RC:บทที่ 324 เข้าร่วมกันทั้งสองฝ่าย
สัตว์วิญญาณทั้งสามตัวต่างทรงพลังและแข็งแกร่งกว่าที่หลิน เฟิงได้เจอที่โลกข้างนอกเสียอีก
แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงนัก แต่ถ้าเทียบกับระดับเดียวกันแล้วนั้น พวกมันล้วนแต่แข็งแกร่งกว่ามาก อีกทั้งยังไม่กลัวตาย พวกมันเข้าโจมตีคนจากตระกูลตงฟางอย่างบ้าคลั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม คนจากตระกูลตงฟางเองก็ไม่ใช่กระจอก ความสามารถของพวกเขาล้วนอยู่เหนือระดับ A ด้วยกันทั้งนั้น และยังมีลมหายใจอันแข็งแกร่งระดับ S อีกหลายคนเลยด้วย
แม้ว่าสัตว์แปลกๆทั้งสามตัวที่กำลังจ้องมองสัตว์วิญญาณนั้นจะทรงพลังเพียงใด แต่พวกมันก็ถูกจัดการลงด้วยสภาพแวดล้อมของช่องว่างของระดับที่อยู่ห่างกันมาก ไหนจะจำนวนคนอีก
หลังจากที่ลงมือสังหารสัตว์วิญญาณเหล่านี้แล้ว คนจากตระกูลตงฟางก็มุ่งหน้าไปต่อ และไม่นานก็เกิดการต่อสู้อันแสนดุเดือดขึ้นมาอีก
หลังจากที่หลิน เฟิงเห็นพวกนั้นขึ้นไป เขาจึงรีบขึ้นไปที่ชั้นสอง และหลิน เฟิงก็เห็นว่าสัตว์วิญญาณทั้งสามตัวนั้นดุร้ายสุดๆ แม้ว่าพวกมันจะมีหน้าตาที่น่าเกลียด แต่ก็ทรงพลังเอามากๆ เมื่อเห็นดังนั้นหลิน เฟิงจึงเก็บร่างของพวกมันเข้ามาในแหวนของตัวเอง
หลิน เฟิงกำลังจะนำซากเหล่านี้ไปให้เจ้าลิงทำการวิจัย โดยก่อนหน้านี้ รูปแบบขององค์กรเกี่ยวกับสภาวะผิดปกติของเจ้าลิงนั้นจะเอาไว้สกัดพวกสัตว์ ไม่รู้เหมือนกันว่านี่จะได้ผลไหม แต่ที่แน่ๆเอาไปดีกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ได้ออกมาข้างนอก ก่อนจะเห็นหลิน เฟิงที่ยืนอยู่ตรงกลางชั้นสอง และทันใดนั้นเองหนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้น “แกเป็นใคร แล้วมาทำอะไร”
เมื่อหลิน เฟิงเงยหน้าขึ้น จึงได้เห็นว่าคนพวกนั้นใส่เครื่องแบบเดียวกัน ดวงตาเฉียบคมเป็นประกาย เมื่อแรกเห็น เขาก็รู้ว่าเลยว่าพลังของคนพวกนี้นั้นไม่ธรรมดาแน่
หลิน เฟิงคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนึกได้ว่านี่คือสมาชิกจากตระกูลฮวงฝู
ก่อนหน้านี้ อู่หยาง หมิงลั่วเองก็ได้แนะนำตระกูลทั้งสิบให้เขารู้แล้ว ซึ่งหลิน เฟิงจำได้ขึ้นใจ
ในตอนนั้นเอง อู่หยาง หมิงลั่วก็ได้กล่าวว่าตระกูลฮวงฝูและตระกูลตงฟางนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และมักจะร่วมมือด้วยกันบ่อยๆ และในครั้งนี้ พวกเขาก็ได้ร่วมมือกันเพื่อทำสิ่งต่างๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หลิน เฟิงจึงอ้าปากขึ้นมาทันใดก่อนจะเอ่ยขึ้น “ผมเป็นหน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจที่ทางตระกูลตงฟางเชิญมาน่ะครับ โดยเฉพาะกับเรื่องเก็บกวาด ท่านก็คงมาจากตระกูลฮวงฝูสินะครับ พวกเขารอพวกคุณอยู่นานมากเลยนะครับ”
