RC:บทที่ 335 แผนการหว่านล้อมของคนชั่ว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 335 แผนการหว่านล้อมของคนชั่ว


จากนั้น หลิน เฟิงจึงนำผนึกเสือขาวใส่คืนลงในคิ้ว อีกอย่างสัตว์คู่ใจของเขาเองก็ดูจะคึกคักกับเจ้าผนึกนี้ด้วย โดยเฉพาะเด็กๆทั้งสามตัวที่หลิน เฟิงทำพันธสัญญาใหม่ไป เมื่อผนึกเสือขาวเข้าไปอยู่ใกล้ๆพวกมัน พวกนั้นก็สามารถดูดซับพลังวิญญาณมหาศาลของผนึกนั้นได้


“ดีจัง” ปาเต๋าที่ก้าวมาอีกขั้นได้แล้ว เอ่ยอย่างอารมณ์ดี


จริงๆแล้ว หลิน เฟิงไม่รู้หรอกว่านี่เป็นการก้าวมาอีกขั้นครั้งที่สามของปาเต๋าแล้ว และถ้าไม่สำเร็จ ปาเต๋าก็อาจจะต้องอยู่ในระดับ A ขั้นสูงไปตลอดชีวิตเลย


ไม่นาน ทั้งสี่คนก็ผล็อยหลับไปบนพื้นหญ้า ก่อนจะกรนออกมาเสียงดัง


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนหลับอยู่นั้น ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ได้ลุกขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆเดินมาหาปาเต๋าพร้อมกับตบเขาไปมา


หลังจากโดนตบ ปาเต๋าจึงตื่นขึ้นมาทันที พร้อมสู้ แต่ทว่าเมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าตน คนๆนั้นก็ทำเสียงชู่กับปาเต๋า


“นี่ อย่าเอ็ดไป ฉันเอง” คนตรงหน้าก็คือจู่ ยี่นี่เอง


“นี่นายทำอะไรของนายน่ะ จู่ยี่” ปาเต๋าเอ่ยขึ้น ตาจะปิดอยู่รอมร่อ


จู่ ยี่ส่งสัญญาณบางอย่างไปให้ปาเต๋าก่อนจะพาเขาไปจากบริเวณหญ้าตรงนั้น


คล้อยหลังที่พวกเขาเดินออกไปไม่นาน หลิน เฟิงกับตู๋ กังก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมๆกัน ก่อนจะมองหน้ากัน แล้วตู๋ กังก็เอ่ยขึ้น “ดูท่าจู่ ยี่จะไม่สบอารมณ์เอาเสียเลยนะ”


ทั้งคู่ไม่ได้หลับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขาแค่แกล้งทำเป็นหลับเท่านั้นเอง


 “หมอนั่นคงจะเห็นหินวิญญาณระดับสูงกับผนึกพยัคฆ์ขาวที่ฉันเอาออกมาเมื่อตอนนั้นน่ะสิ ก็เลยมีเจตนาชั่วร้ายที่จะแย่งชิงไป แถมยังเรียกปาเต๋าไปแบบนั้น ดูท่าน่าจะไปหลอกเขาให้ร่วมมือกันจัดการเราแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ปาเต๋าเองก็อยู่ในระดับ S แล้วด้วย ถ้าจะลงมือทำอะไรกับพวกเราล่ะก็ เรื่องหมูๆเลย” หลิน เฟิงอธิบาย


 “ไอ้จู่ยี่ หมอนั่นมันช่างสารเลว ไม่รู้คุณคนเอาเสียเลย ทั้งๆที่เราเคยช่วยชีวิตมันไว้ตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ” ตู๋ กังเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ


“เอาน่า ตามไปดูกันเถอะ” หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เดินตรงไปหาปาเต๋ากับจู่ ยี่


“แถมปาเต๋าเองก็เป็นคนฉลาดเสียด้วย แต่ถ้าเกิดร้ายขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะฆ่าพวกนี้ให้หมดเลย” หลิน เฟิงพูดขึ้นในขณะที่เดินไป


ใช้เวลาไม่นาน หลิน เฟิงกับตู๋ กังก็ได้มาถึงพุ่มไม้ดังกล่าวอย่างเงียบๆก่อนจะย่อตัวลง


