RC:บทที่ 383 ตัวตนที่แท้จริงของหน่วยสอดแนม

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 383 ตัวตนที่แท้จริงของหน่วยสอดแนม


ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อมองไปที่คนพวกนั้น หลิน เฟิงกลับรู้สึกแปลกๆอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเห็นจิว หยาเดินผ่านไป เขาจึงเดินตามโดยไม่คิดอะไรมาก


คนกลุ่มหนึ่งย่องเข้าไปในหมู่บ้านที่เงียบสงบดังกล่าว ทุกสิ่งดูเงียบงันจนทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ


“ฉันคิดว่านายรู้สึกว่าที่นี่ผิดปกติไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ผิดปกติหรือ ไม่นี่” ปาเต๋า ผู้ชายเถื่อนๆ กำลังเดินตามหลิน เฟิงไป เขาจะรู้อะไรไหมนี่


หลิน เฟิงแทบไม่จำเป็นต้องคิดเลย และก็รู้ด้วยว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรเลย แต่ถึงกระนั้นก็อดที่จะถามเขาไม่ได้อยู่ดี


และเมื่อหลิน เฟิงมองไปที่คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครพบอะไรที่ผิดปกติเลย ส่วนหลิน เฟิงเองก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับปัญหาเรื่องนี้ด้วย ดูท่าเขาจะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้แล้ว


ไม่นาน หลิน เฟิงและจิวหยาก็มาถึงสถานที่ที่พวกสายลับกวักมือเรียกให้พวกเขาเข้ามา สายลับพวกนั้นเมื่อเห็นพวกเขาต่างก็รีบถอดหน้ากากลง ทำให้เห็นถึงใบหน้าชาวจีนที่เป็นคนจีนจริงๆ


แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกถึงอะไรแปลกๆซึ่งทำให้หลิน เฟิงคุ้นเคยอยู่บ้าง และในตอนนี้ สายลับคนดังกล่าวก็พาคนทั้งหมดเดินไป ส่วนหลิน เฟิงก็เลิกคิดถึงเรื่องนี้ไปเป็นเวลานานแล้ว


หลิน เฟิงกับปาเต๋าเดินอยู่ในตำแหน่งตรงกลางและตรงข้างหน้า พลางมองสายลับสองคนที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆในเวลาที่มองคนพวกนี้ เพราะท่าทางการเดินนั้นช่างแตกต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิงเลย


หลิน เฟิงมองว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนคนจีนเลย แต่อย่างไรก็ตาม  หลิน เฟิงก็นึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าในตอนที่เขาเจอลู่ หยูกับลั่ว เจียงนั้น ทักษะของนินจาหญิงนั้นก็คือความสามารถในการเปลี่ยนใบหน้า แล้วทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็นึกถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญมาได้


แต่ถึงกระนั้น เมื่อหลิน เฟิงจ้องไปที่หน่วยสอดแนมคนนั้น ทันใดนั้นเอง เขาก็หันกลับมามองพวกหลิน เฟิง


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงจึงรีบละสายตาออกมาทันที สายลับคนดังนั้นจึงไม่เห็นว่าใครจ้องตนอยู่ตอนนี้


“มีอะไรหรือเปล่า” จิวหยาถามขึ้น


“อ๋อ เปล่าครับ คงเป็นแค่ภาพลวงตาน่ะครับ” สายลับคนนั้นเอ่ยเสียงต่ำ


คำพูดที่เขาพูดออกมาก็ฟังดูปกติ แต่ถ้าฟังให้ดีๆ มันกลับมีเสียงภาษาถิ่นแปลกๆดังขึ้นมาด้วย


ในที่สุด หลิน เฟิงก็มั่นใจแน่แล้วว่าชายคนนี้มีสถานะลึกลับ บางทีอาจจะไม่ใช่สายลับแต่เป็นใครปลอมตัวมา บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นนินจาชาวญี่ปุ่นที่ใช้เคล็ดวิชาแปลงกายมาก็ได้ 


เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิน เฟิงก็คิดขึ้นมาในทันทีว่าชายคนนี้จะต้องเป็นนินจาญี่ปุ่นจริงๆ ในตอนนี้พวกมันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ที่จู่ๆก็อันเชิญผู้ใช้พลังมาปกป้องเมืองทั้งเมืองแบบนี้ นอกจากไม่คิดช่วยแล้วยังคิดจะมาทำลายพวกเขาอีกงั้นหรือ


เมื่อคิดถึงตรงนี้ ร่างทั้งร่างของหลิน เฟิงก็สั่นเทา พลางรู้สึกว่าตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสุมหัวครั้งใหญ่ในเวลาเดียวกันด้วย และในตอนนี้ หลิน เฟิงชักจะกังวลมากขึ้นทุกที ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พลังการต่อสู้ที่อีกฝั่งนำมาใช้ก็จะแข็งแกร่งกว่าของจิว หยาเสียอีก และถ้าไม่ใช่แบบนั้น พวกนั้นจะทำลายคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร


ในตอนนี้ หลิน เฟิงชักรู้สึกร้อนรุ่มใจ พยายามที่จะหาวิธี ถ้าเขาบอกใครต่อใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่พวกเขาจะแสดงออกเป็นอย่างแรกก็คือไม่เชื่อ ซึ่งไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นแน่ และถ้าพวกเขาเชื่อพวกนั้น เรื่องของนินจาญี่ปุ่นพวกนั้นก็จะตกไป


จนในตอนนี้ เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากที่ที่พวกนี้วางกับดักอยู่ ถ้าพวกเขากล่าวแบบนั้น  พวกตนก็ไม่สามารถหนีออกจากตรงนั้นได้เลย


สุดท้าย หลิน เฟิงก็ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ก่อนจะคิดอยู่ในใจ “ไหนๆก็มากันแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าพวกมันต้องการอะไร”


ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้ส่งข่าวเรื่องนี้ให้กับจิวหยา เมื่อได้ยินเธอก็ถึงกับช็อคไปในทันที ก่อนจะเดินกลับมาหาหลิน เฟิง


แต่ทว่าหลิน เฟิงยังคงพูดต่อไป “ไม่ต้องหันมาครับ เพราะดูแล้ว ดูท่าเราจะเข้ามาในวงล้อมของศัตรูเข้าแล้วล่ะครับ บอกคุณตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไร แต่ว่า คุณก็สามารถส่งเสียงไปถึงพวกระดับ S เก่งๆได้ครับเพื่อเตรียมการล่วงหน้า เพราะถ้าไม่งั้น พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ลงมืออีก”


เมื่อได้ฟังคำเตือนของหลิน เฟิง หัวใจของจิว หยาก็ผ่อนคลายลงบ้าง ก่อนจะรีบส่งข่าวนี้ไปให้ผู้ใช้พลังระดับ S ทั้งหลาย เพื่อที่จะให้พวกเขาเข้ามาได้โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หลังจากนั้นเพียงครู่  พวกเขาก็เหาะมาถึงพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ในหมู่บ้านเล็กๆดังกล่าว หลังจากลงมาที่พื้น หน่วยสอดแนมก็ชี้ไปที่บ้านที่สร้างด้วยกระเบื้องตรงหน้าของพวกเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น “พวกนั้นสุมหัวกันอยู่ที่นี่ล่ะ ดูเหมือนจะกำลังพูดคุยเรื่องอะไรที่สำคัญกันอยู่ด้วย ตอนนี้เราแยกย้ายไปล้อมพวกมันกันเถอะ”


เมื่อได้ยินคำที่เขาพูด จิวหยาจึงมองไปที่หลิน เฟิงด้วยสีหน้าที่มีความหมายที่ว่าจะทำยังไงต่อไปดี


หลิน เฟิงจึงส่งข้อความไปให้จิวหยาว่า “อย่างแรก แยกย้ายกันออกไปครับ  แต่อย่าแยกกับผู้มีพลังระดับ S เพราะถ้าเราแยกกันเมื่อไหร่ เราจบสิ้นแน่ พวกระดับ S คือตัวการที่ทำให้เราได้ชัยชนะครับ ส่วนคนอื่นๆก็เอาตามที่ต้องการได้เลย”


