RC:บทที่ 382 หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 382 หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป


เมื่อเห็นท่าทางของจิว หยา หลิน เฟิงก็ถึงกับตกใจนิ่งไป แต่แล้วต่อมาสีหน้าของเขาก็ไม่แสดงอะไรออกมาอีก ก่อนจะว่าขึ้น “ผมเองครับ”


“ทำไมมาถึงเร็วจังเลย”


จิว หยาอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ เธอบอกเขาว่านี่เพิ่งผ่านไปแค่ห้าหรือหกนาทีเท่านั้นเองนับตั้งแต่ที่เขามาถึง


เดิมที เธอคิดว่ากว่าหลิน เฟิงจะมาถึงก็ต้องใช้เวลามากกว่าสิบนาทีแน่ๆ แต่นี่กลับมาถึงได้เร็วเกินคาด


“คือว่า...ตอนที่โทรไป พวกเราอยู่ไม่ไกลจากแถวๆนี้น่ะครับ ก็เลยเร็วกว่าเดิมหน่อย” หลิน เฟิงว่าขึ้น 


“อ๋อ ดีจังเลย แล้วคนนี้ล่ะ” จิว หยามองคนที่มากับหลิน เฟิงก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวล


เพราะคนที่เธอพูดถึงนั้นดูจะมีอำนาจกว่าหน่อย เมื่อเดินเข้ามา เธอก็สังเกตเห็นหลิน เฟิงกับปา เต๋า และปาเต๋านี่ล่ะคือเหตุผลที่ทำเอาเธอนึกฉงน


เพราะแรงส่งที่ปล่อยออกมานั้นรุนแรงมาก เป็นพลังระดับ S เลยทีเดียว และที่มีเปรียบเทียบกับตัวเขาได้ในตอนนี้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน


“อ๋อ นี่เป็นเพื่อนผมครับ ชื่อปาเต๋า แล้วตอนนี้ ผมได้ยินว่าคุณขาดคนอยู่ ผมก็เลยพาเขามาด้วย เชื่อใจผมได้เลยครับ” หลิน เฟิงยืนยัน 


เมื่อจิว หยาได้ฟังเรื่องที่เขาพาชายคนนี้มานั้น เธอก็คิดว่านี่คือความช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมกับงานของพวกตนเลย มากกว่าสามคนแบบนี้ล่ะยิ่งดี


ในขณะเดียวกันนั้น จิว หยาเองก็นึกแปลกใจในความสามารถของหลิน เฟิงที่สามารถผูกมิตรกับคนแบบนี้เป็นเพื่อนได้ เพราะโดยทั่วไปแล้วนั้น ช่องว่างระหว่างระดับ S และระดับ A นั้นมีสูงมาก ดังนั้น เรื่องจะมาเป็นเพื่อนกันก็เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย


หลิน เฟิงเรียกเขาเข้ามาร่วมได้ ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าพละกำลังของเขานั้นไม่ธรรมดาด้วย หรือไม่อย่างงั้นพลังที่เขามีก็ต้องไม่ใช่กระจอก ไม่อย่างงั้นแล้ว แค่ระดับ A จะเรียกระดับ S มาเข้าร่วมได้อย่างไร


พอเป็นแบบนี้ จิวหยาก็เลยนึกแปลกใจ แต่เธอก็กลบเกลื่อนอาการเอาไว้ เพราะนี่ยังมีอีกหลายคนตามเข้ามาอีก บางคนก็รู้จักกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จักกันเลย เพราะแทบจะไม่ได้ทำงานอะไรร่วมกันนัก


ส่วนหลิน เฟิงนั้น ยกเว้นปา เต๋ากับจิว หยา พวกเขาต่างก็ไม่รู้จักกัน 


พวกเขาต่างหาที่นั่งรอ


เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็ทยอยเข้ามา จนกระทั่ง 20 กว่าคน


