RC:บทที่ 330 จัดการเสือขาว
เสือขาวถึงกับชะงักก่อนจะถอยไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ลืมป้องกันตัวเองด้วย ในขณะที่ผู้คนยังตามไล่ล่ามันอยู่ ก่อนจะเข้าโจมตีเสือขาวตัวดังกล่าวไม่ได้หยุด
โฮก!
ทันใดนั้นเอง เสือตัวดังกล่าวก็คำรามลั่น ก่อนที่ลูกบอลแสงจะปะทุขึ้นในปากของมัน จนกระทั่งปะทะเข้ากับการโจมตีจากคนอื่นๆกลางอากาศ แล้วทันใดนั้นเอง พลังงานที่ทรงอานุภาพก็ได้ปะทุขึ้น
ทั้งสองฝ่ายที่อยู่ไม่ไกลต่างก็ถูกพลังที่มหาศาลดังกล่าวอัดกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
ในตอนนั้นเอง ร่างของเสือขาวก็เริ่มริบหรี่ลง แสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องออกมาในตอนแรกนั้นไม่จ้าอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งปีกที่หลังก็ยังห้อยลงมา ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่เพราะเสือขาวเป็นพลังวิญญาณ ร่างจริงไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไม่เห็นบาดแผลบนตัวของมัน เห็นก็แค่เงาของเสือขาวที่ดูซีดลง
ทั้งสองฝ่ายต่างถูกแรงอัดมหาศาลของพลังชุดหลังอัดเข้าจนกระเด็นไป และจู่ๆก็ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่จ้องตากันไปมา
ส่วนทางฝั่งหลิน เฟิงนั้น แต่ละคนต่างหอบหายใจก่อนจะพยายามสู้ใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะชายทั้งหกคนที่อยู่เหนือระดับ A นั่น ในตอนนี้ ไม่ใช่แค่หอบหายใจ แต่ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
มีเพียงตงฟาง เชาหยางกับฮวงฝู เทียนหนานเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้และไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรมากนัก แต่ทว่าพวกเขานั้นใช้พลังไปมาก หลังจากแยกตัวออกมา พวกเขาก็เลยไม่ได้ชิงลงมือก่อน
ในทางตรงข้าม แม้ว่าร่างของเสือขาวจะริบหรี่ แต่มันก็ไม่ได้มีท่าทีบาดเจ็บเลยซึ่งนั่นทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเองก็คงใช้พลังวิญญาณไปไม่น้อยเหมือนกัน
เสือขาวนั้นอยู่ยืนตรงหน้าพวกเขาแล้วในตอนนี้ ในขณะที่ใครหลายคนต่างจ้องเสือตัวดังกล่าวกลับไปด้วยความหวั่นวิตกสุดๆ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆว่าคนมากกว่า 20 คนไม่สามารถจัดการเสือขาวลงได้
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น เสือขาวยังคงจ้องมาที่พวกเขา ดวงตากลอกไปมาราวกับกำลังจะค้นหาอะไรบางอย่างจากคนที่อยู่ในนั้น
จริงๆแล้ว มันกำลังมองหาคนที่เพิ่งจะปล่อยต้นไม้ปีศาจทองคำเมื่อครู่นี้ต่างหาก เพราะการโจมตีของมันทำให้ร่างของมันจางลงแถมยังได้รับความทรมานแบบนี้
พลังจากการโจมตีนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าของตงฟาง เชาหยางและของฮวงฝู เทียนหนานเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ระยะเวลาและองศาในการโจมตีนั่นก็แสนจะแยบยล เพราะโผล่มาตอนที่มันกำลังสาละวนอยู่กับคนทั้งหกคนนั่นพอดี ทำให้มันไม่มีเวลาให้ความสนใจต้นไม้ปีศาจนั่น
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็กลับไม่พบคนๆนั้นหลังจากกวาดตาดูจนทั่วแล้ว
