RC:บทที่ 334 ก้าวไปอีกระดับ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 334 ก้าวไปอีกระดับ


ในวันนี้ หลิน เฟิงกับตู๋ กังเองก็เหนื่อยมาก เพราะต้องสู้กันมาตลอด เพราะถ้ามันไม่ถึงแก่ชีวิตล่ะก็ พวกเขาคงไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้


ทันทีที่หลิน เฟิงล้มตัวลงนอน โดยก่อนที่จะหลับนั้น เขาก็เห็นตู๋ กังนั่งบนพื้นข้างๆเขา ร่างทั้งร่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและดูเหมือนกำลังจะก้าวไปอีกขั้นด้วย


แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่รู้ทำไมพลังวิญญาณที่นี่ถึงไม่เข้มข้นเอาเสียเลย ระดับของตู๋กังก็เลยยังไม่ไปไหนแม้จะผ่านมาครึ่งวันแล้วก็ตาม


ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงจึงได้หยิบเอาหินวิญญาณระดับสูงห้าอันออกมา โดยแต่ละอันจะแผ่พลังวิญญาณที่ทรงพลังสุดๆออกมาด้วย และนี่ก็มีแค่ห้าชิ้นด้วย นี่แค่หยิบพวกมันออกมา ก็ทำให้พลังวิญญาณของที่นี่เข้มข้นมากกว่าเดิมแล้ว


ยิ่งไปกว่านั้น พลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ในหินวิญญาณระดับสูงนี่ยังเทียบเท่ากับหินพลังงานระดับต่ำที่บรรจุพลังเป็นหมื่นๆชิ้นอีกด้วย ยิ่งใหญ่อะไรเบอร์นั้น


เมื่อเห็นแบบนี้ ตู๋ กังจึงเร่งการดูดซับพลังวิญญาณจากหินวิญญาณทั้งห้าที่ปล่อยพลังออกมาเข้ามาในร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับวาฬที่กำลังดูดกลืนน้ำ


จู่ ยี่กับปาเต๋ามีท่าทีที่ต่างออกไป 


ปาเต๋ามองสิ่งนั้น ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อสั่งสมพลังบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น หินวิญญาณระดับสูงทั้งห้าก็ส่งพลังวิญญาณออกมามากมายเลย รวมถึงโครงสร้างร่างกายของเขาที่ซึมซับพลังงานเข้ามาได้เองเลย ดังนั้น เขาจึงไม่เสียเวลา


แต่ในขณะเดียวกัน จู่ ยี่กลับแปลกออกไปจากเพื่อน เขาจ้องไปที่หลิน เฟิงด้วยความอิจฉา แต่นี่คือสิ่งที่หลิน เฟิงได้รับ แน่นอนล่ะว่า เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น


หลังจากนั้นเพียงครู่ ในที่สุด ตู๋กังก็ได้ดูดซับพลังวิญญาณจากหินวิญญาณระดับสูงทั้งห้าชิ้น แล้วร่างทั้งร่างของเขาจู่ๆก็ระเบิดพลังออกมา เขาก็จะได้ก้าวไปอีกขั้นในทันที 


จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดระดับของตู๋กังก็ได้ไปถึงระดับ A ขั้นกลางแล้ว


และในตอนนั้นเอง พลังการดูดซับมหาศาลก็ได้แผ่ออกมาจากบริเวณนั้นซึ่งทำเอาทุกคนถึงกับหวาดกลัว


เมื่อหลิน เฟิงหันไปจึงได้เห็นว่าเป็นปาเต๋านั่นเองที่กำลังจะข้ามไปอีกขั้น ปาเต๋าอยู่ในระดับนี้มานานแล้ว และทำอยู่หลายครั้งด้วย และเมื่อคืนก่อน หลิน เฟิงก็ได้เห็นแล้วด้วย


และที่คาดไม่ถึงก็คือ มันได้กลับมาอีกครั้งแล้ว และได้เห็นว่าหินวิญญาณระดับสูงจำนวนห้าชิ้นที่ให้กับตู๋กังไปนั้นกำลังได้รับการดูดซับอยู่ หลิน เฟิงเองก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะก้าวไปยังระดับต่อไปด้วย


เขาเพียงแค่หยิบอีกห้าชิ้นออกมาเท่านั้น


เมื่อจู่ ยี่เห็นภาพตรงหน้า พลันก็เกิดแสงประหลาบวูบนึงขึ้นมาในตาของเขา แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้แต่ซ่อนมันไว้ ปกปิดมันเอาไว้ จนหลิน เฟิงมองไม่เห็น


ปาเต๋าก้าวไปถึงระดับ S จากระดับ A เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นต้องใช้พลังวิญญาณอย่างมากเลยทีเดียว


