RC:บทที่ 325 สัตว์ยุคโบราณทั้งหมด

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 325 สัตว์ยุคโบราณทั้งหมด


แม้ว่าความสามารถของสัตว์เหล่านี้จะยังคงเดิม แต่ทว่าพละกำลังของพวกมันนั้นกลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น หมูป่าสามหัวที่ชั้นสี่ที่พวกเขาเข้าโจมตีและจัดการสังหารในตอนนั้น


แต่พอพบกับอินทรีย์ทองสี่ปีกที่อยู่ชั้นห้ากลับใช้เวลาถึงหนึ่งนาทีในการลงมือฆ่า และใช้เวลาสามนาทีในการจัดการวัวคลั่งที่ชั้นหก


นอกเหนือจากพละกำลังมหาศาลแล้ว แม้จะเป็นการฆ่าไปเรื่อยๆ แต่ผลที่ตามมากลับมีมากมาย


ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงยังชั้นเจ็ด และในตอนนั้นเอง ร่างของม้าสีขาวก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา ตัวของม้านั้นมีสีขาวจั๊วะ และที่น่าอัศจรรย์ก็คือม้าสีขาวตัวดังกล่าวนั้นมีปีกคู่หนึ่งขึ้นที่หลังของมันด้วย


“นี่ นี่มันม้าสวรรค์นี่” หลิน เฟิงว่าในใจ


ม้าสวรรค์ ถือว่าเป็นสัตว์มหัศจรรย์ตามตำนานโบราณ ลักษณะของมันไม่ต่างจากม้าทั่วไป เว้นก็เสียแต่ปีกสองข้างที่อยู่บนหลังของมันและยังสามารถบินไปไหนมาไหนได้ถึงเก้าวัน แถมพละกำลังยังมหาศาล


ทันทีที่ทุกคนมาถึง เจ้าม้าสวรรค์ตัวนั้นก็ร้องขึ้นเสียงดังก่อนจะยกขาหน้าของมันขึ้นมาพร้อมกับกระพือปีกที่อยู่ด้านหลังราวกับจะเตือนใครก็ตามที่เข้ามา


ไม่ว่าคนจากตระกูลฮวงฝูและตงฟางจะไปที่ไหน พวกเขาก็สามารถควบคุมสัตว์วิญญาณได้ เพียงใช้อาวุธเข้าต่อสู้


แต่ทว่าในตอนนี้ พวกเขากลับเจอปัญหาใหญ่เสียแล้ว ม้าตัวนี้แข็งแกร่งมากกว่าสัตว์วิญญาณตัวอื่นๆที่เจอมาเสียอีก เพราะมันสั่งสมพลังไว้จนถึงระดับ S 


ในขณะที่ทุกคนดาหน้ากันเข้าไปนั้น มันก็ได้ร้องขึ้น ก่อนที่ปีกข้างหลังของมันจะยิงขนนกสีขาวออกมานับไม่ถ้วน และมีลักษณะเหมือนหิมะซึ่งดูงามตา


แต่ทว่าในเวลาต่อมา ขนนกพวกนั้นก็ได้กลายเป็นใบมีดผ่านร่างผู้คน ถูกแก้ม แขนและส่วนอื่นๆ เลือดไหลหยดเป็นทาง สิ่งที่ดูเหมือนขนนกนุ่มๆกลับนำอันตรายใหญ่หลวงมาสู่พวกเขา


เพียงครู่เดียว คนทั้งหมดที่อยู่ในระดับไม่ถึง S ต่างก็ได้รับบาดเจ็บไปตามๆกันไม่มากก็น้อย มีเพียงแค่ผู้มีพลังระดับ S เท่านั้นที่ต่างซ่อนตัวได้ทัน และบางคนก็ใช้ทักษะในการป้องกันพลังดังกล่าวนั้น


โดยปกติแล้ว หลิน เฟิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เขาก็ไม่ต้องการถูกสงสัยมากเกินไปจึงต้องแกล้งทำเป็นเจ็บ


การจู่โจมแบบกะทันหันของม้าสวรรค์ทำเอาทุกคนไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อตั้งตัวได้ ผู้มีพลังที่แข็งแกร่งระดับ S หลายคนก็จู่โจมกลับไปทันทีแล้วจากนั้นก็เข้าสู้ร่วมกัน จนม้าตัวดังกล่าวถึงกับล้มตัวหมุนคว้างไปในเวลาไม่นาน


ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลตงฟางก็ได้ร่วมมือกับตระกูลฮวงฝูอีกด้วย คนเก่งๆจึงมีอยู่มากมาย


