RC:บทที่ 333 ร่างปริศนา
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงฝั่งตะวันตกของภูเขาพยัคฆ์ขาวนั้นเป็นแบบเดียวกับที่ภูเขามังกรเขียวทางตะวันออก ภูเขาหงส์แดงทางตอนใต้ และภูเขาเต่าดำที่อยู่ทางเหนือก็เช่นกัน
ทางตะวันออกนั้น ผู้คนที่ใส่ชุดสีต่างกันต่างล้อมร่างเงาเสมือนจริงของมังกรเขียวเอาไว้ในถ้ำของมันที่อยู่ในภูเขามังกรเขียว โดยหลังจากฆ่าร่างเงาเสมือนจริงนี้เรียบร้อยแล้วนั้น พวกเขาก็ได้นำผนึกมังกรเขียวไปด้วย จนในที่สุดทั้งสองตระกูลต่างก็ต้องมาแย่งชิงกัน
ท้ายที่สุด หนึ่งในตระกูลทั้งสองก็สามารถคว้าเอาผนึกมังกรเขียวนี้ไปได้ แต่ก่อนที่จะออกจากภูเขามักรเขียว พวกเขากลับถูกอีกตระกูลหนึ่งลอบโจมตีก่อนจะชิงเอาผนึกนั้นไป
ส่วนทางตอนเหนือนั้น องค์กรมืดสาขาหลักต่างก็มารวมตัวกันเพื่อที่จะเข้าจู่โจมภูเขาเต่าดำ
พวกเขาร่วมกันฆ่าเต่าดำตัวนั้นก่อนจะนำผนึกของเต่าดำจากในถ้ำของมันออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้สู้เพื่อแย่งชิงมาเหมือนกับตระกูลหลักทั้งสิบนั่น
ในที่สุด ที่ภูเขาหงส์แดงทางตอนใต้นั้น ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในชุดเครื่องแบบต่างสู้กับหงส์แดงที่ออกมาจากถ้ำ ผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นที่สวมชุดคลุมยืนเด่นอยู่กลางอากาศ ก่อนจะจ้องไปที่นกสีแดงตัวใหญ่นั่น
ในเวลานี้ ทางตอนใต้ นกตัวดังกล่าวที่เป็นถึงผู้พิทักษ์ทั้งสี่ เมื่อมันเห็นเด็กสาวตรงหน้า มันก็ถึงกับประหลาดใจ ก่อนที่ดวงตาจะเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เพราะลมหายใจของผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นช่างชวนให้สะพรึงกลัวเสียเหลือเกิน
นี่ถ้ายังอยู่ในสมัยที่มันมีพลังเต็มขั้นล่ะก็ มันคงไม่นึกกลัวเลย แต่ทว่าในเวลานี้ มันเป็นแค่ดวงจิตส่วนหนึ่ง แล้วจะให้มันไปต่อกรกับศัตรูอย่างผู้หญิงตรงหน้านี้ได้ยังไง
“ไม่มีวันเสียล่ะ แล้วนี่ทำไมเจ้าถึงได้ระดับ A ทั้งๆที่อายุแค่นี้กัน” บนท้องฟ้านั้น นกสีแดงทางตอนใต้บินโฉบไปมาในอากาศ ดวงไฟลามเลียไปทั่วทั้งร่างเหมือนกับพลังที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งบนโลกใบนี้
แต่ทว่าครั้งนี้ หงส์แดงได้จ้องไปที่หญิงสาวคนดังกล่าวที่น่าจะมีอายุยี่สิบต้นๆได้ อีกทั้งยังความสามารถไปได้ถึงขั้นนี้เลย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ แม้แต่ในยุคโบราณ คนที่จะมีพลังได้ขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่วัยเท่านี้ด้วยซ้ำ
ดวงตาของเด็กสาวตรงหน้าจับจ้องมาที่นกเพลิงตัวใหญ่นั่น ก่อนที่สายตาอันเย็นยะเยือกจะฉายวับขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “ฆ่ามัน”
