RC:บทที่ 380 การเชื้อเชิญของหยุน เชา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 380 การเชื้อเชิญของหยุน เชา


ในตอนนี้ เพราะการต่อสู้ที่รุนแรงของทั้งสองฝ่าย ทั้งแสงและควันบนลานประลองจึงยังไม่จางหายไปไหน ทุกคนเห็นเพียงแค่ร่างสองร่างที่เหนื่อยอ่อนอยู่ตรงนั้นเท่านั้น


จนเมื่อแสงและควันจางลงไปอย่างช้าๆ ร่างทั้งสองร่างก็ได้ปรากฏขึ้น โดยหนึ่งในนั้นยืนอยู่ทางขวา ส่วนอีกคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้นอีกฝั่ง และเมื่อเห็นแบบนั้น ทุกคนจึงได้รู้ว่าต้องมีใครชนะหรือแพ้แล้ว ไม่อย่างงั้นพวกเขาคงไม่หยุดแน่


หวัง ฉีในตอนนี้เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทุกที สายตาจับจ้องไปที่ลานประลองนั้น อยากจะรู้ว่าใครเป็นคนชนะ เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้น เขาก็ได้แต่ยิ้มๆ ท่าทีเฉยๆ พลางกล่าวขึ้นเสียงเบา “ไม่ต้องห่วง เขาชนะแน่”


ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบผู้คนต่างก็จ้องไปที่สองฝ่าย ในตอนนี้ คนที่อยู่ด้านขวาคุกเข่าบนพื้น ส่วนคนที่อยู่ฝั่งซ้ายยังยืนอยู่


“เทียนหูชนะ ดูสิ เทียนหูคือคนที่ยืนอยู่ ส่วนคนหน้าใหม่ทางขวาคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว” มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นในฝูงชน


“ใช่ๆ ถูกแล้ว ถึงฝ่ายเราจะได้น้อยกว่า แต่ก็ได้ล่ะนะ” ชายคนดังกล่าวว่าขึ้น


“แต่คนใหม่นี่ดูทรงพลังมาก เผชิญหน้ากับเทียนหูอยู่ตั้งนาน แต่ยังไม่ล้มเลย” คนหนึ่งว่าขึ้นอีก


“อ่า ไม่ๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่แฮะ” ในตอนนั้นเอง แสงนั้นก็หายวับไป ทั้งควันและฝุ่นค่อยๆจางลงแล้ว และร่างของพวกเขาก็เผยออกมาให้เห็นในที่สุด


ชายที่อยู่ด้านขวาแพ้ไป เข่าทรุดลงกับพื้น ส่วนชายที่อยู่ข้างซ้ายดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่อีกด้วย


เมื่อพวกเขาได้เห็นชายสวมหน้ากากทั้งสองคน พวกเขาก็เห็นในทันทีว่าตำแหน่งเดิมของเทียนหูกับหน้ากากวัวเปลี่ยนไป


คนที่ยืนอยู่บนลานประลองก็คือปาเต๋าที่ถือดาบอยู่ ส่วนคนที่ตกลงไปคือหน้ากากเสือซึ่งทำเอาผู้คนที่กำลังยินดีถึงกับงงงันไปในทันที ส่วนคนที่เศร้าอยู่ก็มีความรู้สึกเหมือนว่าจากที่อยู่ในนรกก็ได้กลับขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว ก่อนจะหัวเราะชอบใจจนหยุดไม่ได้


ปาเต๋าปรบมืออย่างจงใจก่อนจะก้าวลงมาจากแท่นประลองด้วยสีหน้าดูถูก แม้จะดูเหมือนว่าเขาสู้กับชายคนนั้นมาเป็นเวลานาน ความสามารถในการต่อสู้ของปาเต๋าก็ได้รับการกระตุ้นขึ้นมาทันที เมื่อเขาเอาจริง ชายคนนั้นจึงถูกปาเต๋าโจมตีจนทรุดลงกับพื้น ก่อนจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป


“หน้ากากวัวชนะ...”


