RC:บทที่ 385 คมดาบที่ดุดัน
ราวกับว่าตอนนี้หลิน เฟิงคือเทวดาร่างสีเงินยวง มีปีกงอกขึ้นที่กลางหลัง พร้อมกับรัศมีสีเงินเป็นประกายเรืองรอง ส่องสว่างในยามค่ำคืน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แขนของหลิน เฟิงก็เปลี่ยนไป มือสีขาวเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกรโลหะสีเงินเงาวับ ราวกับจะสามารถใช้ฉีกกระชากอะไรก็ได้เพียงแค่ขยับเบาๆ
และในตอนนี้ นินจาคนดังกล่าวที่ถือมีดด้ามยาวอยู่ในมือก็พุ่งเข้ามาหาหลิน เฟิงก่อนจะฟันฉับลง เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้น เขาจึงเหวี่ยงกรงเล็บออกไปสู้กับมีดด้ามยาวของหญิงสาวคนนั้น
เมื่อดาบยาวและกรงเล็บเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นประกายไฟสีเงิน พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแค่ต่างคนต่างถอยเท่านั้น
หญิงสาวคนนั้นถึงกับแปลกใจกับความแข็งแกร่งของหลิน เฟิงพลางรู้สึกสับสนในเวลาเดียวกัน เดิมที พลังที่หลิน เฟิงมีก็แค่ระดับ A ขั้นสุดยอดเท่านั้น แต่พอหลังจากแปลงร่างเป็นสัตว์วิญญาณ กลับมีพละกำลังมากถึงระดับ S เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ร่างแปลงนี้ยังแปลกประหลาดมากเสียจนตัวเธอไม่สามารถใช้ดาบยาวจัดการกับกรงเล็บมังกรแปลงนั้นลงได้เลย
จากนั้น พวกเขาก็ต่อสู้กันต่อ แม้การต่อสู้แต่ละครั้งจะทำเอาแต่ละฝั่งสั่นสะเทือน แต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนเสียเปรียบใคร พละกำลังของทั้งสองเหนือกว่าที่คาดหมายกันไว้เยอะมาก
หลังจากรุกกันไปมาอยู่หลายที หลิน เฟิงก็ว่าขึ้นเสียงลั่น “เยี่ยมเลย นินจาที่อยู่กับเธอตอนก่อนหน้านี้ยังเก่งกว่านี้ตั้งเยอะ”
“หา คนก่อนหน้านี้หรือ” นินจาคนดังกล่าวคาดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้ หลิน เฟิงจะกล้าพูดอะไรออกมาได้อย่างสบายใจ เธอไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ
แต่ถึงกระนั้น นินจาสาวก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะคำพูดต่อมาของหลิน เฟิงต่างหากที่ทำให้เธอถึงกับต้องจับจ้อง
“ใช่ ฉันฆ่านินจาคนก่อนหน้านี้ที่สวนสาธารณะเมื่อครั้งก่อนเอง ลมหายใจของคนๆนั้นคล้ายๆกับเธอเลยนี่ล่ะ เหมือนจะคล้ายๆกันเลยด้วยซ้ำ แต่ว่า ยังไงพวกเธอสองคนก็คงไม่รู้สึกอะไรกันอยู่แล้วล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น
“ว่าไงนะ นี่นายฆ่าพี่สาวฉันงั้นหรือ” หญิงสาวคนนั้นว่าขึ้น ดวงตาแดงก่ำไปด้วยโทสะราวกับสัตว์ป่าผู้บ้าคลั่งจ้องมาที่หลิน เฟิง
เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้น เขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก และไม่คิดว่าพวกนินจาจะมีความรู้สึกอะไรต่อกันด้วย ที่เขาพูดก็แค่อยากเบี่ยงเบนความสนใจของนินจาญี่ปุ่นตรงหน้านี้เท่านั้น
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่านินจาคนนั้นจะกลายเป็นพี่สาวของเธอขึ้นมา
นินจาคนดังกล่าวเลยยิ่งคลั่งขึ้นไปอีก พลางโจมตีใส่หลิน เฟิงอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังเร็วมากจนน่ากลัว มีดทุกเล่มนั้นทรงพลังและถึงตายได้เลย
เพียงครู่เดียว หลิน เฟิงก็สามารถป้องกันได้เรื่อยๆ แต่ไม่สามารถหาโอกาสสู้กลับไปได้เลย
การโจมตีจากนินจาสาวนั้นดุดันขึ้นเรื่อยๆเพราะความบ้าคลั่ง และดูเหมือนว่าตอนนี้ ในดวงตาของเธอก็พร้อมจะลงมือสังหารได้ทุกเมื่อ
ไม่นาน ร่างของหลิน เฟิงก็เต็มไปด้วยบาดแผลสั้น ยาวหลายจุด โดยแต่ละจุดนั้นล้วนถลอกปอกเปิกไปหมดซึ่งทำให้เห็นว่านินจาคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน
บนต้นไม้ใหญ่ถัดจากหมู่บ้านเล็กๆนี้นั้น ชายลึกลับที่ได้พูดคุยกับนินจาคนหนึ่งไปก่อนหน้านี้ก็ได้มองไปที่หลิน เฟิง พลางมองพวกเขาสู้กันอยู่เบื้องล่าง พลางขมวดคิ้ว เพราะนินจาพวกนี้ไม่สามารถเอาชนะหลิน เฟิงและพวกของเขาได้ในเวลาที่คาดไว้เลย
