RC:บทที่ 386 นินจาระดับ SS
หลังจากที่สามคนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเพียงการโจมตีเดียว ที่เหลือจึงเข้าไปช่วยนินจาระดับ S คนอื่นๆ เมื่อเป็นแบบนี้ ความสมดุลในตอนแรกของทั้งสองฝั่งก็เริ่มจะเปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ ชัยชนะเริ่มเอนเอียงไปทางพวกนั้นแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงตกอยู่ในที่นั่งลำบากเสียแล้ว นินจาที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้เธอจะอยู่ในระดับ S เหมือนกัน แต่เธอก็ไม่เหมือนกับพี่สาวของเธอเลย
เธอเข้าโจมตีเน้นๆ โดยสภาพร่างกายหลังจากที่หลิน เฟิงรวมร่างกับมังกรแสงนั้นกลับสู้เธอไม่ได้เลย ถึงจะยังไม่มีฝ่ายไหนชนะ แต่หลิน เฟิงก็อยู่ในสภาพเสียเปรียบและไม่ช้าก็เร็วต้องแพ้แน่
“วิญญาณพิฆาต”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆหลิน เฟิงก็ได้ยินเธอเอ่ยขึ้น ก่อนที่ร่างจะหายไป
นี่มันต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง แม้ร่างของนินจาสาวจะหายไป แต่หลิน เฟิงกลับสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอตลอดเวลา แต่กลับไม่เห็นร่างของเธอเลย ราวกับหายตัวไปจากตรงนี้
แต่สายตาของเขายังคงจับจ้อง พลางคอยระวังลมหายใจของเธอเอาไว้ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงตกใจเป็นอย่างมากก็คือลมหายใจของเธอที่ออกมาถึงแปดที่ เป็นลมหายใจเดียวกัน ก่อนที่ลมหายใจนั้นจะพุ่งมาหาเขาจากทั้งแปดทิศทาง
หลิน เฟิงที่จ้องมองลมหายใจจากทั้งแปดทิศด้วยตาเปล่า ทุกคนล้วนแต่เป็นอันเดียวกันหมดในสายตาหลิน เฟิง
หลิน เฟิงใกล้จะแพ้เต็มที แล้วในใจของเขาก็มีเสียงของมังกรดำดังขึ้น
“นายท่าน ร่างที่แท้จริงของเธออยู่ข้างหลังขอรับ อีกเจ็ดร่างที่เหลือเป็นภาพลวงตา”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่มังกรดำเอ่ยเตือนนั้น หลิน เฟิงก็รู้สึกเหมือนได้ฟางเส้นสุดท้ายมาช่วยชีวิต จากนั้นเขาจึงตวัดกรงเล็บอันใหญ่ของตนก่อนจะตบเข้าที่ด้านหลัง
กรงเล็บของเขาขยายขึ้นตระหง่านเย้ยฟ้า ก่อนจะจ้วงลงบนร่างที่มาด้านหลังตน พลางกู่ร้องขึ้นเป็นเสียงมังกร
“อะไรกัน” เมื่อนินจาสาวเห็นแบบนั้น เธอก็รู้สึกอึ้งไป
เธอคาดไม่ถึงเลยว่าหลิน เฟิงจะเห็นร่างจริงเธอได้ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดอะไรแบบนี้ได้เลย อย่างน้อยก็ในแค่ระดับนี้ ไม่มีใครเคยมองภาพลวงตาทั้งแปดนี้ออกเลยว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะทันได้ประหลาดใจ กรงเล็บยักษ์ของหลิน เฟิงก็ได้ปรากฏขึ้นแก่สายตา ก่อนจะตวัดร่างของนินจาสาวร่วงลงกับพื้นและไม่สามารถขยับร่างได้ เธอส่งเสียงฟึดฟัดออกมาทางจมูกก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ในใจเธอก็ได้แต่ร่ำร้องไปมาว่าเป็นไปไม่ได้ๆ