เมื่อกรรมการประกาศว่าผู้ชนะในการแข่งครั้งนี้คือปาเต๋า คนที่พนันอยู่ข้างเทียนหูก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที อีกทั้งยังไม่นึกอยากจะเชื่อเลยด้วย แล้วบางคนก็พนันด้วยของทั้งหมดที่พวกเขามี ทำเอาปวดใจและแทบกระอักเลือด


 “ฮ่าๆ กำไรก้อนโตอีกแล้ว เยี่ยมเลย” เป็นเรื่องธรรมดาที่หวัง ฉีนั้นมีความสุขที่สุด เพราะเขาสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยในทุกเกมพนัน


แต่อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของปาเต๋าก็ทำให้ทั้งห้องดูเดือดขึ้นมาทันที ก่อนที่พวกคนนับไม่ถ้วนจะตะโกนขึ้นมา เพราะการแข่งครั้งนี้ครั้งเดียวทำให้พวกเขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้ก็ถึงตาหลิน เฟิงได้ต่อสู้แล้ว เขาไม่รู้สึกลังเลเลย หลิน เฟิงสู้จนถึงหยดสุดท้ายทุกครั้ง และจะไม่หยุดสู้จนกว่าคู่แข่งจะล้มลงไป


กับการแข่งทั้งสองนี่ก็เหมือนกัน ไม่มีใครเห็นได้ว่าขีดจำกัดด้านพละกำลังของหลิน เฟิงนั้นมาจากไหนในตอนที่ดูเขาต่อสู้


เพราะไม่ว่าหลิน เฟิงจะเจอคู่ต่อสู้แบบไหน  และถึงแม้เขาจะอ่อนแอสักเท่าใด เขาก็จะสู้จนกว่าพลังวิญญาณของคู่ต่อสู้จะหมดไปก่อนที่หลิน เฟิงจะเอาชนะได้สำเร็จ


และดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกที่แบบว่าความแข็งแกร่งปะทะความแข็งแกร่ง เมื่ออ่อนแอเขาก็จะใช้พลังที่น้อยลงไปด้วย เป็นเรื่องที่ใครก็เข้าใจได้ยาก


 “พละกำลังของชายคนนี้นั่นน่ากลัว และไม่กระจอกเหมือนอย่างที่เราเห็น” ในตอนนี้เอง บนที่นั่งผู้ชม คนๆหนึ่งที่อยู่ข้างๆหยุนเชาก็กล่าวขึ้นกับหยุนเชา


“นายคิดยังไงกับพละกำลังของเขา คุ้มค่ากับการรับเข้ามาไหม” หยุนเชาเอ่ยถามขึ้นกับคนที่อยู่ข้างๆเขา


หยุนเชาอยู่ในชุดคลุมสีดำ เลยไม่สามารถเห็นใบหน้าเขาได้ชัดหรือแยกแยะได้ว่าเป็นชายหรือหญิง


เสียงของเขานั้นทั้งทุ้มลึกและแหบแห้ง เป็นลักษณะสองเสียง ราวกับว่ากำลังมีคนสองคนคุยกันอยู่ ทั้งชายและหญิง ไม่สามารถแยกออกจากกันได้


“พละกำลังของเจ้านั่นมันมีมากเกินกว่าคนธรรมดาไปแล้ว และที่มั่นใจก็คือไม่ว่าเขาจะเจอกับคนไหน เขาก็มักจะสู้จนหยุดสุดท้าย หรือถ้าจะให้พูดก็คือเขาไม่ได้ใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมาเลย แต่เขากลับดูคนพวกนั้นเหมือนจะเอามาแค่ฝึกฝนด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะคุ้มที่เอาเขามา”


ชายชุดดำตอบออกไปเงียบๆ


“เอาล่ะ ไปพาพวกเขามาที่นี่ และก็บอกด้วยว่าหยุนเชาต้องการตัวเขามาเป็นลูกน้อง” หยุนเชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ให้ความเมตตาต่อคนอื่นๆด้วย


“ขอรับ ท่านหยุน เชา” เมื่อกล่าวจบ  คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆก็เดินตรงไปที่พวกเขาทันที