นี่คงเป็นความรู้สึกพ่ายแพ้ ชายคนดังกล่าวขมวดคิ้วก่อนจะมองการต่อสู้ระหว่างหลิน เฟิงและนินจาตรงหน้า
ในตอนนี้ การต่อสู้ของพวกเขากำลังดุเดือดเลือดพล่าน นินจาคนนั้นต้องการฆ่าด้วยความโกรธจนเอาหลิน เฟิงอยู่ไปชั่วครู่
เมื่อคนๆนี้ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถึงกับแปลกใจกว่าเดิม เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ “แปลกจัง ทำไมวันนี้เธอดูแปลกๆไปล่ะ”
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาพูดพึมพำขึ้นมาอยู่นั้นเอง จู่ๆ ไม่ไกลจากที่เขายืนนัก ชายคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแกว่งดาบในมือเข้าฟันร่างของนินจาทั้งสามคนนั้น พลางหัวเราะขึ้นมาเสียงลั่น
ชายคนนั้นหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฮ่าๆๆ ก็มาสิ เอาเลย เจ๋งนักนี่ ฉันอุดอู้อยู่ในบ้านหลังเล็กนั่นนานเต็มทีแล้ว”
ใครหลายคนที่อยู่ตรงนั้นต่างให้ความสนใจไปที่เหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะมองหน้ากัน จิว หยาเองก็เช่นกัน ชายคนนี้เป็นเพื่อนที่หลิน เฟิงพามาก่อนหน้านี้นี่นา เหมือนจะชื่อปาเต๋าหรืออะไรสักอย่าง
ผู้คนมองไปยังหน้าตาที่ดูห้าวและตรงไปตรงของปาเต๋า ทั้งยังแสดงสีหน้าตกใจกันถ้วนทั่ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนๆหนึ่งจะสามารถจัดการนินจาระดับ S ได้ถึงสามคนได้ด้วยดาบเดียว
นินจาทั้งสามคนถูกมีดฟันเข้าที่ร่าง แต่จู่ๆแต่ละคนก็ลุกขึ้นมายืนอย่างมั่นคง ก่อนจะมองไปที่ปาเต๋าอย่างอึ้งๆ
“เจ้านี่มันเล่นไม่ง่ายแล้ว” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างอึ้งๆ
“แย่แล้วสิ พละกำลังทางกายภาพของเจ้านี่ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่พละกำลังและร่างกายของผู้ใช้ระดับ S เลย เขาทำได้ยังไงกัน” อีกคนว่าขึ้น ก่อนจะว่าขึ้นแบบรวบรัด
“ฉันก็ไม่รู้ แต่อย่าไปกังวลมากนักเลย จัดการเจ้านี่ให้เร็วที่สุดเถอะ เวลาที่คาดการณ์ไว้ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าไม่จัดการเจ้านี่ คนบนเขาต้องโกรธแน่คราวนี้” สองคนที่เหลือหายใจติดขัด ก่อนจะมีเลือดไหลออกมาจากบริเวณนั้น
กลายเป็นว่าชายคนนี้ถูกมีดนั้นฟันเข้า เขาหลบไปไหนไม่ได้จนต้องทนปวดแผลอยู่แบบนั้น
“ลุย” ทั้งสามว่าขึ้นก่อนจะเข้าโจมตีปาเต๋าด้วยมีดอีกครั้ง
จากนั้นทั้งสามคนก็หายตัวไปจากตรงนั้น โดยเมื่อกลับมาอีกครั้ง ดาบเล่มยาวในมือแต่ละคนก็พุ่งมาจากทั้งสามทิศทาง
“ฮ่าๆๆ เจ๋ง มาเลย วิชาดาบปาเต๋า” เมื่อทั้งสามเห็นปาเต๋าพูดแบบนั้น ก็โกรธจัด ก่อนที่ร่างจะชะงักไป พลางถือมีดฟันเข้าทั้งสามทิศทาง
ต่อมา ก็เกิดเป็นแสงจันทร์เสี้ยวสามดวงฟันลงบนร่างของทั้งสามที่พุ่งตัวเข้ามา
“เป็นไปได้ยังไงน่ะ” เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งไป เพราะที่ๆเขาอยู่นั้นไม่มีใครรู้และยากที่จะตรวจสอบ และคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นการโจมตีจากทั้งสามหลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกด้วย
ชายทั้งสามต่างตกอยู่ในอาการหวาดกลัว ก่อนจะเอามีดเล่มยาววางไว้ตรงหน้าเพื่อกั้นแสงที่น่ากลัวนั่น
ตูมๆๆ!
เกิดเสียงดังสามครั้งติดๆกัน แล้วนินจาทั้งสามก็เหาะกลับไป มีดเล่มยาวในมือของพวกเขาหักลงมาเพราะโดนคมดาบเล่มใหญ่ทั้งสามตัดเข้า ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสามก็ถึงกับอาเจียนเป็นเลือด อีกทั้งยังปรากฏรอยแผลบนหน้าอกอีกด้วย เลือดไหลออกมามากกว่าเดิมอีก
สิ่งนี้ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างถึงกับอึ้งไป เพราะไม่คาดคิดว่าปาเต๋าจะแข็งแกร่งเช่นนี้ คนหนึ่งคนที่ล้มศัตรูทั้งสามกลับไม่เป็นอะไรเลย
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน” บนต้นไม้ใหญ่ที่ห่างออกไปสิบเมตรไม่ไกลนั้น เงาลึกลับก็ได้จ้องมองไปที่ดาบที่ปาเต๋าแกว่งไปมา พลางสัมผัสได้ถึงการคุกคามเล็กน้อย
จากนั้นชายคนนั้นก็ได้กล่าวขึ้น “ประเทศจีนมีแต่พวกเสือซ่อนคมทั้งนั้นเลย”
0 ความคิดเห็น