ถ้านับหลิน เฟิงเข้าไปด้วย ก็จะมีผู้แข็งแกร่งถึงเจ็ดหรือแปดคนเลยทีเดียวที่อยู่เหนือระดับ S ขึ้นไปอีก เมื่อร่วมมือกัน ม้าสวรรค์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะถูกสังหารในที่สุด


เมื่อมองไปที่ร่างของม้าสวรรค์ที่ไร้ลมหายใจตัวดังกล่าว หลิน เฟิงก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เพราะถ้ามันโตขึ้นกว่านี้ หมีภูเขาของตู๋กังก็เทียบไม่ติด


แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้าย หลิน เฟิงก็ได้เก็บร่างของม้าสวรรค์เข้าไปในแหวนอวกาศ และถ้ากลับไปแล้ว เขาก็จะนำเลือดม้านี้ไปสกัดซึ่งเลือดส่วนนี้จะนำไปให้สัตว์วิญญาณตัวอื่นๆอีก


ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงที่ชั้นแปด สิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้าก็คืองูตัวเล็กๆตัวหนึ่งซึ่งต่างจากงูหลามสามหัวที่อยู่ที่ชั้นสาม


งูจิ๋วนั้นมีขนาดร่างที่เล็ก ทั้งตัวของมันเป็นสีเขียว ส่วนบนหลังของมันมีปีกอยู่คู่หนึ่ง ส่วนดวงตาของมันก็ส่งแสงเย็นๆออกมา ก่อนจะจ้องมาที่พวกเขาด้วยท่าทีปกติ


“นี่มันพญางูนี่” เมื่อหลิน เฟิงได้เห็นงูนั้น เขาก็ถึงกับอึ้งไปในทันที นี่มันสัตว์มหัศจรรย์ในตำนานของจีนชัดๆ


ทุกๆคนต่างจ้องไปที่งูตัวดังกล่าว พลางรู้สึกเย็นยะเยือก


 “เป็นอะไรกันไปล่ะ ฆ่ามันสิ ก็แค่งูตัวเล็กๆเอง” ชายร่างกำยำแห่งตระกูลฮวงฝูว่าขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าไปที่มันเป็นคนแรก


แต่ทว่าในตอนนั้นเอง งูที่มีขนาดตัวน้อยกว่าหนึ่งเมตรนั้นก็ได้ขยายร่างออกไปอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตานั้นเอง ความยาวของมันก็แผ่ไปมากกว่าสิบเมตร และมีผิวที่หนามากขึ้น


ในขณะที่ผู้คนกำลังวิ่งเข้ามา แรงกระพือของปีกที่อยู่ด้านหลังตัวมันก็ส่งใบมีดลม เฉือนเข้าที่ศีรษะของผู้ใช้พลังระดับ A เข้าอย่างจังแบบเงียบเชียบ


เมื่อผู้คนเห็นแบบนั้น พวกเขาก็ถึงกับตะลึงก่อนจะได้รู้ซึ้งถึงพลังของพญางูตัวดังกล่าวในที่สุด


เพียงแค่มันขยับปีกเพียงเล็กน้อย ร่างอันใหญ่โตของมันก็ลอยขึ้น สายตาที่เย็นยะเยือกนั้นกวาดไปยังผู้คน


“ฆ่ามัน” ในตอนนั้นเอง ฮวงฝู เทียนหนานก็ได้พูดขึ้น


ดาบทองคำในมือของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเกิดเสียงดาบเสียดสีกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับปรารถนาที่จะดื่มโลหิตอย่างเต็มเปี่ยม


ส่วนอีกฝั่งนั้น ตงฟางเชาหยางก็มองไปที่งูนั่น ยืนนิ่งๆราวกับว่าจะไม่ทำอะไร พลางถืออาวุธปืนยาวเอาไว้ในมือ


ดูเหมือนว่าปืนยาวของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าดาบทองเล่มใหญ่ของฮวงฝู เทียนหนานเลย 


พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งตัวออกมา ฟันฉับเข้าที่ร่างของงู


ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อลงมือฆ่าสัตว์วิญญาณ พวกเขาต่างก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรมากนัก เดิมที คนอื่นๆก็ลงมือจัดการกันอยู่แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้ลงมือสังหาร พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ทรงพลัง


ฮวงฝูตวัดดาบออกมาอย่างรวดเร็ว พลันดาบทองในมือของเขาก็ได้แยกออกจากกันในทันที


แสงจากดาบใหญ่เล่มดังกล่าวส่งพลังในการผ่าภูเขาและผืนดินไปยังพญางูตัวนั้น จนร่างของมันกระเด็น ใบมีดลมจำนวนมหาศาลโผล่มาจากด้านหลังของงูตัวนั้น