จากนั้น สมาชิกผู้มีพลังระดับ A ทั้งสองคนก็เดินเข้ามา หลิน เฟิงรู้จักลู่ หยูและ ลั่ว เจียงที่เขาเคยช่วยไว้เท่านั้น


พวกเขาเดินเข้ามาดู เมื่อได้เห็นหลิน เฟิงถอดหน้ากากออก จึงโบกมือให้ พวกเขารีบเข้ามาหลิน เฟิงก่อนจะนั่งลงข้างๆ


เมื่อเห็นลู่ หยูกับลั่ว เจียง หลิน เฟิงก็ได้กล่าวขึ้น “ฉันจะแนะนำพวกนายนะ นี่เพื่อนฉันเอง ปาเต๋า”


และพวกเขาก็ได้พูดคุยกัน “สองคนนี้คือลู่ หยูกับลั่ว เจียง”


“สวัสดีๆ” ลู่ หยูกับลั่ว เจียงจับมือปาเต๋าเขย่าไปมาอย่างรีบร้อน


ปาเต๋า ก็ตอบกลับไปเช่นกัน “สวัสดี”


จากนั้น ทั้งสองสามคนนั้นก็ได้ทักทายกัน จู่ๆ ลู่ หยูก็กล่าวขึ้น “พี่หลิน ทำไมครั้งก่อนถึงรีบกลับล่ะ พวกเรายังไม่ทันได้ขอบใจเลย”


“ใช่ๆ หลิน เฟิง พวกเรายังไม่มีเวลาขอบใจนายเรื่องที่ช่วยพวกเราไว้เมื่อครั้งที่แล้วเลย เดี๋ยวตอนไหน เราออกไปหาอาหารกับไวน์อร่อยๆกินกันเพื่อเลี้ยงขอบคุณนายดีกว่า แล้วก็ ถ้าในอนาคตมีอะไรที่ต้องทำอีกล่ะก็ ฉันจะทำให้สุดความสามารถเลย ขอบอก” ลั่ว เจียงว่าเสียงห้าว


 “คือว่า มันก็เป็นแค่เรื่องงานน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็ พวกพี่รู้ไหมครับว่าสายด่วนที่โทรมานี้โทรมาทำไม” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ฉันน่าจะต้องพูดถึงเรื่องนี้ไปไม่กี่วันก่อน คือเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีพวกญี่ปุ่นหลายคนปรากฏตัวบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆในเมืองนี้ และพวกนายก็น่าจะรู้สึกนะว่าที่นี่แทบไม่มีพลังเหลืออยู่แล้วในตอนนี้” ลั่ว เจียงว่า


“จริงด้วย” ปาเต๋าพยักหน้า


คนอื่นๆอาจจะไม่เชื่อนักเมื่อพูดแบบนี้ แต่ปาเต๋าผู้ซึ่งเกิดมาพร้อมกับการรับรู้ที่เฉียบคมด้านพลังวิญญาณ คำพูดที่คนตรงหน้าพูดมานั้นจึงเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด


 “นี่นายไม่รู้สึกถึงพลังวิญญาณบ้างเลยใช่ไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น


“แทบไม่รู้สึกเลย เมื่อเทียบกับหลายวันก่อนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก พลังวิญญาณในตอนนี้ก็แทบจะหายไปหมดแล้ว” ปาเต๋าเอ่ยขึ้น


เมื่อลั่ว เจียงได้ยินแบบนั้น เขาก็เอ่ยปากพูดต่อ “แต่ว่าตอนนี้ จากที่สายลับที่เป็นสมาชิกของเราได้ความมา ก็คือ มีกลุ่มคนญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ลับๆ และพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นกำลังคิดวางแผนอะไรกันอยู่ น่าจะมีคนอยู่มากกว่า 20 หรือ 30 คนเลยล่ะ ทางสมาคมก็เลยต้องติดต่อเรามา”


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็ถึงกับคิ้วขมวดในทันที พลางสงสัยว่าพวกคนญี่ปุ่นพวกนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ถ้าต้องการขโมยพลังวิญญาณ​ ก็น่าจะไปในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณ​เข้มข้นกว่านี้และลึกลับกว่านี้สิ


ไฉนถึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ เรื่องนี้ทำให้หลิน เฟิงรู้สึกงุนงง และตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรแน่ชัดและไม่ได้รู้อะไรมากนัก อีกทั้งจะเดาส่งๆก็ไม่ได้


เมื่อเวลาผ่านไป อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา คนไม่กี่คนก็เข้ามาสมทบ จนตอนนี้มีคนอยู่กับหลิน เฟิงแล้วประมาณ 25 คน


หลังจากเห็นสีหน้าที่กังวลเล็กน้อยของจิว หยา แต่เมื่อเธอมองไปที่จำนวนคนที่อยู่กับหลิน เฟิงในตอนนี้ เธอก็มองไปที่นาฬิกาของตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ คนที่ยังไม่มาก็ไปตามมาซะ ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ก็ไปกันได้แล้ว ไม่มีเวลาแล้ว แล้วก็นี่ สายลับของเรามีเกือบ 30 คน จัดการกับญี่ปุ่นพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว”


เมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็ต่างลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยตอบรับ


พวกเขามาอยู่ที่นี่เกือบครึ่งชั่วโมง คนเก่งๆหลายคนอดทนรอที่จะฆ่าชาวญี่ปุ่นพวกนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว


และภายใต้การนำของจิว หยา คนทุกคนจึงต่างได้ทยอยกันออกไป 


หลิน เฟิงไม่รู้ถึงตำแหน่งสถานที่แน่ชัด พวกเขาจึงตามจิว  หยาไปตลอดทาง


หลิน เฟิงอยู่ตรงกลาง พลางรู้สึกได้ถึงลมหายใจของผู้คนในตอนนี้ รวมถึงพบว่ามีผู้ใช้พลังระดับ S หกคนในกลุ่มนี้ รวมทั้งจิว หยาและปาเต๋าด้วย ส่วนอีกสี่คนนั้นหลิน เฟิงไม่รู้


มีผู้ใช้พลังระดับ A เก่งๆมากกว่าสิบคน รวมถึงระดับ B ด้วย กองกำลังตรงนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่หลิน เฟิงก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ราวกับว่าสิ่งต่างๆจะดูไม่ง่ายนัก


ความเร็วของทุกคนอยู่ในระดับขีดสุด จากท้องฟ้าที่ดำมืดข้ามผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็วิ่งห่างออกมาร้อยกว่าเมตรแล้ว


ทิศทางของหลิน เฟิงไปนั้นไม่ใช่ในเมือง แต่เป็นชนบทที่มีผู้คนอยู่อาศัยค่อนข้างห่างไกลจากในเมือง


เมื่อหลิน เฟิงมาถึง สถานที่ดังกล่าวดูจะเงียบสงบ บ้านทุกหลังล้วนสร้างด้วยกระเบื้อง และสิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงแปลกใจก็คือในตอนนี้ไม่มีบ้านหลังไหนเปิดไฟเลย ทุกหลังมืดสนิทไปหมด


“ทุกคน ข้อความจากหน่วยสอดแนมมาถึงแล้ว นี่ยังเร็วเกินไป และนี่ก็มืดแล้วด้วย ระวังโดนโจมตี ระวังความปลอดภัยด้วย” จิว หยาเอ่ยเตือน


จากนั้น จิว หยาก็ขอให้ทุกคนหยุดอยู่ข้างนอกหมู่บ้านเล็กๆนั่น ก่อนจะติดต่อหน่วยสอดแนมกลับไปอีก จากนั้นร่างมืดๆไม่กี่ร่างก็ลอยออกมาจากหมู่บ้านดังกล่าวในเวลาไม่นาน


คนพวกนั้นต่างโบกมือให้กับหลิน เฟิงก่อนจะส่งสัญญาณเรียกให้พวกเขาเข้าไป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น