RC:บทที่ 332 ความอลหม่าน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 332 ความอลหม่าน


เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็ถึงกับอึ้งไป ไหนจะข้างหลังที่ตามเขามาอีก แล้วนี่ข้างหน้ายังมีการต่อสู้กันอีก


ในตอนนี้เอง มังกรดำก็ได้บินออกมาจากระหว่างคิ้วของหลิน เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้น “นายท่าน ขึ้นมาขอรับ”


หลิน เฟิงกระโดดขึ้นไปบนหลังมังกรดำโดยไม่เอ่ยอะไรซักคำ แล้วจากนั้นมันก็ส่งเสียงคำราม ก่อนจะจัดการแหวกช่องอากาศแล้วแทรกตัวเข้าไปในนั้น


ภายในถ้ำนั้น ทั้งคนจากตระกูลฮวงฝูและตระกูลตงฟางต่างก็รีบมาที่ชั้นแรกแล้ว พวกเขาในตอนนี้ดูดุดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำแถวหน้าอย่างฮวงฝู เทียนหนานและตงฟาง เชาหยางด้วยแล้ว


ไม่มีทาง ไม่ว่ามันจะเป็นใคร แต่การทำให้พวกเขาอับอายแบบนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เจ้านั่นกล้ามาหลอกลวงคนอัจฉริยะแห่งตระกูลแถมยังเอาผนึกพยัคฆ์ขาวที่พวกเขาอุตส่าห์พยายามไปเอามาต่อหน้าต่อตาอีก


ในตอนนี้ กลุ่มคนดังกล่าวก็ได้มาถึงชั้นหนึ่ง ก่อนจะรีบออกไปอย่างไม่ลังเล


แต่พอออกมา สิ่งที่พวกเขาเจอคือการโจมตีนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามา โดยมีเป้าหมายคือคนจากตระกูลตงฟางและตระกูลฮวงฝูที่เพิ่งจะรีบออกกันมานั่นเอง


“เฮ้ย ใครน่ะ เกิดอะไรขึ้น” ตงฟาง เชาหยางกับฮวงฝู เทียนหนานได้แต่ยืนงงอยู่ตรงปากถ้ำ


เมื่อต้องประจันหน้ากับการโจมตีมากมายแบบนี้ พวกเขาจึงต้องเข้าสู้ แต่ทว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นฉุกละหุกเกินตั้งรับ อีกทั้งยังทรงพลังเอามากๆ พวกเขาที่เพิ่งออกมาเลยไม่ทันจะได้ป้องกันตัว


จนกระทั่งคนตายไปถึงหนึ่งในสามเลยทีเดียว


“กลับมา ถอยๆ” ในตอนนั้นเอง ฮวงฝูก็ตะโกนขึ้น 


 “กลับเข้าไปในถ้ำ เร็ว” ตงฟาง เชาหยางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขารีบออกคำสั่งกับสมาชิกในตระกูลอย่างหวัง ชานตงให้ถอยไป


หลังจากนั้นเพียงครู่ คนเก่งประจำตระกูลตงฟางกับฮวงฝูนั้นก็ได้ถอยกลับไปในถ้ำเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะสู้


“ใครอยู่ข้างนอกน่ะ กล้าลอบทำร้ายตระกูลฮวงฝูของฉันกับตระกูลตงฟางแบบนี้ได้ยังไง” ฮวงฝู เทียนหนานว่าเสียงลั่น


“เฮ้ยๆๆ ฮวงฝู เทียนหนานกับตงฟาง เชาหยางปลอดภัยดี นี่คาดไม่ถึงเลยนะว่าจะเป็นพวกนาย” ในตอนนั้นเอง เสียงห้าวๆก็ได้ดังขึ้นมา


จนกระทั่งต่อมา ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงได้ออกมา


คนหนึ่งใส่ชุดคลุมสีดำที่มีลวดลายพิเศษปักอยู่บนนั้น มีรูปร่างสูง พลางกอดอกและจ้องมาที่พวกเขายิ้มๆ ส่วนอีกคนส่วนชุดคลุมสีน้ำเงินที่มีลวดลายแปลกๆ และดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์เฉพาะ