ใบมีดพวกนั้นเข้าปะทะกับคมดาบประกายทอง แต่ทว่าใบมีดพวกนั้นกลับสู้ไม่ได้ ก่อนจะถูกดาบทองพวกนั้นเฉือนทีละอันๆจนสลายเป็นเถ้าธุลี


พลันแสงจากคมดาบทองคำก็อ่อนแรงลงไปอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นคมดาบก็เข้าเฉือนพญางูตัวนั้นในทุกๆส่วน


แต่ถึงจะเห็นแบบนั้น พญางูก็ไม่ได้นึกกริ่งเกรง ร่างอันใหญ่โตของมันเลื้อยเฉไปเฉมา อีกทั้งยังยืดหยุ่นเอามากๆ เพื่อหลบคมดาบทองคำเล่มใหญ่นั่นอย่างว่องไว


ในตอนนั้นเอง การโจมตีของตงฟางเชาหยางก็มาถึง แสงสีม่วงจากปืนลำใหญ่ในมือพุ่งไปยังร่างของพญางูที่ทั้งเร็วสุดๆและสู้ได้ยาก  


แต่ทว่าความเร็วของมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจินตนาการออกได้ มันส่ายหางขนาดใหญ่ของมันไปมาก่อนจะทำมุมแปลกๆ


และก่อนที่ตงฟางเชาหยางจะโจมตีมัน หางขนาดใหญ่นั่นก็ตวัดไปโดนร่างของเขา แต่ทว่าเขาเองก็ไม่ใช่พวกกระจอกขนาดนั้น เขาใช้ปืนใหญ่ลำดังกล่าวกราดยิงไปที่หางขนาดใหญ่ของมัน


หลังจากโจมตีไปถึงสองครั้ง พวกเขาต่างก็ถอยชะงักกันไป ซึ่งทำเอาใครๆต่างประหลาดใจ เพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครอยู่เหนือใครเลย


“บ้าเอ้ย ขยับตัวไม่ได้แบบนี้ฉันก็ฆ่ามันไม่ได้น่ะสิ เจ้าดาบ ฆ่ามัน”


ในตอนนั้นเอง ฮวงฝูก็พ่นลมหายใจอันเยือกเย็นออกมา ก่อนจะเขวี้ยงดาบในมือออกไป หลิน เฟิงเห็นว่ามือเขานั้นขยับไปไหนไม่ได้ แล้วทันใดนั้นเอง แสงสีทองจากดาบใหญ่ก็เปล่งประกายออกมา ก่อนจะเหาะขึ้นไปตัดร่างงูที่ลอยอยู่


“ควบคุมดาบให้ลอยไปบนฟ้าได้ด้วย ไม่ธรรมดาแล้วแบบเนี้ย” หลิน เฟิงรู้สึกอึ้งไปที่ได้เห็นดาบยักษ์นั่นฟันเข้าที่ตัวงูตัวนั้น


“ในที่สุด พี่เทียนหนานก็ใช้ไม้ตายซะที ดาบแห่งจักรพรรดิ” ในตอนนั้นเอง คนที่อยู่ข้างหลังหลายคนก็ได้เอ่ยขึ้น


“ใช่ๆ โดนดาบของพี่เทียนหนานเล่นไปแบบนั้น เจ้างูนั่นคงไม่มีโอกาสรอดแล้วล่ะ” ถ้ามีใครสักคนเอ่ยชมขึ้นมา ก็ต้องมีคนคล้อยตามเป็นธรรมดา


ตงฟางเชาหยางที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นดังนั้น จึงพ่นลมหายใจอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนจะว่าขึ้น “ปืนลวงตา แทงมัน”


เขากระโจนขึ้นไปก่อนจะจ้วงแทงมัน แล้วทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏปลายปืนนับไม่ถ้วนจ้วงแทงไปที่ร่างของงูตัวดังกล่าว


หอกนับไม่ถ้วนจ้วงแทงไปในคราวเดียวกัน สักพัก งูตัวนั้นก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกต่อไป


ทันใดนั้นเอง บนร่างของมันก็มีรูที่เกิดจากการจ้วงแทงมากมาย เลือดไหลเป็นสาย พร้อมกับที่มันก็กรีดร้อง


ในตอนนี้ ฮวงฝูที่อยู่ถัดจากตงฟางก็ได้คิดว่าเวลานี้เป็นเวลาแห่งความปลื้มปิติอย่างเงียบๆ


มือของเขาเริ่มเปลี่ยนไป แล้วทันใดนั้นเอง ดาบเล่มใหญ่นั้นก็ตัดเข้าที่ส่วนหัวของงูตัวนั้นในขณะที่มันก็โดนแทงไปด้วย


แทงเพียงจ้วงเดียว หัวของมันก็ถูกตัดกระเด็นจนถึงแก่ความตายในที่สุด


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น