RC:บทที่ 328 การต่อสู้อันดุเดือดกับพยัคฆ์ขาว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 328 การต่อสู้อันดุเดือดกับพยัคฆ์ขาว


หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด ในที่สุดสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวก็อ่อนแรงลง อีกทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส


“ผนึกชุดเวทย์มนต์ ผนึกไว้”


ในตอนนี้ ชายคนที่แกร่งที่สุดในบรรดาทั้งหมดก็กระตุ้นดาบทองคำด้วยพลังขีดสุด พร้อมกับถ่มเลือดไปบนดาบเล่มดังกล่าว แล้วทันใดนั้นเอง ชุดวิญญาณก็ผุดขึ้นมามหาศาล จนครอบคลุมไปทั่วทั้งสนาม


จนกระทั่งต่อมา อาวุธทุกชิ้นของชายคนนั้นที่อยู่บนพื้นก็ลอยไปหาดาบยักษ์ทองคำเล่มนั้น ภายใต้การชักนำของดาบเล่มดังกล่าว  อาวุธต่างๆ ต่างก็หมุนไปมาซึ่งนั่นให้ความรู้สึกราวกับว่าดาบเป็นพันๆเล่มกำลังย้อนกลับมาที่ตระกูลของพวกเขา


แล้วทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยสีสัน อาวุธวิญญาณทุกชนิดต่างส่องแสงออกมาต่างกัน พวกมันยังคงลอยและหมุนไปมาอยู่แบบนั้นรอบดาบทอง


“จัดการซะ”


ชายคนนั้นที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าตะโกนขึ้น ก่อนที่ดาบเล่มหนึ่งจะเข้าฟันร่างของสัตว์ประหลาดสีดำตัวดังกล่าว


ทันใดนั้น ดาบนับหมื่นๆเล่มก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะพุ่งเข้าฟันร่างของสัตว์ประหลาดตัวใหญ่นั่นทีละเล่ม มันต้องเผชิญกับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวครั้งใหญ่ ก่อนจะส่งเสียงร้องโหยหวน พร้อมกับยืดหนวดรอบๆมาห่อหุ้มร่างของตัวเองเอาไว้


วินาทีต่อมา อาวุธวิญญาณนับหมื่นๆชิ้นก็ร่วงลงมาบนร่างของสัตว์ประหลาดสีดำตัวดังกล่าวก่อนจะแทงเข้าที่ร่างของมัน


เลือดสีดำไหลนอง พร้อมกับเสียงครางระงมด้วยความเจ็บปวดที่ได้ยินไปทั่วสนามรบ


จากนั้น ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็เปลี่ยนไป ร่างของพวกเขากลายเป็นแสงลูกใหญ่ทั้งสี่ดวงเปล่งประกายอยู่บนพื้น แล้วทันใดนั้นเอง หินภูเขากับละอองฝุ่นก็ปลิวกระจาย พลันภูเขาขนาดใหญ่ทั้งสี่ลูกก็ยกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะตั้งตระหง่าน


ภูเขาทั้งสี่ลูกกลายมาเป็นดวงตาที่ก่อตัวเป็นหน้าปีศาจ ก่อนจะกดร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นลงไป


พลันทุกอย่างก็เงียบลง ก่อนที่เงานั้นจะค่อยๆจางหายไป คนทุกคนต่างอึ้งไปกับภาพที่เห็น


“ลูกหลานทั้งหลาย พวกเจ้าคงจะได้เห็นแล้วสินะ” ในตอนนั้นเอง เสียงที่ฟังดูน่ากลัวจับใจก็ได้ดังขึ้น ราวกับออกมาจากใจของทุกคน


ทุกคนถึงกับตกใจจนต้องหันไปมองโดยรอบ


ต่อมา ทุกๆคนจึงได้เห็นร่างสีขาวๆปรากฏขึ้นตรงหน้า


ร่างที่ว่านั่นไม่ได้ใหญ่มากนัก สูงราวๆสองเมตร  และยาวราวๆห้าเมตร ร่างทั้งร่างเป็นสีดำสลับขาว พร้อมกับปีกคู่หนึ่งที่หลัง


ยิ่งมันเดินเข้ามาให้เห็นเท่าไหร่ ความคุ้นเคยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนต่อมา ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนโพล่งขึ้นมาว่า “นี่มันพยัคฆ์ขาวแบบที่เห็นในรูปนี่”


