RC:บทที่ 331 ช่วงชิงผนึกพยัคฆ์ขาว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่  331 ช่วงชิงผนึกพยัคฆ์ขาว


ในตอนนี้ เมื่อหลิน เฟิงกำลังให้ความสนใจกับผนึกพยัคฆ์ขาวและอยากดูว่าตนจะคว้ามันมาท่ามกลางปากเหยี่ยวปากกานี้ได้หรือไม่


ในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดต่างก็มาถึงชั้นเก้า ในขณะที่เสือขาวเองก็อยู่ชั้นเก้า พวกเขาจำเป็นที่จะต้องขึ้นไปที่ชั้นนั้นเพื่อเอามันมา


แต่ถ้าหลิน เฟิงทะเล่อทะล่าขึ้นไปเองตอนนี้ล่ะก็ เขาจะต้องตกเป็นเป้าสายตาแน่และอาจตายคาที่ได้ และเขาก็ไม่อยากถูกคนพวกนั้นสอยจนสะบักสะบอมเอาหรอกนะ


เขาเลยต้องรอ รอเวลา และถ้าเขาลงมือได้ เขาก็คงทำไปแล้ว แต่นี่เขาไม่สามารถออกตัวได้ เขาเลยทำได้แค่ทำตัวลีบๆหลบมุมอยู่แบบนั้น เพราะถ้าไม่งั้น งานเข้าเขาชุดใหญ่แน่


“พี่เทียนหนานครับ ในเมื่อเราจัดการชั้นเก้าเรียบร้อยแบบนี้แล้ว ก็ไปชั้นสิบกันเถอะครับ” ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เชาหยาวก็ได้เงยหน้ามองไปที่ทางเข้าชั้นสิบก่อนจะกล่าวขึ้น


“ใช่ นั่นล่ะที่ตั้งใจไว้” ฮวงฝูตอบกลับไปด้วยท่าทางและใบหน้าที่ดูตื่นเต้น


ภายใต้การนำของคนสองคน ผู้คนในกลุ่มพวกเขาต่างก็เดินตามกันไปด้วยความตื่นเต้น หลิน เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามไปด้วย เพราะเขาต้องการเห็นว่าผนึกพยัคฆ์ขาวที่เขาเรียกๆกันนั้นคืออะไรนั่นเอง


ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงที่ชั้น 10  ใกล้ๆกับประตูทางเข้านั้น หลิน เฟิงสัมผัสได้ถึงออร่ามหาศาลและเข้มข้นของชั้น 10 นี้


พลังวิญญาณที่แสนรุนแรงนี้นั้นแกร่งมากกว่าพลังที่อยู่ด้านนอกเป็นสามเท่า หลิน เฟิงยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งที่แทรกซึมเข้าไปในร่างโดยไม่ได้ตั้งใจเลย


“พลังเข้มข้นอะไรแบบนี้เนี่ย” พลันหนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็ว่าขึ้น


“ใช่ๆ นี่ถ้าฝึกในสภาพแวดล้อมทุกๆวันแบบนี้นะ ก็สามารถดูดซับพลังวิญญาณเพื่อปรับปรุงพละกำลังของเราได้โดยไม่ต้องพึ่งสัตว์วิญญาณเลยล่ะ” อีกคนว่าขึ้น


หลังจากที่เข้ามาแล้วนั้น สิ่งแรกที่ทำให้หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจก็คือพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ช่วงเวลาต่อมากลับมีสิ่งอื่นที่ทำให้เขาสนใจมากกว่า


สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น เป็นแสงระยิบระยับส่องประกายออกมา แถมยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร


ตรงหน้าของพวกเขามีแท่นหินขนาดใหญ่วางอยู่ แสงสีขาวส่งออกมาจากแท่นหินดังกล่าว


“เดี๋ยวพวกนายรอที่นี่ ไม่ต้องมาใกล้ล่ะ เผื่อมีอันตราย” ในขณะที่หลายคนกำลังเดินไปด้วยท่าทีมุ่งมั่นที่จะได้เห็นผนึกนั่นนั้น ฮวงฝู เทียนหนานก็ได้เอ่ยขึ้นในทันที


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจในทันที ดูคำพูดที่พูดออกมาเสียงดังนั่นสิ ที่บอกให้หลบไปเผื่อเจออันตรายน่ะ เห็นได้ชัดว่าเขาน่ะกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไปต่างหากเล่า