ในตอนนี้ ไม่ไกลจากที่พวกเขาหลบอยู่นัก คนสองคนดูกำลังคิดอะไรกันอยู่


“อะไรนะ จู่ ยี่ นี่นายบ้าไปแล้วหรือไง หลิน เฟิงกับตู๋ กังเขาช่วยชีวิตพวกเราไว้นะ แล้วนายตอบแทนน้ำใจของพวกเขาด้วยการแก้แค้นและพยายามที่จะไปขโมยของเขามาแบบนี้น่ะหรือ” พลันปาเต๋าก็ว่าเสียงลั่น ดูโกรธเอามากๆ


“เฮ้อ ในโลกของผู้ล่ากับผู้ถูกล่าเนี่ย เราไม่มามัวสำนึกบุญคุณกันหรอกนะ ของๆพวกมันน่ะไม่ธรรดาเลย ลองนึกถึงหินวิญญาณระดับสูงที่เจ้านั่นหยิบออกมาสิ แล้วไหนจะผนึกพยัคฆ์ขาวที่มีพลังวิญญาณมหาศาลอีก ของพวกนี้น่ะมีประโยชน์ต่อนายนะ”


“แถมตอนนี้ นายก็มาถึงระดับ S แล้วด้วย การจัดการพวกพลังระดับ A มันก็มากเกินพอเลยล่ะ นี่ฉันนึกถึงนายหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้น การสั่งสมพลังงานของนายมันต้องใช้พลังวิญญาณเยอะมากเลยกว่าจะผ่านไปแต่ละขั้นได้ ถ้านายเอาผนึกพยัคฆ์ขาวนั่นกับหินวิญญาณระดับสูงนั้นมาได้ ลองคิดดูสิว่านายจะพัฒนาไปได้เร็วขนาดไหน แล้วถ้าพละกำลังของนายพัฒนาขึ้นมาล่ะก็ แค่นายเดินไปมาในสภาพแวดล้อมเร้นลับแห่งนี้ ใครเลยจะกล้ามาสู้นาย”


“แล้วถ้ายิ่งนายได้สมบัติสุดยอดจากสถานที่เร้นลับนี้ไป นายก็จะพุ่งจนฉุดไม่อยู่แน่ อนาคตที่รุ่งเรืองอยู่ในมือแล้วนะตอนนี้ นายควรเรียนรู้ที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้นะ” จู่ ยี่นั้นเก่งเรื่องการชักนำผู้อื่นอยู่แล้ว


หลังจากที่ได้ฟังในสิ่งที่จู่ยี่พูดนั้น ปาเต๋าก็เงียบไป เพราะที่เขาพูดออกมานั้นมันช่างตรงใจเสียเหลือเกินจนเขาชักลังเล


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงกับตู๋ กังจึงแอบพยักหน้าให้กันเมื่อดูแล้วว่าจิตใของปาเต๋าคนนี้ดูจะไม่ดีเสียแล้วเช่นกัน


“ไม่มีทาง” แต่ทว่า ในขณะที่หลิน เฟิงกับจู่ ยี่คิดว่าปาเต๋านั้นจะยินยอม อีกทั้งจู่ ยี่ยังคิดว่าแผนของตนน่าจะสำเร็จแน่ แต่จู่ๆ ปาเต๋าก็จ้องเขม็งมาที่เขา ก่อนที่แววตาแห่งความอิจฉาริษยาจะหายวับไป


จากนั้นปาเต๋าก็ได้พูดขึ้น “แม้สิ่งที่นายพูดจะน่าสนใจแค่ไหน แต่พวกเขาก็ช่วยชีวิตฉันไว้ และนี่ยังช่วยให้ฉันผ่านมาอีกขั้นได้ด้วย ไม่ต่างจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคนที่สองเลย และถึงแม้ฉันจะอยากได้พลัง คนอย่างปาเต๋าก็ไม่มีวันทรยศผู้มีพระคุณหรอก อย่ามาพูดแบบนั้นอีกนะ”


ปาเต๋าจึงขอตัวกลับ แต่จู่ ยี่ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ เขากล่าวต่อไปว่า “ปาเต๋า คิดให้ดี โอกาสนี้มันหายากนะ แล้วถ้าเราทำได้ ชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากเลยนะ”


“ไม่เอาแล้ว นี่ฉันคิดไม่ถึงเลยนะ จู่ ยี่ ว่านายจะเป็นคนแบบนี้หลังจากผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากมายน่ะ”