เป็นอันชัดเจนแล้วว่าพยัคฆ์ขาว ผู้คุ้มกันทางะวันตกเหมือนในรูปได้มาปรากฏตัวที่นี่แล้ว ยกเว้นแค่ขนาดที่ดูหดเล็กลงหลายเท่า


“ใช่แล้ว ข้าคือพยัคฆ์ขาวอย่างที่พวกเจ้าเห็นในรูปนั่นล่ะ แต่ว่านี่ก็เป็นแค่จิตวิญญาณเพียงส่วนหนึ่งของที่นี่เท่านั้น” พยัคฆ์ขาวว่าขึ้นในขณะที่เดินไปพลางมองไปที่หลิน เฟิง


เมื่อพวกเขาได้ทราบเรื่องดังกล่าว ก็ล้วนมีท่าทีตกใจไม่น้อย แถมตอนนี้ยังได้เห็นพละกำลังของมันแล้วด้วย ที่สามารถแสดงพลังทะลายฟ้า ทะลวงดินได้ขนาดนั้น


และในตอนนั้นเอง แม้ดวงจิตนี้จะเป็นแค่ส่วนเดียว แต่พละกำลังกลับไม่ใช่กระจอกไปด้วยเลยสักนิด จนคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดชักจะหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย


“เหล่าลูกหลาน พวกเจ้าทั้งหมดจงกลับไปเสียเถิด สถานที่เร้นลับแห่งนี้ได้ผนึกปีศาจอมตะเอาไว้ แม้ในนั้นจะมีสมบัติอยู่ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะเข้าไปแตะต้องมันได้ อีกอย่าง ถ้าพวกเจ้าเผลอไปปลดปล่อยปีศาจอมตะขึ้นมาล่ะก็ พวกเจ้าจะต้องเดือดร้อนแน่” พยัคฆ์ขาวเอ่ยขึ้นพลางเดินไปเรื่อยๆ


แต่พวกเขากลับไม่ขยับ เพราะสิ่งที่อยู่ในใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือสมบัติที่ว่านั่นล่ะ


ก็ถ้าไม่มีใครพูดอะไร ในตอนนี้ อาวุธวิญญาณนับหมื่นชิ้นที่เห็นตอนนี้


โดยเฉพาะพวกเก่งๆรวมถึงดาบทองคำเล่มยักษ์นั้นของคนที่แข็งแกร่งคนนั้น ถ้าได้สมบัติพวกนั้นมาล่ะก็ ก็จะได้กลายเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดเลยก็ว่าได้ แล้วแบบนี้ใครล่ะจะไปฟังคำพูดของพยัคฆ์ขาวกัน 


“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่เขาพูดเลย ก็แค่จิตส่วนหนึ่งของพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ลมหายใจก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลยด้วย ฉันคิดว่าพละกำลังของเขาน่าจะอ่อนลงไปตามกาลเวลาแล้วล่ะ และเมื่อใดที่ฆ่ามันได้ นายก็จะได้ผนึกพยัคฆ์ขาวแล้ว” ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เชาหยาง ผู้นำแห่งตระกูลตงฟางก็ได้เอ่ยขึ้น


เมื่อสิบห้าปีก่อน ตระกูลที่แข็งแกร่งของพวกเขานั้นเข้าจัดการกับเสือขาวตัวนี้ และพวกเขาก็ได้เล่าเรื่องของเสือตัวนี้ให้ตงฟาง เชาหยางฟังแล้วเรียบร้อย


“เฮ้อ งูกับช้างไม่อยู่แล้วสิเนี่ย” เสือขาวตัวนั้นว่าพลางถอนหายใจ


เป็นเรื่องจริงที่ว่าพละกำลังของพยัคฆ์ขาวนั้นได้แผ่วลงไปอย่างมากตามกาลเวลา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พละกำลังของมันก็ใช่ว่าเด็กเล็กๆจะมาเล่นกับมันได้โดยง่าย


แต่ทว่าในตอนนี้ พลัง 90% ของเสือขาวนั้นถูกใช้เพื่อสะกดปีศาจตัวเอ้นั้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างงั้นล่ะก็ มันคงไม่มัวมาพูดเรื่องไร้สาระนี้กับเด็กๆอย่างพวกเขาหรอก