กรงเล็บที่หลิน เฟิงตวัดลงไปคือพละกำลังทั้งหมดที่เขามี และทรงพลังเอามากๆอีกด้วย เขาจัดการทิ้งรอยขนาดใหญ่ไว้ด้วยนิ้วทั้งห้าบนพื้นในทันที
ส่วนร่างนินจาสาวนั้นก็นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น บาดแผลขนาดใหญ่ห้าจุดบนหลังของเธอมีเลือดไหล
เธอเงยหน้ามองหลิน เฟิงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พูดตามจริง นี่ถ้าไม่ได้คำเตือนจากมังกรดำล่ะก็ หลิน เฟิงอาจจะได้เป็นคนที่ได้ไปนอนบนพื้นแทนก็ได้ เพราะพละกำลังของนินจาตรงหน้านั้นไม่ใช่กระจอกๆเอาเสียเลย
ภาพลวงตาทั้งแปดดูเหมือนของจริงมากเสียจนหลิน เฟิงแยกไม่ออกและไม่สามารถต้านทานพวกมันได้อยู่เลย ต้องขอบคุณคำเตือนจากมังกรดำที่ทำให้หลิน เฟิงชนะได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หลิน เฟิงก็แทบจะหมดแรง แถมอาการบาดเจ็บก็ไม่ใช่น้อยๆเลย อย่างน้อย แผลที่เล็กที่สุดก็ค่อยๆสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ
โชคดีจริงๆ ที่ผิวหนังสีเงินของหลิน เฟิงนั้นหนามากและมีความสามารถในการป้องกันสูงมาก
ฉะนั้น ด้วยร่างกายนี้จึงสามารถแบกรับการต่อสู้ได้ไหวจนถึงตอนนี้และยื้อการต่อสู้กับนินจาสาวมาได้
ในตอนนี้ ปาเต๋าจัดการฆ่าเรียบราวกับกระทิงคลั่ง เขาผลุนผลันเข้ามาที่พวกนินจาอยู่ก่อนจะจัดการโจมตี แล้วทันใดนั้นเอง ไม่ว่าพวกนินจาระดับ S คนไหนก็เอาเขาไว้ไม่อยู่เลย
พวกนินจาญี่ปุ่นนั่นอยู่เหนือเขาไปชั่วครู่ ส่วนในตอนนี้ พวกเขาต่างแตกพ่ายระเนระนาด
ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็มองไปที่นินจาสาวที่ล้มไปนอนกับพื้น ท่าทางดูราวกับกำลังจะต่อสู้ด้วยชีวิตทั้งหมดที่เธอมี
“ฮึ่ม มีแต่พวกสวะ” แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิน เฟิงจัดการนินจานั้นลงได้ พลันเสียงฮึ่มเย็นๆก็ดังขึ้นมาในทันที
จากนั้น มีดหลายๆเล่มก็โผล่มาจากต้นไม้ใหญ่ โดยมีดพวกนั้นต่างส่องแสงจ้า พลังน่ากลัว โดยที่พลังของมีดเล่มดังกล่าวนั้นดูจะไม่น้อยไปกว่าพลังของมีดที่ปาเต๋าใช้ฟันเอาเสียเลย
เมื่อผู้คนเห็นแบบนั้น ก็ต่างถอยหนี ส่วนปาเต๋านั้นแกว่งดาบเล่มใหญ่ในมือให้หมุนไปมาจนเข้าปะทะกับดาบเล่มใหญ่ที่เข้ามาพวกนั้น และสิ่งที่ทำให้ผู้คนถึงกับประหลาดใจก็คือดาบเล่มใหญ่ที่ทรงพลังตรงหน้าชายคนนั้นช่างหาญกล้าเข้าประจัญเหมือนกับว่าดาบพวกนั้นเป็นแค่เศษกระดาษ ก่อนที่จะกร่อนสลายลง