“ซือหม่า ยี่ชาง ซวนหยวน ยู่หลง นี่เราไม่ใช่ศัตรูกัน แล้วมาโจมตีพวกเราทำไมกัน” ฮวงฝู เทียนหนานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก


ในตอนนี้เอง คนที่ยืนต่อหน้าฮวงฝู เทียนหนานกับตงฟาง เชาหยางนั้นก็คือตระกูลซือหม่ากับตระกูลซวนหยวนนั่นเอง โดยทั้งสองถือว่าเป็นตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเลยทีเดียว พละกำลังของพวกเขาเกินกว่าที่จะประเมินได้


“ฮ่าๆ นี่นายสองคนไม่รู้เรื่องเลยงั้นหรือ นี่ไม่รู้เลยหรือว่าที่นี่มันที่ไหน ที่นี่ก็คือภูเขาพยัคฆ์ขาว ถ้ำพยัคฆ์ขาวนี่ไง แล้วทำไมถึงคิดว่าเรามาทำร้ายพวกนายล่ะ” ซือหม่า ยี่ชางเอ่ยขึ้นยิ้มๆ


“นี่พวกนาย ที่พวกนายมานี่ก็เพราะเรื่องผนึกพยัคฆ์ขาวสินะ งั้นนายได้ส่งคนนั้นมาหรือเปล่า” ฮวงฝู เทียนหนานไม่ใช่คนโง่ เขารู้ทันในทันที


 “นี่ ทั้งตระกูลซือหม่ากับตระกูลซวนหยวนน่ะ ล้วนแต่เป็นคนที่ซับซ้อนเอาการ ไม่ใช่แค่ส่งคนมาแทรกซึมเราเท่านั้นนะ แต่ยังส่งคนมาทำร้ายถึงข้างนอกอีก แผนสูงจริงนะ” ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เชาหยางก็ได้ยืนขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมา


“หา ว่าไงนะ นี่นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย ฉันไม่เห็นเข้าเลย เอางี้ ถ้าฉันเห็นผนึกพยัคฆ์ขาวเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันเอาให้แล้วกัน” ซวนหยวน ยู่หลงกล่าว


“อะไรนะ นี่ไม่ใช่ว่าพวกนายเอามันไปแล้วหรอ” ฮวงฝูเอ่ยถามอย่างโกรธๆ


“อะไร นี่เราเพิ่งมาถึงเอง จะเอาเวลาไหนเข้าไปเอาล่ะ” ซือหม่า ยี่ชางว่าขึ้นบ้าง


“นี่ อย่ามัวแต่พูดกันอยู่เลย เข้าไปจัดการกันได้แล้ว” ในตอนนั้นเอง ซวนหยวน ยู่หลงก็ได้ก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในมือถือดาบเล่มใหญ่สีดำเหลือบขาว


“รอก่อน คือพวกเรา...” ในขณะที่ฮวงฝู เทียนหนานอยากจะพูดในสิ่งที่เขาเข้าใจมา แต่ทว่าประกายจากคมดาบก็ส่องปราดมาที่หน้าเขา


ทันใดนั้นเอง เขาจึงจำต้องสู้ด้วยอารามรีบร้อน ส่วนซือหม่า ยี่ชางก็อีกคน เขาโถมอาวุธเข้าไปหาตงฟาง เชาหยาง ทั้งสี่ตระกูลในตอนนี้จึงหันมาสู้กันเองเสียแล้ว


ทุกอย่างต่างชุลมุนไปหมด โดยคนจากตระกูลตงฟางกับตระกูลฮวงฝูเองต่างย่ำแย่เอาการ เพราะต่างคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการสู้กับเสือขาวมาก่อนหน้านี้ และเพิ่งจะถูกฆ่ารวมถึงได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบโจมตีเมื่อครู่อีก ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่เหมาะที่จะสู้กับใครได้เลยในตอนนี้


ห่างไปหลายร้อยเมตร ร่างของหลิน เฟิงกับมังกรดำก็ได้แหวกช่องว่างก่อนจะบินออกมา


ทันทีที่หลิน เฟิงออกมา เขาก็ได้ยินเสียงต่อสู้ที่อยู่ข้างหลัง เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็อยากจะออกไปในทันที แต่ถึงกระนั้นก็ยังลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปมอง


เขาไม่รู้ว่าคืออะไร แต่มันช่างน่ากลัวเสียจริง มีร่างของผู้คนที่ใส่ชุดสี่แบบอยู่ที่นั่น เขาไม่รู้เลยว่าตระกูลไหนที่ใส่ชุดดำสลับน้ำเงินนั่น แต่ที่เขารู้จักก็แค่คนจากตระกูลตงฟางกับฮวงฝู


ในตอนนั้นเอง คนจากตระกูลฮวงฝูกับตระกูลตงฟางถูกฆ่าและได้รับบาดเจ็บกันไปมากกว่าครึ่งแล้ว


หลิน เฟิงจึงขี่มังกรดำก่อนจะหายตัวไปในความมืด จนเมื่อเขากลับมาถึงถ้ำเล็กๆถ้ำเดิมที่พวกเขาอยู่กัน ทั้งสามคนก็กำลังนอนหลับอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร


หลิน เฟิงไม่ปลุกให้พวกนั้นตื่น ก่อนจะไปที่ด้านๆหนึ่งและหยิบเอาสิ่งๆนั้นที่เขาขโมยมาจากหุบเขาพยัคฆ์ขาวออกมาเงียบๆ


หลิน เฟิงที่ตอนนี้อยู่ในถ้ำมืดก็ได้คว้าสิ่งๆนั้นออกมา แล้วจู่ๆ ทั่วทั้งถ้ำก็สว่างสดใสราวกับเวลากลางวัน


สิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ก็คือเหรียญโบราณสีขาวพร้อมกับมีหัวของพยัคฆ์ขาวสลักไว้บนนั้น และดูเหมือนว่ามันจะเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแห่งการฆ่าฟัน


และในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะเอามันเก็บกลับเข้าไปอยู่นั้นเอง ดวงตาทั้งสองข้างบนหัวเสือขาวจู่ๆก็เรืองแสงสีแดงขึ้นมา ก่อนจะจัดการกลืนกินพลังและเลือดศักดิ์สิทธิ์ของหลิน เฟิงในทันที


การดื่มเลือดและสูบพลังวิญญาณอย่างตะกละตะกลามและป่าเถื่อนนี่สร้างความตกใจให้กับหลิน เฟิงเป็นอย่างมาก เขารีบขว้างเหรียญนั่นออกไปในทันที แต่ทว่าดูเหมือนเหรียญนั่นจะติดแน่นกับมือเขาจนปาออกไปไม่ได้ และในตอนนั้นเอง มือถือของหลิน เฟิงในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา และฉับพลันนั้นเอง ร่างกายของหลิน เฟิงก็ได้ปลดปล่อยลมหายใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมาซึ่งเป็นการตัดพลังของผนึกเสือขาวนั่นออกไปในทันที


ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้ามาในมือของหลิน เฟิง ทำเอาเขากระโดดเหย็ง ก่อนจะปาดเหงื่อและถอนหายใจออกมา


“หยึย ร้ายกาจจริงๆ”


ในตอนนี้ เหรียญสีขาวนั่นก็ไม่ส่องประกายอีกแล้ว แต่ยังคงปลดปล่อยพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่เข้มข้นมากออกมาแทน


หลิน เฟิงเองก็พร้อมแล้วที่จะเอามันใส่เข้าไปในแหวน ก่อนจะไปพักผ่อน


และในตอนนี้เองที่มังกรดำเสนอให้ใส่เหรียญเสือขาวเข้าไปในช่องเก็บสัตว์คู่ใจ


เพราะเหรียญดังกล่าวนั้นปลดปล่อยพลังที่ไร้ขีดจำกัดออกมานั่นเองซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์แก่การสั่งสมพลังของสัตว์วิญญาณเป็นอย่างมาก


เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดได้ มังกรดำนั้นมีพลังที่แข็งแกร่ง ส่วนเหรียญในตอนนี้ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแล้วด้วย เขาจึงตกลงในทันที


และพอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกอย่างก็จะเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น