“พวกเราทั้งหมด จัดการมันอย่าให้เหลือซาก” ตอนนั้นเองฮวง ฝูก็ได้กล่าวขึ้น
หลังจากนั้น พลังวิญญาณของผู้คนก็ถูกสูบออกมาใช้จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตงฟาง เชาหยางและฮวงฝู เทียนหนาน ที่ใช้พลังในการต่อสู้มากที่สุด อีกทั้งพลังวิญญาณของพวกตนนั้นก็ใกล้หมดเต็มที
แม้จะเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงพร้อมที่จะปลดปล่อยร่างของสัตว์เลี้ยงคู่ใจให้จัดการฆ่าเสือนั้นต่างหากไปเลย
ทันทีที่ฮวงฝู เทียนหนานพูดจบ เขาก็เป็นคนแรกที่ปลดลป่อยสัตว์เลี้ยงคู่ใจออกมา
เมื่อคิ้วของเขาส่องแสง ทันใดนั้นเอง ร่างสีทองก็บินออกมาจากคิ้วก่อนจะร่างใหญ่ร่างหนึ่งจะโปล่ออกมา มันคืออินทรีย์ยักษ์สีทองที่ลำตัวของมันดูจะเคลือบไปด้วยทอง ส่องประกายพร้อมด้วยลมหายใจที่หนักแน่น
อินทรีย์ยักษ์ทองตัวดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นก่อนจะร้องลั่นไปบนท้องฟ้าเป็นเวลานาน ราวกับว่าไม่ได้ออกมานานแล้วเลยตื่นเต้นเอามากๆ และหลังจากที่อินทรีย์ทองตัวนี้ปรากฏกายขึ้น เปลวไฟสีทองลูกเล็กๆก็ได้ลามเลียไปทั่วทั้งตัวราวกับภูตแห่งไฟ ก่อนจะโผบินไปมา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนกตัวดังกล่าวหันไปเห็นเสือขาวที่อยู่ตรงหน้าของมัน มันก็อดที่จะนึกกลัวขึ้นไม่ได้ ก่อนจะรีบบินไปอยู่เหนือร่างของฮวงฝู เทียนหนานด้วยสัญชาตญาณของความหวาดกลัว
และเจ้านายของมันก็อยู่ตรงนี้ แม้อินทรีย์ทองจะกลัวเสือขาวจนหัวหดขนาดไหน แต่อีกไม่นานเสือตัวนั้นจะต้องโดนเล่นงานแน่
เมื่อหลิน เฟิงเหลือบไปเห็นนกตัวดังกล่าว ข้อมูลเกี่ยวกับอินทรีย์ทองคำก็ผุดขึ้นมาในทันที : อินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์จิ้นหยาน สัตว์วิญญาณระดับเลือด SSS ระดับในตอนนี้คือ S ขั้นสูงสุด จิตวิญญาณแห่งไฟ มีความสามารถในการควบคุมไฟเป็นเลิศ
“ฮึ่ม ออกมาแล้ว ลูกรักของข้า”
ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เชาหยางที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นก็ส่งเสียงฮึ่มฮั่มอันแสนจะเย็นยะเยือกออกมา ก่อนจะปลดปล่อยสัตว์วิญญาณของตนที่เป็นแมงป่องดำสีม่วงที่มีใบหน้าใหญ่โตน่ากลัวที่หลังออกมา
เมื่อหลิน เฟิงหันไปมอง เขาก็เห็นว่าแมงป่องดำสีม่วงนั้นน่ากลัวสุดๆ แถมยังมีกลิ่นชวนสยองอีกต่างหาก
เมื่อเขามองแมงป่องตัวดังกล่าว ก็มีข้อความของแมงป่องดำสีม่วงปรากฏขึ้น: แมงป่องพิษหน้าผี สัตว์วิญญาณระดับเลือด SSS ระดับในตอนนี้ก็คือ S ระดับสูงสุด เป็นสัตว์วิญญาณมีพิษระดับสูง มีเปลือกที่แข็ง และร่างกายมีพิษเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพวกคนจากตระกูลใหญ่พวกนี้นั้นไปหาสัตว์วิญญาณระดับ SSS มากมายนี้มาจากไหน และเมื่อใดที่สัตว์วิญญาณตัวนี้เติบใหญ่ขึ้น มันก็จะกลายเป็นสัตว์วิญญาณที่ไร้เทียมทานแน่ๆ
แต่นี่ก็เอื้อให้หลิน เฟิงสามารถเห็นถึงเรื่องราวแบบเจาะลึกของตระกูลทั้งสิบได้เลยซึ่งมีอยู่มากมายเกินจะพรรณนา