จากนั้น แสงของคมดาบก็หรี่ลง ก่อนจะฟันเข้าที่ใบมีดคมพวกนั้น และโชคดีที่รับได้ทันท่วงที แล้วจากนั้นเขาก็ตวัดดาบที่อยู่ตรงหน้าเพื่อกันแสงจากคมดาบนั้น
แล้วเสียง “แกร๊งๆ” ก็ดังขึ้นอีกหลายครั้ง ร่างทั้งร่างของปาเต๋านั้นกระเด็นไปข้างหลังและลากยาวไปถึงพื้น นอกจากนี้ เขายังจัดการนินจาญี่ปุ่นและผู้คุ้มกันของสมาคมไปอีกหลายคนด้วย
“ดีเลย แข็งแกร่งไปเลย” หลิน เฟิงพ่นลมหายใจออกมา พลางมีรอยเลือดปรากฏที่มุมปาก
ในตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็สังเกตว่ายังมีผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่ง และหลิน เฟิงเป็นคนเดียวที่เอาชนะนินจานี่ได้ และการฆ่าเธอก็คือการได้ช่วยเธอ
“ตายซะ”
หลิน เฟิงว่าขึ้นพลางชูกรงเล็บขึ้นมา แล้วตวัดไปที่ลำคอของเธอ
“ไปให้พ้น”
ในตอนนั้นเอง ร่างในชุดสีดำ หมวกดำและชุดข้างในสีดำก็โผล่ขึ้นมากะทันหันบริเวณต้นไม้ใกล้ๆ ซึ่งพวกนี้ก็คือพวกนินจาญี่ปุ่น ลมหายใจของเขานั้นเข้มข้นจนทุกคนที่อยู่แถวนั้นถึงกับตัวสั่น
ร่างนั้นแวบไปแวบมาตรงหน้าหลิน เฟิง ก่อนที่แสงจากดาบจำนวนมากจะพุ่งเข้ามาฟันเขา
เมื่อเห็นดาบน่ากลัวมากมายที่พุ่งเข้ามา หลิน เฟิงจึงได้รู้ว่าสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้คงไปสู้ไม่ไหวแล้วแน่ ดังนั้น เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านินจาคนนั้น ก่อนจะถอยกลับไป
แต่ดูเหมือนว่ามีดพวกนั้นจะมีระบบติดตามตัว เพราะตามไล่หลิน เฟิงอยู่ตลอด
“นายท่าน นี่มันนินจาระดับ SS ที่แข็งแกร่งเอามากๆ แถมพละกำลังก็ไร้เทียมทานอีกด้วย มังกรแสงคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันหรอกขอรับ ให้ข้าลงมือเถอะ” เสียงของมังกรดำดังขึ้นในใจของหลิน เฟิง
“ตกลง” หลิน เฟิงเห็นด้วยในทันที
โฮก!!!
จากนั้น เสียงร้องของมังกรตัวดังกล่าวก็ดังขึ้นในใจของหลิน เฟิง พลันทุกๆคนก็ได้เห็นภาพที่น่าอัศจรรย์
ผิวหนังสีเงินบนตัวหลิน เฟิงส่องประกาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นผิวแต้มสีดำในทันใดซึ่งใหญ่ขึ้นแน่นและหนาขึ้นเรื่อยๆ
เท่านั้นไม่พอ แม้แต่บาดแผลเล็กๆบนร่างของหลิน เฟิงเองก็หายไปด้วยเช่นกัน แรงส่งของเขาพุ่งสูงขึ้น จากระดับ S ในตอนต้น ไปจนถึงระดับ S ขั้นกลาง....จนในที่สุด ก็พุ่งไปจนถึงระดับ SS ขั้นสูงสุด
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวหลิน เฟิง นินจาระดับ SS ที่เพิ่งมาใหม่ก็อดที่จะตาเบิกกว้างไม่ได้ เขาขมวดคิ้วก่อนจะมองหลิน เฟิงด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ
0 ความคิดเห็น