร่างจะร่วงหล่นลงมา


จิว หยาส่งปาเต๋าไปให้ชายที่มีพลังแข็งแกร่งอีกคนหนึ่งดูแลในทันที ก่อนจะเหาะไปคว้าตัวหลิน เฟิงไว้


ในตอนนี้เอง เธอจึงได้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหลิน เฟิงถึงได้เปรียบและไม่ให้ตามไป


เพราะเขาหมดแรงไปตั้งนานแต่ยังคงต้องสู้ต่อนั่นเอง


ถ้าชายคนนั้นไม่วิ่งหนีไปและยังเลือกที่จะสู้ต่อล่ะก็ ในตอนนี้อาจจะกลายเป็นหลิน เฟิงและพวกเขาทั้งหมดก็ได้ที่แย่


ในตอนนั้นเอง ปาเต๋ากับหลิน เฟิงต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ รวมถึงพลังวิญญาณของพวกเขาเองก็อ่อนกำลังลงไปมาก แม้จิว หยากับหลิน เฟิงเองจะฝีมือต่างชั้นกันอยู่ แต่พวกเขาก็ดีใจที่หลิน เฟิงไล่จนพวกมันกลัวกระเจิงไปได้ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ พวกเขาคงต้องได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสแน่


ใช้เวลาไม่นาน จิว หยาก็ได้ออกคำสั่งให้คุ้มกันหลิน เฟิงกับปาเต๋าอย่างสุดความสามารถกในระหว่างที่กลับไปที่สมาคม


หลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ อาการบาดเจ็บของหลิน เฟิงกับปาเต๋านั้นก็ดีขึ้นมาอย่างมาก หลิน เฟิงดูจะไม่เป็นไรแล้ว แม้จะยังระบมกับอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ เว้นเสียแต่พลังวิญญาณที่แทบจะหมดไปนี่ล่ะ


นอกจากนี้ ยังมีอาการข้างเคียงจากการแปลงร่างเป็นสัตว์ที่ต้องได้รับการดูแลไปทีละนิดอีกด้วย


แต่อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของปา เต๋าน้นกลับได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอย่างเต็มที่ในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้ซึ่งจริงๆแล้วอาการบาดเจ็บของเขาดูจะร้ายแรงสุดๆเสียด้วยซ้ำ


สัปดาห์นี้ หลิน เฟิงกับปาเต๋าจึงไม่ได้ลานประลองต่อสู้เถื่อนใต้ดินเลย ได้แต่อยู่ในสมาคมป้องกันประเทศเพื่อรักษาตัว


ในตอนนั้นเอง ทั้งหลิน เฟิงกับปาเต๋าก็ได้แต่นอนอยู่ในห้องๆหนึ่งที่คล้ายๆกับห้องพยาบาล และมีพวกเขาอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น แถมที่นี่ยังมีออร่าที่แข็งแกร่งอีกด้วยซึ่งนั่นทำให้ที่นี่ดูไม่เหมือนห้องพยาบาลทั่วๆไป


และในเวลาเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ได้เดินออกมาจากประตู เธอมีรูปร่างสูง ดวงตาสดใส ฟันขาว ให้ความรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์ยามส่องประกาย และเธอก็คือจิว หยา หัวหน้าของสมาคมป้องกันประเทศนั่นเอง


“อาการบาดเจ็บของพวกนายเกือบจะดีเหมือนเดิมแล้วล่ะนะ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยังไงก็ต้องขอบใจพวกนายจริงๆนะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ ทางสมาคมป้องกันประเทศของเราคงจะโดนทำลายย่อยยับไปแล้ว” จิว หยาเดินเข้ามาก่อนจะนั่งบนเก้าอี้เล็กๆข้างๆพวกเขา


“ไม่เป็นไรครับ ในฐานะของสมาชิกของสมาคม ก็ควรต้องทำแบบนั้น” หลิน เฟิงตอบกลับไปอย่างสุภาพ


หลังจากหลิน เฟิงพูดออกมาแบบนั้น จิว หยาก็ได้นำศิลปะการต่อสู้มากมายออกมาจากแหมนมิติของเธอ รวมถึงดาบเล่มใหญ่ระดับกลางก็ด้วย


เมื่อเห็นในสิ่งที่จิวหยานำออกมา หลิน เฟิงก็ถึงกับตะลึงไป ก่อนจะว่าขึ้น “นี่คุณหมายความว่ายังไงครับ”


จิว หยาเหลือบมองไปที่หลิน เฟิงกับปาเต๋า ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “นี่คือรางวัลสำหรับพวกนายทั้งสองคน สำหรับการอุทิศตัวในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น