“พอเถอะ คิดเสียว่าเราไม่เคยเจอกันตรงนี้และฉันก็ไม่ได้ยินแล้วกัน” ปาเต๋าว่าขึ้นก่อจะเดินกลับไป และในขณะเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้พูดขึ้นมาอีกว่า “ฉันขอแนะนำให้นายเลิกล้มความคิดนี้ซะ และถ้าขืนนายยังกล้าทำอีก ฉันจะไม่อยู่ช่วยหรอกนะ” 


หลังจากนั้น ปาเต๋าก็ไม่เดินกลับมาอีก และเมื่อเดินผ่านพวกเขาไป ปาเต๋าก็ไม่เห็นด้วย


 “เกลียดที่สุด นายมันก็คนธรรมดาๆที่มีช่วงตัวแข็งแรงเท่านั้นล่ะ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปบอกเรื่องนี้หรอก เดี๋ยวฉันก็ตายเอาน่ะสิ” ในขณะที่ปาเต๋ากำลังเดินกลับไปอยู่นั่นเอง จู่ ยี่ก็ได้เอ่ยขึ้นอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะคว้าเอามีดเล่มใหญ่ออกมาเพื่อฟันร่างของปาเต๋า


ในตอนนั้นเอง ปาเต๋าหันหลังเดินกลับไปอยู่ จึงไม่รู้ว่าจู่ ยี่กำลังจะเข้าทำร้ายเขา


และเมื่อเขาหันมาเห็น ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว คมดาบเล่มใหญ่กำลังจะตรงเข้าฟันที่ลำคอของปาเต๋าจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เย็นยะเยือกของดาบจู่ ยี่อีกด้วย


โครม!


ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเสียงเหมือนของหนักถล่มลงมา ร่างของจู่ ยี่ชะงักไป แล้วดาบของเขาก็มาจ่ออยู่ที่ลำคอของปาเต๋า เกือบจะฟันได้สำเร็จแล้ว


ในขณะเดียวกัน  จู่ๆชายรูปร่างสูงคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆปาเต๋า ก่อนจะกุมดาบในมือของจู่ ยี่เอาไว้แน่น


จู่ ยี่ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นแบบนั้น


ชายคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตู๋กังนั่นเองที่หยุดคมดาบนั้นด้วยมือเปล่า พร้อมกับจ้องจู่ ยี่ด้วยแววตาดูถูก ก่อนจะพูดขึ้น  “ฮึ่ม นายน่ะมันคนทรยศ จิตใจชั่วร้าย สารเลว ออกไปซะ”


ตู๋ กังเอาเท้าเหยียบไปบนอกจู่ ยี่ ก่อนจะเตะร่างของเขากระเด็นไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ แล้วจะค้างอยู่บนนั้นอยู่นาน


หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็ตกลงมาจากต้นไม้ มานอนกองกับพื้น พร้อมกับกระอักเลือดออกมา แรงที่ตู๋ กังเตะเขาไปนั้นทำเอากระดูกซี่โครงหักไปสองซี่เลยทีเดียว


“นี่แก แก...ได้ไง” จู่ ยี่เอ่ยขึ้นก่อนจะถ่มเลือดออกมา


“รู้ได้ยังไงน่ะหรอ คิดว่าการแสดงของนายจะหลอกตาเราได้งั้นหรือไง ก็เห็นอยู่ตำตาว่าใจข้างในของนายน่ะมันไม่ดีแล้ว” หลิน เฟิงเดินไปที่จู่ ยี่ทีละก้าวก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก


“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง” จู่ ยี่เผลอพูดออกมา


ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็เข้ามาถึงตัวเขา ก่อนจะดึงผมของเขาขึ้นมาพลางกล่าวขึ้น “นายน่ะ มันชั่ว พวกเราช่วยชีวิตนายไว้ แต่กลับคิดจะทำร้ายเราคืนแบบนี้น่ะหรือ”


หลิน เฟิงว่าจบก็จัดการดึงหัวเขาขึ้นมาก่อนจะจับคว่ำลงกับพื้น พลันเลือดก็พวยพุ่งออกมาจากศีรษะของจู่ ยี่ แล้วจากนั้น หลิน เฟิงก็หยิบมีดออกมาเพื่อจะฟันร่างของเขา


“หลิน เฟิง...” ทันใดนั้นเอง ปาเต๋าก็ตะโกนขึ้น 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น