แต่อย่างไรก็ตาม แม้หลิน เฟิงจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ต้องหยุดไปด้วย เพราะไม่ต้องการตกเป็นเป้าโจมตีจากใคร


แล้วนี่จะให้หลิน เฟิงล้มเลิกเรื่องผนึกเสือขาวนั่นน่ะหรือ เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็ได้มาที่นี่แล้ว จะไม่น่าสมเพชไปหน่อยหรือถ้าพวกเขาไม่ได้ของสักชิ้นกลับไปเลยน่ะ


และหลิน เฟิงยังสัมผัสได้อีกว่าพลังวิญญาณมหาศาลและแข็งแกร่งนั้นดูเหมือนจะมาจากแท่นหินที่อยู่ตรงหน้าเขา อีกทั้งยังเปล่งแสงสีขาวออกมาด้วย


“พี่เชาหยาง ไปกันเถอะครับ” ฮวงฝูกล่าวขึ้นกับเชาหยาง


“เยี่ยม” ตงฟาง เชาหยางก็ไม่ได้อยากให้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาตอบกลับไป ก่อนจะหันไปหาสมาชิกตระกูลตนที่ยืนอยู่ข้างหลังพลางว่าขึ้น “พวกนายเองก็รอเสียที่นี่ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าใกล้ล่ะ”


จากนั้น ตงฟาง เชาหยาง กับฮวงฝู เทียนหนานก็เดินไปข้างหน้ากันอย่างช้าๆด้วยความตื่นเต้นเพื่อไปเอาผนึกพยัคฆ์ขาวนั่น และยิ่งนึกถึงสมบัติที่มีนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างหลังนั้นแล้ว พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่


ทั้งสองคนก้าวไปข้างหน้าด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า และไม่รู้ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นดีหรือกลัวอันตรายที่มาดี


เมื่อเห็นภาพที่พวกนั้นเดินไปอย่างช้าๆแล้วนั้นก็ทำให้หลิน เฟิงฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปก่อนจะว่าขึ้น “นี่ถ้าพวกนั้นได้ผนึกพยัคฆ์ขาวไปล่ะก็ การไปเอาของนั่นมาก็ยิ่งยากกว่าเดิมสิวะเนี่ย” 


ในตอนนั้นเองที่หลิน เฟิงเกิดความคิดห่ามๆขึ้นมา เขาถอยออกไปทีละก้าวจนไปถึงทางออกตรงชั้น 10  แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น


ในขณะที่หลิน เฟิงไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้วนั้น คนพวกนั้นก็ต่างไปออกันอยู่ที่แท่นหินนั่นแล้วในตอนนี้ จึงไม่มีใครเห็นว่าหลิน เฟิงทำอะไรอยู่


และตอนนั้นเอง ตงฟางเชาหยางและฮวงฝู เทียนหนานก็ไปได้ครึ่งทางแล้ว ใกล้จะถึงแท่นหินนั้นเต็มที


จึงไม่มีใครสังเกตเลยว่าลมหายใจของหลิน เฟิงนั้นขาดช่วงลงเล็กน้อย เนื่องด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ และใบหน้าที่แดงขึ้นมาเล็กน้อย


“ฟู่”


หลิน เฟิงถอนหายใจออกมาบ่อยครั้ง พลันดวงตาก็จ้องเขม็งราวกับว่าตัวเขาตัดสินใจเรื่องบางเรื่องที่ยิ่งใหญ่ลงไปแล้ว


ส่วนตอนนี้ ฮวงฝู เทียนหนานกับตงฟาง เชาหยางก็ได้มาถึงที่แท่นหินนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ดวงตาพวกเขาเบิกกว้างขึ้นและดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างบนนั้น


แต่อย่างไรก็ตาม จู่ๆแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นตรงกลางชายสองคนนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะหลีกออกมาได้ทันท่วงทีก่อนจะตะโกนขึ้น “ใครน่ะ”


แต่ไม่มีใครตอบพวกเขาได้เลย มีเพียงแค่ต้นไม้ทองคำต้นยาวที่ยื่นออกมาจากรู


สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจไปชั่วครู่ เพราะสิ่งที่เกิดมันชวนให้นึกประหลาดใจเสียจริง ที่จู่ๆต้นองุ่นทองนั้นก็ตรงเข้าไปหุ้มรอบๆสิ่งที่อยู่บนแท่นหินก้อนนั้น ก่อนจะคว้ามันมาอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ย หยุดมัน”


 ตอนนั้นเอง ในที่สุด ทั้งสองก็ตั้งสติได้ ก่อนจะตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน


กว่าที่ใครหลายคนจะตั้งสติได้ ก็ช้าไปเสียแล้ว ต้นปีศาจทองนั่นม้วนเอาสิ่งขาวๆนั่นผ่านไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา ก่อนที่ต่อมา มันจะอันตรธานหายไปจากชั้นสิบ


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงลากยาวดังขึ้นมาว่า “ขอบคุณนะ ทุกคน ไม่ต้องมาส่งนะ”


คนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นแบบนี้ ต่อหน้าคนมากมาย  เจ้านั่นกลับใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ทุกคนพยายามต่อสู้กันมา และยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ต้องไปส่งอีก


ไปส่งงั้นหรือ ไปส่งทำบ้าอะไร


“มัวงงอะไรกันอยู่ล่ะ ตามมันไปสิ” ทันใดนั้นเองฮวงฝู เทียนหนานก็ได้ตะโกนขึ้น


ในตอนนั้นเอง คนทุกคนจึงได้สติก่อนจะรีบตามออกไปนอกถ้ำ คนมากกว่า 20 คนต่างรีบลงไปจากชั้นสิบ โดยแต่ละคนต่างปล่อยแรงส่งที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่าหลิน เฟิงไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของตนมาอย่างไรอย่างนั้น


 “พี่เทียนหนาน ในฐานะที่พี่พาเขามา จะไม่อธิบายอะไรหน่อยหรือ” ตงฟาง เชาหยางเอ่ยขึ้นในขณะที่วิ่งไล่ตาม


“คำอธิบาย? ก็ฉันอธิบายให้น้องสาวของนายฟังไปแล้วว่าเจ้านี่น่ะเป็นหน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจที่ตระกูลนายเชิญมาน่ะ แล้วนายจะให้ฉันอธิบายอะไรอีก” ฮวงฝู เทียนหนานเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ตงฟาง เชาหยางเอ่ย เขาก็นึกโกรธ แต่ไม่ได้ชวนทะเลาะ ทว่ากลับพูดจาหยาบคายใส่


“หน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจของตระกูลเรางั้นหรือ ครอบครัวเราเนี่ยนะที่ไปเชิญไอ้คนระดับต่ำนั่นมาเป็นหน่วยเฉพาะกิจ ก็เห็นกันอยู่ว่าเจ้านั่นโผล่มาพร้อมกับตระกูลฮวงฝูนี่ แถมยังบอกอีกด้วยว่าเป็นหน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจจากตระกูลฮวงฝูน่ะ” ตงฟาง เชาหยางว่าขึ้น


“นี่มัน...”  ทันใดนั้นเอง พวกเขาต่างก็มองหน้ากันราวกับนึกอะไรบางอย่างออก


“พวกเราโดนหลอก” ต่อมาพวกเขาทั้งคู่จึงเข้าใจในที่สุดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น


“บ้าเอ้ย โดนหลอกซึ่งๆหน้าเลย นี่ถ้าฉันจับตัวมันมาได้เมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆเลยคอยดู” ตงฟางตะโกนลั่น


“ไม่ต้องพูดแล้ว เร่งมือเข้าเถอะ ไอ้เจ้านั่นก็ดูจะปวกเปียกไม่น้อย ไม่น่าจับตัวยากนักหรอก” ฮวงฝู เทียนหนานว่าขึ้น แต่ทันใดนั้นเองก็ต้องถอนคำพูด ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ไม่สิ ไอ้ต้นไม้ทองนั่นมันโผล่ออกมาตอนที่สู้กับเสือขาว แถมเจ้านั่นก็แยกตัวออกไปด้วย แล้วอีกอย่างเสือขาวก็ได้รับบาดเจ็บหนักอีก ต้องเป็นมันนี่ล่ะ”


เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ฮวงฝู เทียนหนานได้กล่าวออกมา ตงฟาง เชาหยางก็คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยว่านี่มันคงไม่สวยเสียแล้ว


“จับมัน”


ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็ชักรู้สึกตื่นเต้น เขารีบกลับไปที่ชั้นแรกก่อนจะออกไปในทันที


“ระวังด้วยนะขอรับ นายท่าน ข้างนอกยังมีการต่อสู้กันอยู่ ดูวุ่นวายนัก และร้ายแรงไม่เบาเลย” พลันเสียงของมังกรดำก็ดังเข้ามาในจิตของหลิน เฟิง


“ว่าไงนะ”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น