เมื่อจิว หยาได้ฟังในสิ่งที่หลิน เฟิงพูด เธอจึงสั่งกลุ่มคนพวกนั้นให้แยกย้ายกันออกไปเพื่อล้อมรอบบ้านหลังนั้นตามคำสั่งของหลิน เฟิง


เมื่อหน่วยสอดแนมเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่ๆ ก็ถ้าแยกกันเมื่อไหร่ พวกเราก็จะตายเมื่อนั้นยังไงล่ะ”


“นี่ พี่ครับ พี่ดูแข็งแกร่งจังเลย ขอตามไปด้วยคนนะครับ” ทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังสายลับคนนั้นก่อนจะว่าขึ้น


สายลับคนนั้นไม่ได้นึกสนใจว่าตนเห็นหลิน เฟิงตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะหลิน เฟิงมีพลังแค่ระดับ A เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พอมีพลังแค่ระดับ A การจัดการหลิน เฟิงจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่แล้ว


“เอาสิ ตามฉันมาเลย ไว้เดี๋ยวฉันจะคุ้มกันนายเอง” สายลับคนดังกล่าวว่า พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกที่มุมปากและประกายตาวาววับ


แต่ต้องเป็นหลิน เฟิงที่ตบมือทีหลังดังกว่า เพราะพลังที่เขาซุกซ่อนไว้ เขาสามารถควบคุมลมหายใจของตัวเองให้อยู่แค่ในระดับ A เริ่มต้นได้ และยังทำให้คนพวกนั้นรู้สึกว่าหลิน เฟิงเป็นคนอีกคนหนึ่งที่ดูท่าจะเล่นได้ง่ายด้วย


ไม่นาน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามคำพูดของหน่วยสอดแนม แล้วจากนั้นก็ล้อมเพื่อเตรียมเข้าโจมตี พร้อมกับรอคำสั่งต่อไป


เมื่อทุกคนในนั้นเข้าที่เข้าทางกันแล้ว หน่วยสอดแนมนั้นก็หัวเราะลั่น ก่อนที่จะตะโกนขึ้น


“ฆ่ามัน”


ทันทีที่สิ้นเสียง จู่ๆภายในห้องนั้นก็มีผู้คนมะรุมมะตุ้มเข้ามาจากข้างในและจากทุกทิศทางเป็นจำนวนมาก


โดยคนพวกนั้นต่างสวมชุดสีดำเพื่ออำพรางใบหน้าเอาไว้ มีทั้งหมวกทั้งชุด พวกนั้นก็คือนินจาญี่ปุ่นนั่นเอง เพียงแวบเดียว พวกนั้นก็ปรากฏตัวออกมากันมากกว่า 20 คน ยิ่งไปกว่านั้น ข้างนอกที่พวกหลิน เฟิงอยู่นั้นยังมีคนอีกมากมายมาอีก โดยลมหายใจแต่ละคนล้วนน่ากลัวเอามากๆ


ในบรรดาคนพวกนั้น หลิน เฟิงเห็นว่ามีผู้ใช้พลังระดับ A มากกว่าสิบคนและระดับ S เกือบสิบคน การที่พวกนั้นดาหน้าเข้ามาก็ทำให้หลิน เฟิงเริ่มเคลื่อนไหวบ้างเพราะพวกนั้นมีพละกำลังแกร่งเสียยิ่งกว่าหลิน เฟิงเสียอีก


แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่ในมุมมองที่หลิน เฟิงจะรับได้ เพราะเมื่อหลิน เฟิงได้ทำนายแผนตรงนี้ไปแล้ว เขาจึงเดาได้ว่าพละกำลังของอีกฝั่งหนึ่งจะต้องมากกว่าพวกเขาแน่ๆ


เมื่อเห็นคนพวกนั้นออกมา หลิน เฟิงกับคนอื่นๆก็เริ่มลงมือต่อสู้ เพียงครู่เดียว แสงจากดาบก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของสัตว์วิญญาณพร้อมด้วยแสงลูกไฟที่สาดส่อง


เมื่อสายลับคนดังกล่าวเห็นแบบนั้น เขาก็เผยยิ้มที่มุมปาก พลันฟันลงมาที่ร่างของหลิน เฟิง


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น