และในตอนนี้ เมื่อพวกเขาสู้เสร็จแล้วก็พร้อมเตรียมตัวกลับ


“เดี๋ยวก่อน ทั้งสามคนนั่น นายน้อยของเราต้องการเชิญพวกท่านให้ไปพบ” ชายคนนั้นเดินตรงมาหาหลิน เฟิง ก่อนจะคว้ามือเพื่อหยุดพวกเขาที่กำลังเดินออกไปไว้


“หา ใครนายน้อยอะไรของคุณ” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ท่านหยุน เชายังไงล่ะ” ชายผู้เป็นข้ารับใช้เอ่ยขึ้นเสียงเบา


“หยุน เชา เอ่อ ผมไม่รู้จักนะครับ” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นตรงๆก่อนจะโบกมือกลับไปอย่างสุภาพ  แล้วจากนั้นก็สะบัดแขนที่อ้าไว้ของชายคนนั้นออกไปทันที


จากนั้นก็มีคนหลายคนเดินเข้ามา เพียงไม่กี่ก้าว พวกนั้นก็มายืนต่อหน้าหลิน เฟิงแล้ว พวกนั้นเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีขาวที่สง่างาม ในมือถือแก้วไวน์ พลางหรี่ตาไปที่พวกเขาราวกับว่าเป็นเหยื่อของตน


“ท่านหยุนเชา” ในตอนนั้นเอง ชายคนรับใช้ก็ได้เดินไปหาชายคนนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ


“นายชื่อหมาป่ากระหายเลือด ใช่ไหม มาร่วมมือกับฉันหน่อยปะไร” ชายคนที่ชื่อหยุน เชาเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดกับหลิน เฟิงออกไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิ


“ไม่สนอ่ะ หลบไปหน่อยครับ” หลิน เฟิงตอบกลับไปตรงๆ เพราะชายคนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกร่าง และน่าอึดอัดเอามากๆ


หลังจากนั้น หลังจากกวาดมือออกไปเป็นแนวกว้าง หลิน เฟิงก็ดูเหมือนจะมีพลังผลักหยุน เชาและคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวไปให้พ้นทางได้ เมื่อพ้นออกมาได้ทั้งสามคนก็เดินออกไป


เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินจากไป หยุน เชาก็ได้แต่งุนงงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็ได้เอ่ยขึ้น “ได้ๆ ยังมีวิธีอยู่”


“ให้ผมทำอะไรดีครับ นายน้อย ผู้ชายคนนี้ดูไม่มีท่าทีจะมาภักดีกับเราเลย” ชายคนรับใช้เอ่ยขึ้น


“ไม่ต้องห่วง การที่คนแบบนี้จะเล่นตัวบ้างมันก็เรื่องธรรมดาน่ะ ไว้เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยกับเจ้านี่บ่อยๆและยื่นผลประโยชน์ให้เอง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเจ้านั่นจะไม่สน” หยุน เชาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มๆ


หลังจากนั้น เมื่อหลิน เฟิงมาที่นี่ทุกวันก็ต้องเจอกับหยุน เชาตลอด และเขาก็ต้องการตัวหลิน เฟิงไปเป็นลูกน้องด้วย แต่ทว่าหลิน เฟิงกลับปฏิเสธกลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ความนิยมในตัวหลิน เฟิงก็มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหยุนเชาเองก็เริ่มจะกังวลเสียแล้ว ราวกับจะสิ้นสุดความอดกลั้น


หลังจากที่คำขอล่าสุดถูกปฏิเสธ หลิน เฟิงกับพวกที่เหลือก็จากไป หยุน เชาทุบเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใกล้ๆด้วยแรงที่ออกเพียงครึ่งเดียว ก่อนจะว่าขึ้น “ฮึ่ม ก็ถ้าพวกแกแน่จริง และหยิ่งจองหองแบบนั้น แถมพอให้มาอยู่ข้างฉันก็ไม่เอา งั้นฉันจะทำลายแกแทนก็แล้วกัน...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น