ในมือของเธอถือดาบเล่มบางเฉียบสะท้อนแสงแปลบปลาบพลางแกว่งไปมาอย่างนุ่มนวลไปที่หงส์แดงตัวดังกล่าว แล้วทันใดนั้น คมดาบก็เฉือนลงมา หงส์แดงไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งซ่อนตัว จึงถูกสังหารในที่สุด ก่อนที่ร่างของมันจะกลายเป็นแสงสว่างริบหรี่ แล้วหายไปในถ้ำ
หญิงสาวที่สวมชุดคลุมนั้นลอยออกมานอกถ้ำของหงส์แดง ในขณะที่เด็กสาวคนอื่นๆก็ตามมาด้วย
ทั้งมังกรเขียวทางตะวันออก เสือขาวจากตะวันตก หงส์แดงจากทิศใต้และเต่าดำจากทิศเหนือ ในตอนนี้ ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ถูกฆ่าเรียบร้อยแล้ว แถมกุญแจทั้งสี่ดอกที่จะใช้เปิดสุดยอดสมบัติก็ถูกทุกคนคว้าเอาไปได้แล้วด้วย
ในขณะที่คนทุกคนออกมาจากภูเขาทั้งสี่นั้นได้ไม่นาน ร่างที่ถูกฟันจนตายพวกนั้นจู่ๆก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมกับแสงเล็กๆมารวมตัวกันก่อนจะกลายเป็นร่างแยกส่วนของผู้พิทักษ์ทั้งสี่อีกครั้ง
มังกรเขียว หงส์แดง พยัคฆ์ขาวและเต่าดำที่เพิ่งจะถูกสังหารได้กลับมาปรากฏตัวที่ถ้ำเดิม ด้วยรูปร่างปกติแล้วในตอนนี้ และสิ่งที่น่าประหลาดใจขึ้นไปอีกก็คือถ้ำทั้งสี่ที่ต่างทิศและต่างที่ตั้งต่างก็เผยให้เห็นถึงร่างๆหนึ่งในเวลาเดียวกัน
ทั้งสี่ตัวนี้มีรูปร่างเหมือนถั่วเล็กๆสองต้น ที่สร้างจากพลังจิต และถ้าดูให้ดี ก็จะเห็นว่าร่างทั้งสี่นั้นมีลักษณะเหมือนกัน
การที่คนๆเดียวกันจะปรากฏขึ้นมาในทิศทางที่ต่างกันแถมยังในเวลาเดียวกันด้วยนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
“ครั้งนี้ ข้าได้พบกับคนที่น่าสนใจสองคน ผู้หญิงคนนั้นยังเยาว์นัก อายุก็ยี่สิบต้นๆได้ แต่ทว่าความสามารถของเธอช่างร้ายกาจนัก แล้วอีกอย่าง ข้าคิดว่าเธอคงไม่มีชีวิตได้อยู่ยาวนานนัก เพราะพละกำลังที่เธอได้มาน่าจะกินพลังชีวิตเธอไปเยอะเลย” ในถ้ำของหงส์แดง ชายคนนั้นก็ได้กล่าวกับหงส์แดงตัวดังกล่าว
“เรื่องที่ลมหายใจของเธอจะอ่อนแรงกว่าคนอื่นๆก็น่าจะจริง เพราะเธอต้องใช้พลังนั่นเพื่อมาถึงระดับนี้ ชีวิตของเธอก็จะหดลงไปอย่างรวดเร็วเลย” หงส์แดงมองไปยังทางข้างหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อืม แม้เธอคนนี้จะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ยังไงก็ไม่มีผลกับแผนของเราหรอก” ร่างนั้นว่าขึ้น
“นายท่าน ที่บอกว่ามีคนน่าสนใจถึงสองคนน่ะ แล้วอีกคนหนึ่งล่ะขอรับ” นกสีแดงตัวนั้นเอ่ยถาม
ถ้าเราปล่อยให้ใครมาได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็ต้องตกใจแน่ เพราะหงส์แดงที่เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของที่นี่นั้นนับถือว่าชายคนนี้คือคนสำคัญ เจ้าจะต้องรู้ว่าผู้พิทักษ์ทั้งสี่เป็นอย่างไรในยุครุ่งเรือง
ร่างนั้นยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “เป็นเด็กหนุ่มท่าทางแปลกๆที่ขโมยผนึกพยัคฆ์ขาวจากในถ้ำนั้นไป และดูเหมือนว่าเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะมีอะไรบางอย่างที่ตัดลมหายใจของข้าได้ด้วย เลยจัดการเขาไม่ได้เลย...”