แล้วของทั้งห้าชิ้นที่หลิน เฟิงนำออกมาก็ได้รับการดูดซับไปในทันที


เมื่อหลิน เฟิงเห็นว่าเขาไปต่อไม่ได้แล้ว หลิน เฟิงจึงนำอีกห้าชิ้นออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ห้าชิ้นสุดท้ายแล้ว ฉันได้มันเป็นสิบกว่าอันเลยจากในถ้ำนั่นน่ะ”


จริงๆแล้ว หลิน เฟิงนั้นได้หินวิญญาณระดับสูงมามากกว่า 1000 ชิ้นเลยทีเดียวจากถ้ำมังกรม่วงนั่นซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มหาศาลเลยทีเดียว


แต่หลิน เฟิงไม่สามารถบอกได้ว่าเอามาเยอะขนาดนั้น ไม่อย่างงั้นล่ะก็ คงไม่ดีแน่ถ้าใครคนอื่นๆมาแอบดูเข้า


จู่ ยี่ที่อยู่ข้างๆเขานั้นเมื่อเห็นว่าหลิน เฟิงหยิบชิ้นส่วนพวกนั้นออกมาสิบห้าชิ้นติดๆกันแบบนั้นแล้ว พลันดวงตาของเขาก็ลุกขึ้น และเมื่อได้ยินในสิ่งที่หลิน เฟิงพูดออกมา เขาก็ชักจะไม่เชื่อเสียแล้ว


แล้วชิ้นส่วนอีกห้าชิ้นก็ถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ปาเต๋าก็ก้าวข้ามไปถึงระดับถัดไปได้โดยการดูดซับพลังงานวิญญาณล้วนๆนั้นในที่สุด แต่เพราะเคยดูดซับพลังวิญญาณเข้ามาเยอะมากโดยไม่ข้ามไปอีกขั้นเลย จึงมั่นใจได้ยากอยู่พอสมควร


ในตอนนี้เอง สาตาของจู่ ยี่ก็จ้องไปที่หลิน เฟิงเขม็ง ราวกับจะดูว่ามีหินวิญญาณระดับสูงชิ้นอื่นๆอีกไหม


สายตาที่จู่ ยี่จ้องมานั้นทำเอาหลิน เฟิงรู้สึกอึดอัด พลางรู้สึกเสียใจที่พาชายคนนี้มาร่วมทางด้วย คิดผิดจริงๆเลยเขาเนี่ย


หลิน เฟิงเองก็เห็นว่าปาเต๋านั้นได้ดูดซับพลังวิญญาณของหินวิญญาณเข้าไปแล้ว จึงไม่หยิบออกมาอีก แต่ถ้าใช้วิธีนี้ล่ะก็ ปาเต๋าก็อาจจะก้าวไปอีกขั้นได้หรือไม่ก็ทำไม่สำเร็จอีกครั้ง


การไปอีกระดับได้หลังจากล้มเหลวมาสองสามครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หลิน เฟิงเคยเห็นปาเต๋าล้มเหลวมาครั้งหนึ่งแล้ว แล้วถ้านี้ล้มเหลวอีก ก็คงต้องพอเท่านี้ไปก่อนด้วยข้อจำกัดของชีวิตที่เหลือของเขา


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็ลังเลไปชั่วครู่ นี่ถ้าเขาขืนหยิบออกมาอีก ก็ไม่เท่ากับว่าที่เขาพูดไปเมื่อครู่เป็นการโกหกหรอกหรือ


แต่พอต่อมา หลิน เฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ผนึกเสือขาวยังไงล่ะ


ผนึกเสือขาวมักจะปล่อยพลังวิญญาณออกมามากกว่าหินวิญญาณอยู่เสมอ และหลิน เฟิงก็รู้ด้วยว่ามันคือกุญแจ และไม่สามารถเอากลับคืนได้  และดูท่าจะใช้การต่อไม่ได้ด้วยหลังจากเปิดสุดยอดสมบัติแล้ว


ดังนั้น หลิน เฟิงจึงไม่ลังเลที่จะปลดปล่อยผนึกนั้นออกมาจากตรงระหว่างคิ้ว และทันทีที่ผนึกพยัคฆ์ขาวปรากฏขึ้น จู่ๆก็มีแสงสีขาวส่องประกายออกมา พลังวิญญาณที่มหาศาลและแข็งแกร่งพวยพุ่งออกมาจากผนึกนั้นซึ่งแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพลังวิญญาณ 15 ชิ้นก่อนหน้านี้เสียอีก