“พี่ฮวงฝู ลงมือเลย อย่าไปฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้น ปีศาจอะไรนั่นก็ถูกผนึกไปแล้วตั้งหลายปี ชุดเวทย์มนต์นี้ก็ต้องชำระล้างพลังของมันออกไปนานแล้วล่ะ แล้วถ้าได้ผนึกพยัคฆ์ขาวมาด้วยอีกล่ะก็ สมบัติจะไปไหนเสียล่ะครับ”


เมื่อตงฟาง เชาหยางเอ่ยแบบนั้น และเพราะคนจากในตระกูลที่เป็นรุ่นก่อนๆได้บอกข้อมูลทั้งหมดกับเขามาแล้ว ถึงแม้ว่าปีศาจอมตะตัวนั้นจะยังไม่ถูกกำจัดออกไป แต่นี่ก็ผ่านไปเป็นเวลานานแล้วอย่างที่ว่าจริงๆ


ก็ช่างเรื่องมันไปสิ ถึงจะยังอยู่ มันก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว


เพราะเมื่อใดก็ตามที่พลังอมตะจากยุคโบราณได้คลุมพื้นที่นี้เอาไว้ ก็จะมีเขตแดนที่ป้องกันมันไม่ให้หลบหนีอยู่


ต้องใช้เวลานานเลยกว่าที่ตระกูลทั้งสิบจะรู้เรื่องราวตรงนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่นึกกลัวอะไร


“เอาล่ะ ทุกคน เริ่มกันเลย”


ฮวงฝู เทียนหนานไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมปีศาจที่มีพลังอมตะตัวนี้ ณ อดีตกาลที่ผ่านมาหลายปีนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ตาย ก็ไม่มีอะไรมาทำอะไรเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนที่มีพลังในนั้นอีกมากมาย ถึงจะให้ฟ้าถล่มลงมา พวกเขาก็ไม่นึกกังวลอะไร


เมื่อพวกเขาเข้ามาถึง ก็ตรงไปยังชั้นแปดในทันที แถมผนึกพยัคฆ์ขาวก็มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วด้วย จะยอมทิ้งไปได้ยังไงล่ะ


ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้จะไม่ได้ผนึกพยัคฆ์ขาวนั้นมา แล้วตระกูลอื่นๆหรือพวกองค์กรมืดมีหรือที่จะไม่เอาผนึกหงส์แดงหรือเต่าดำ


แน่นอนล่ะว่าไม่ ผู้คนน่ะเห็นแก่ตัวจะตายไป


และทันใดนั้นเอง ทั้งตระกูลฮวงฝูและตระกูลตงฟางก็เริ่มลงมือสู้


พลังวิญญาณเริ่มปล่อยกันออกมาทีละคน ลมหายใจที่เปี่ยมไปด้วยพลังเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นมา รวมถึงลมหายใจของหลิน เฟิงเองก็ถูกรวมเข้าไปในนั้นด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ได้


คนสองคนที่มีลมหายใจแข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ตรงนั้นก็คือฮวงฝู เทียนหนานกับตงฟาง เชาหยาง เมื่อทั้งสองคนปล่อยพลังเพื่อกระตุ้นวิญญาณของพวกตนนั้น ลมหายใจของพวกเขาก็อยู่เหนือพยัคฆ์ตัวนั้นไปแล้วอีกทั้งยังไปถึงระดับ S ขั้นสูงสุดด้วย


หลิน เฟิงสัมผัสถึงลมหายใจของพวกนั้นได้ก็ถึงกับอึ้ง คนจากตระกูลทั้งสิบช่างสมกับชื่อเสียงและพลังที่แข็งแกร่งจริงๆ


“ฆ่ามัน”


“เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของตงฟาง เชาหยางนั้น ผู้คนก็เริ่มลงมือจัดการทันที รวมถึงหลิน เฟิงที่แสร้งทำเป็นว่าเข้าสู้ด้วย


“โฮก”


เมื่อได้เผชิญกับผู้คนที่ดาหน้าเข้ามา เสือขาวตัวนั้นก็คำรามลั่น ตามด้วยเสียงคำรามอันดุดันนั้นเองที่ทำทุกคนถึงกับชะงัก ตกใจเอามาก แม้แต่หลิน เฟิงเองก็ด้วย


“เสือขาวนี่แข็งแกร่งเหลือเกิน”


หลิน เฟิงประหลาดใจอยู่เงียบๆ นี่ก็แค่คำรามเอง แต่ก็กลับทำให้ใครต่อใครที่กำลังพุ่งเข้ามาต่างตกใจสุดขีด แถมยังได้รับบาดเจ็บอีกหลายคนด้วย


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น