เมื่อหลิน เฟิงตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าร่างกายตนเองมีการเปลี่ยนแปลงไป รู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
หลิน เฟิงรู้สึกขี้เกียจแล้วก็อารมณ์เสียในคราวเดียวกัน เขากำลังจะออกไปแล้วเข้าไปดูในถ้ำนั้น แต่ทว่า หลิน เฟิงก็ยืนอยู่แบบนั้นในขณะที่ทั้งสามคนก็ตื่นแล้วเช่นเดียวกัน
ทุกคนนอนหลับอย่างสบายใจ ถึงแม้ว่าถ้ำจะไม่ได้ใหญ่นัก แต่สภาพแวดล้อมนั้นกลับดีเอามากๆ เวลาหลับก็ทั้งสบายและอบอุ่น ทั้งสามคนหลับได้ยาวๆเลย
หลังจากตื่นขึ้นมา หลิน เฟิงก็พาพวกเขาเดินทางต่ออย่างไร้จุดหมายและให้ความรู้สึกนำทางไป
ในขณะที่สามคนตามหลิน เฟิงมานั้น แต่มีแค่หลิน เฟิงที่รู้สึกแปลกๆราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังเรียกเขาอยู่ ในทีแรก หลิน เฟิงก็ไม่รู้หรอกว่าเสียงเรียกนั้นมาจากที่ไหน แต่ในขณะที่เดินไปรอบๆบริเวณนั้น เขาก็ได้รู้ที่มาของเสียงเรียกนี้ในที่สุดว่ามันมาจากผนึกเสือขาวที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วของเขานั่นเอง
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้เข้าไปใกล้ภูเขาเสือขาวทางทิศตะวันตกแล้ว โดยหลังจากที่หลิน เฟิงนำผนึกเสือขาวออกมา เขาก็รู้เลยว่าเสียงเรียกนั้นมาจากที่ไหน และเป็นทิศทางที่พวกเขาอยู่ตรงทิศตะวันออก
เมื่อเห็นแบบนี้ หลิน เฟิงจึงพาทั้งสามคนเดินไปยังทิศตะวันออกอย่างช้าๆ
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับหลิน เฟิงนั้นก็คือว่าในตอนนี้ ผู้คนที่ได้ผนึกเต่าดำทางตอนเหนือก็กำลังมุ่งหน้าลงทางใต้ ส่วนคนที่ได้ผนึกมังกรเขียวไปก็กำลังไปทางทิศตะวันตก ส่วนคนที่ได้ผนึกหงส์แดงทางตอนใต้ไปก็กำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ
ทิศทางที่คนพวกนี้มุ่งหน้าไปดูจะต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทว่ามีจุดหมายเดียวกันนั่นก็คือ ใจกลางหุบเขาทั้งสี่
คนทุกคนที่ได้กุญแจเพื่อไขสมบัติดังกล่าวก็ได้รับการเชิญให้มาที่ใจกลางหุบเขาทั้งสี่นี้
ซึ่งนี่เป็นสถานที่เร้นลับขนาดใหญ่ ขนาดเดินเป็นครึ่งวันแล้ว หลิน เฟิงก็ยังไม่เจอจุดหมายปลายทางเลย
แต่อย่างไรก็ตาม ตามทาง เขาก็ได้พบของดีๆรวมถึงพวกสัตว์วิญญาณจอมเจ้าเล่ห์ และโชคดีที่ทั้งสี่คนลงมือฆ่าไม่ก็หนีมาได้ เลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บกันเลย
เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว นี่ก็เย็นแล้วด้วย
ในคืนนั้นเอง พวกเขาต่างไม่เจอถ้ำเลย เพราะที่แถวๆนั้นล้วนเป็นที่ราบ มีเพียงพุ่มหญ้าหรืออะไรทำนองนั้น แต่ไม่เห็นภูเขาสักลูกเลย
ดูเหมือนว่าสถานที่เร้นลับแห่งนี้จะไม่มีภูเขาใดใหญ่ไปกว่านี้แล้วด้วย ยกเว้นก็แต่ภูเขาทั้งสี่ ซึ่งสะกดปีศาจที่ชั่วร้ายไว้ และถึงแม้ว่าจะมี ดีสุดก็เป็นเป็นได้แค่เนินเขาเท่านั้นเอง
ทั้งสี่คนเจอเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีพืชพรรณขึ้นไปทั่วบริเวณและพืชพรรณอื่นๆตามบริเวณข้างล่างอีกด้วย แล้วจากนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนพื้นเพื่อพักผ่อน
0 ความคิดเห็น