“หน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจงั้นหรือ ตระกูลตงฟางกำลังแย่ลงเรื่อยๆ แล้วหน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจแบบไหนที่ฉันจะไปขอร้องสำหรับเรื่องนี้กัน เอาล่ะไปดูกันเถอะ” ผู้นำตระกูลฮวงฝูจ้องไปที่หลิน เฟิง โดยไม่พูดอะไร และท่าทางก็ดูจะไม่ชอบหลิน เฟิงอยู่ แต่แค่ไม่พูด แล้วจากนั้นเขาจึงพาสมาชิกในตระกูลทั้งสามคนขึ้นไปยังชั้นสาม
“นายเคลียร์ทุกอย่างให้สะอาดแล้วเดี๋ยวตามมาล่ะ” ผู้นำตระกูลคนนั้นเอ่ยขึ้นขณะที่เดิน
หลิน เฟิงถึงกับตกใจไปสักครู่ก่อนจะกล่าวขึ้น “ได้ครับ”
หลังจากที่หลิน เฟิงเก็บร่างของสัตว์วิญญาณทั้งสามนั้นเข้าไปใส่ในแหวนอวกาศ เขาจึงรีบตามไปอย่างเร็ว
ในตอนนี้ คนจากตระกูลตงฟางกำลังต่อสู้กันอย่างหนักที่ชั้นสาม ในขณะเดียวกันนั้นเอง สัตว์วิญญาณที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้นก็เป็นช้างยักษ์ สีทองทั้งตัว ขนาดใหญ่ พละกำลังแข็งแกร่งสุดขีด พลังป้องกันที่ไม่มีใครเทียบเทียม คนจากตระกูลตงฟางไม่รู้วิธีรับมือไปชั่วครู่
ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็รีบไปสมทบคนจากตระกูลฮวงฝู เมื่อเขาเห็นว่าคนจากตระกูลตงฟางกำลังต่อสู้อยู่กับช้างยักษ์อยู่นั้น แล้วจู่ๆเขาก็กระโดดขึ้นไป
เมื่อเห็นว่าคนทั้งหมดต่างดาหน้าเข้าไป หลิน เฟิงก็ต้องทำตัวเป็นคนโง่ๆ
หลังจากคนจากตระกูลฮวงฝูวิ่งไป พวกเขาก็เข้าโจมตีอย่างดุเดือด และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลิน เฟิงที่เป็นผู้นำเฉพาะกิจก็สัมผัสได้ว่าความสามารถของตนนั้นต้องไปถึงอย่างน้อยระดับ S ปลาย ไม่ก็ต้องสูงกว่านั้น
เขาจับดาบทองไว้ในมือ และทุกๆครั้งที่เขาฟันลงไป ก็จะเกิดเสียงเปรี๊ยะๆในอากาศ พลังอันแข็งแกร่งและดาบอันแหลมคนนั้นก็ได้ทลายพลังป้องกันของช้างยักษ์สีทองในทันใด จากนั้นคนที่เหลือก็พุ่งเข้าไปจัดการมัน
ใช้เวลาไม่นาน ช้างยักษ์สีทองจึงถูกคนพวกนี้สังหารไปในที่สุด
“พี่เทียนหนาน ในที่สุดพี่ก็มา ฉันคิดว่าพี่จะไม่มาเสียอีก” ในตอนนั้นเอง ผู้นำของตระกูลตงฟางก็ได้เอ่ยขึ้น
จริงๆแล้ว เทียนหนานนั้นเป็นชื่อของผู้นำตระกูลฮวงฝู ชื่อเต็มๆของเขาก็คือฮวงฝู เทียนหนาน และยังเป็นสมาชิกคนแรกของตระกูลอีกด้วย พละกำลังของเขาเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ด้วย
ส่วนตงฟาง เชาหยางนั้นคือผู้นำของตระกูลตงฟางและเป็นคนแรกในรุ่นเด็กๆของตระกูลตงฟางอีกด้วย รวมถึงพลังเองก็ไม่สามารถหยั่งถึงได้ด้วยอีก
“ฮึ่ม พวกเราไม่ได้นัดกันมาที่นี่เพื่อที่จะฆ่าสัตว์วิญญาณด้วยกันเพื่อมาเอาผนึกพยัคฆ์ขาวหรือไง แล้วทำไมพวกนายถึงมากันก่อนล่ะ พวกนายคงไม่ได้คิดจะฮุบมันไว้คนเดียวใช่ไหม” ฮวงฝู เทียนหนานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ผนึกเสือขาวงั้นหรือ อะไรกันนะนั่น” หลิน เฟิงถึงกับงงก่อนจะว่าขึ้น “ผนึกเสือขาวที่พวกนี้มาตามหากันถึงที่นี่คืออะไรนะ”
เมื่อตงฟาง เชาหยางได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของก็ถึงกับซีดขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะปกปิดมันไว้แล้วกล่าวขึ้น “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง เห็นผมป็นคนแบบนั้นงั้นหรือ ผมก็แค่ต้องการฆ่าสัตว์วิญญาณให้ได้มากขึ้นเพื่อพี่เทียนหนานหรอกครับ ถ้าพี่มาถึงเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น”