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนต่างปลดปล่อยสัตว์คู่ใจกันออกมาแล้วนั้น คนอื่นๆจึงต่างปลดปล่อยสัตว์คู่ใจของตัวเองบ้าง แต่อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ที่นี่มีจำนวนมากกว่า 20 คน โดยแต่ละคนจะมีสัตว์คู่ใจเป็นของตัวเองอย่างละตัว และเมื่อมารวมกันแล้วมีมากกว่า 20 ตัวเลยทีเดียว
เดิมที ถ้ำนี้ก็มีขนาดใหญ่โตอยู่แล้ว แต่คราวนี้กลับดูแน่นขึ้นเล็กน้อย และเพื่อที่จะจัดการกับเสือขาวตัวนี้ การควบคุมจึงทำไม่ได้มากนัก
เมื่อเห็นว่าทุกคนปลดปล่อยสัตว์คู่ใจออกมาแล้วนั้น หลิน เฟิงจึงต้องตามน้ำปล่อยสัตว์คู่ใจของตนออกมาบ้าง
และที่หลิน เฟิงปล่อยออกมาก็คือสุนัขนรกเสี่ยวเฮยนั่นเอง เหตุผลก็เพราะระดับของเสี่ยวเฮยนั้นมีระดับพอๆกับหลิน เฟิง อีกทั้งเสี่ยวเฮยยังเป็นสัตว์วิญญาณตัวแรกที่หลิน เฟิงนำมาใช้เป็นตัวแรก ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจึงดีกว่าสัตว์วิญญาณตัวอื่นๆอยู่มาก
แต่จริงๆแล้ว เหตุผลหลักก็คือเสี่ยวเฮยจะไม่ได้เป็นที่สังเกตและไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนต่างหาก
เมื่อมีสัตว์วิญญาณมากกว่า 20 ตัวมาอยู่ที่นี่ในคราวเดียวกัน ร่างเสือขาวก็เริ่มซีดสลับเข้มไปมา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ผู้คนเหล่านี้ยังไม่ได้ปล่อยสัตว์วิญญาณของพวกเขาออกมา มันก็ได้รับความเจ็บปวดมากพออยู่แล้ว และพอมาตอนนี้ ยิ่งพวกเขาปล่อยสัตว์วิญญาณออกมา มันก็ไม่มีหนทางที่จะชนะได้เลย
“ฆ่ามัน”
หลังจากสิ้นน้ำเสียงที่ดังขึ้นด้วยความโกรธแค้น ผู้คนรวมถึงสัตว์วิญญาณก็มารวมตัวกันก่อนจะเริ่มทำการโจมตี โดยมีชายร่างกำยำทั้งหกเป็นตัวหลัก เข้าต่อสู้กับเสือขาวตัวนั้น
ในส่วนของหลิน เฟิงนั้น แน่นอนว่าเขาก็ต้องตามน้ำคนพวกนี้ไปก่อน ก่อนจะสั่งให้เสี่ยว เฮยเข้าโจมตีพวกมัน
เพียงแค่สุนัขสามหัวอย่างเสี่ยวเฮยอ้าปากอันใหญ่โตขึ้นมา เปลวไฟทั้งสามก็ปะทุขึ้น ลูกไฟทั้งสามรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่พลางบินขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะโจมตีเสือขาวตัวนั้น
การโจมตีทุกรูปแบบนั้นพุ่งตรงไปยังเสือขาวตัวดังกล่าว จนมันไม่มีเวลาที่จะหลบได้เลย ไม่นาน ร่างวิญญาณของมันก็ถูกโจมตีจนอ่อนลง จนในที่สุด อีกตูมเดียว แสงสีขาวนั้นก็อันตรธานหายไปจากตรงนั้น
“เยี่ยมไปเลย ฆ่าได้สักที”
“ฉันฆ่าเจ้านี่ได้แล้ว”
“ต่างคนต่างโจมตีได้ผลกว่านะ”
“...”
เพียงครู่เดียว ก็มีเสียงเชียร์และอุทานออกมามากมายด้วยความดีใจที่ฆ่าสัตว์วิญญาณนั่นได้
แต่หลิน เฟิงกลับไม่ดีใจด้วยเลยสักนิด เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้อะไรติดมือไปเลย อย่างน้อยแปดชั้นแรก เขาก็ได้ร่างของสัตว์พวกนั้นติดมือกลับมาด้วย การได้ร่างพวกนั้นกลับไปจะสามารถสกัดเลือดเพื่อไปทำวิจัยได้ แต่นี่เสือขาวตัวนี้นั้นเป็นแค่วิญญาณเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ หลิน เฟิงกลับให้ความสนใจคำพูดของคนๆหนึ่งว่า “ในที่สุด เราก็ได้เห็นสักทีว่าผนึกพยัคฆ์ขาวเป็นอย่างไร”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็ถึงกับอึ้งไปก่อนจะพูดขึ้น “ผนึกพยัคฆ์ขาวงั้นหรือ”
0 ความคิดเห็น