แม้หลิน เฟิงยังยังรู้สึกได้เลยว่ารูขุมขนของเขาขยาย แถมดวงตายังเบิกกว้างเพราะช็อค การก้าวไปอีกขั้นของเขาเกือบจะถูกขัดขวางอยู่แล้วเชียว


“จงมีสติเข้าไว้ ดูดซับพลังงานเข้ามาเพื่อก้าวไปอีกขั้นทีเดียวเลย” เสียงของหลิน เฟิงดังขึ้นข้างหูของปาเต๋า


ดังนั้น ปาเต๋าจึงตั้งใจ มีสมาธิก่อนจะดูดซับพลังวิญญาณที่น่ากลัวและมีมหาศาลนั่น


เขาเห็นว่าร่างกายของปาเต๋าเหมือนกับหลุมดำที่ไม่มีสิ้นสุด ก่อนจะกลืนกินพลังของผนึกเสือขาวเข้าไป


จู่ ยี่ที่อยู่ใกล้ๆเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขาไม่พูดอะไร  แต่หันไปมองหลิน เฟิงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มากขึ้นทุกที และดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในใจด้วย


“นายมองอะไรของนายน่ะ” เมื่อหลิน เฟิงหันไปมอง เขาจึงเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ


“เปล่า ไม่มีอะไร” จู่ ยี่เห็นหลิน เฟิงหันมามองก่อนจะถามขึ้น เขาจึงรีบก้มหัวลงพลางไม่รู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่


ปาเต๋าดูดซับพลังวิญญาณเข้ามาซึ่งจะอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง แล้วทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากปาเต๋า และเขาเองก็ไม่รู้ว่ามาจากตรงไหนด้วย เขาเห็นแค่ว่าร่างทั้งร่างของปาเต๋านั้นเกร็งช็อก ก่อนจะล้มขดลงไปในรัศมีหนึ่งเมตรของร่างกายเขา แล้วก็เกิดเสียงดังกร๊อบ


“น่ากลัวจังเลย” เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงก็ว่าขึ้นในใจ


ในตอนนั้นเอง ลมหายใจอันแข็งแกร่งจากร่างของปาเต๋าที่ทำเอาหลิน เฟิงรู้สึกว่ามันไม่ด้อยไปกว่าผู้นำของตระกูลทั้งสิบเอาเสียเลย เห็นได้ชัดแล้วว่าปาเต๋านั้นได้ไปถึงระดับ S เรียบร้อยแล้ว


แรงส่งของระดับ S อันทรงพลังนั้นค่อนข้างโดดเด่นในบรรดาทั้งสี่คน และในตอนนี้ก็เห็นได้เลยว่าปาเต๋านั้นมีพลังแค่ไหน


“ทำไมผู้ฝึกตนถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้นะ” ตู๋กังเอ่ยถามพลางขยิบตา


หลิน เฟิงมองไปที่ตู๋ กัง แล้วมองไปที่ปาเต๋า “ไม่น่าจะนะ น่าจะเกี่ยวกับร่างกายของปาเต๋ามากกว่า ร่างกายที่แสนพิเศษของเขาน่ะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจิตวิญญาณได้ดีกว่าสัตว์วิญญาณเสียอีก ดังนั้นเขาจึงสามารถสั่งสมมาถึงระดับนี้ได้แม้จะมีอายุเท่านี้ยังไงล่ะ”


“ไม่อย่างงั้น ก็พลังเล่นเยอะซะขนาดนี้ แต่ว่าปัญหาก็คือการเก็บสะสมพลังยังไงล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น พลังวิญญาณในยุคนี้น่ะมันบางเบาเอามากๆ บางทีแค่แป๊บๆ ลมหายใจแห่งจิตวิญญาณของสวรรค์และผืนดินก็หมดแล้ว” หลิน เฟิงคิดพลางพูดออกมา


พลังวิญญาณในยุคนี้นั้นต่างกับพลังวิญญาณในสมัยโบราณ เพราะถึงจะใช้ไป พลังก็เกิดใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นยุคนี้ล่ะก็ถถึงใช้ไป พลังก็กลับคืนมาใหม่ไม่ได้เลย แถมยังเปลี่ยนไปไม่มากอีกด้วย


“ฮู่ ขอบใจนะ หลิน เฟิง ในภายภาคหน้า ถ้านายใช้พลังได้เหมือนฉันล่ะก็ บอกด้วยนะ” ในตอนนั้นเอง ปาเต๋าก็ลุกขึ้นก่อนจะก้มหัวให้กับหลิน เฟิง


“ไม่เป็นไร ก็เราอยู่ด้วยกันนี่ ก็ต้องช่วยเหลือกันสิ เอาล่ะ มืดมากแล้ว พักผ่อนแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ดีกว่า...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น