“อืม ฉันก็หวังว่างั้นนะ” ฮวงฝูเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำเสียงฮึมฮัมอันเย็นยะเยือกออกมา
“งั้น ตอนนี้เรามาถึงชั้นสามแล้ว อย่ามัวช้าเลย รีบขึ้นไปเอาผนึกเสือขาวให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะยิ่งเราไปเอามาเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใกล้สมบัติชิ้นสุดท้ายมากขึ้น ตงฟาง เชาหยางกล่าวขึ้น
พอเอ่ยถึงสมบัติ ฮวงฝู เทียนหนานก็ได้เอ่ยถึงวิญญาณบางตัวขึ้นมาด้วย และไม่ได้มีแต่เขา แต่สมาชิกคนอื่นๆของตระกูลฮวงฝูและตระกูลตงฟางก็ถึงกับช็อคไปด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็คาดหวังเรื่องสมบัตินี้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยเช่นเดียวกัน
“สมบัติงั้นหรือ จุดประสงค์ของคนพวกนี้ก็คือสมบัติงั้นสินะ” ตอนนี้เอง แม้แต่หลิน เฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้างแล้ว ก่อนจะตัดสินใจตามคนเก่งๆ เพื่อดูว่าพวกเขาจะได้เจอสมบัติที่ว่านั้นจริงๆไหม
ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงจึงได้กอบทรายมาเต็มกำมือก่อนจะทาที่หน้าของตัวเอง วินาทีต่อมา หลิน เฟิงก็เปลี่ยนไป และแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังจำตัวเองไม่ได้เลย
ในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมต่อสู้ที่ชั้นสี่แล้วนั้น หลิน เฟิงจึงไปที่ช้างยักษ์ตัวนั้นก่อนจะเก็บร่างของมันใส่เข้าไปในแหวน
ช้างยักษ์ตัวนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่ แต่โชคยังดีที่แหวนอวกาศของหลิน เฟิงนั้นมีขนาดที่ใหญ่พอ และยังมีมากกว่าอีกหนึ่งวงอีกด้วย ดังนั้นก็เลยสามารถรับได้อยู่
คนจากตระกูลตงฟางนั้น เมื่อเห็นการกระทำของหลิน เฟิงก็ได้แต่สงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะหลิน เฟิงได้ติดตามตระกูลฮวงฝูมา พวกเขาก็เลยไม่ติดใจสงสัยอะไร
ในขณะที่ตระกูลฮวงฝูนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าหลิน เฟิงนั้นคือหน่วยช่วยเหลือเฉพาะกิจที่ตระกูลตงฟางส่งมา ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าหลิน เฟิงเป็นคนของอีกฝ่าย ก็เลยไม่ได้นึกติดใจสงสัยอะไร
พอเป็นแบบนี้ หลิน เฟิงจึงได้ตามพวกเขาอยู่ตลอดทั้งๆที่เข้าใจผิดแบบนั้น และเมื่อทั้งสองตระกูลได้ร่วมมือกันนั้น ก็ไม่สามารถมีใครเอาชนะได้เลย สัตว์วิญญาณที่อยู่บนชั้นนั้นถูกสังหารลงในไม่นาน
และคนที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้ก็คือหลิน เฟิงนั่นเอง ร่างของสัตว์วิญญาณทุกตัวก็ได้กลายเป็นของหลิน เฟิง ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าลิงจะวิจัยของพวกนี้ได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้ หลิน เฟิงก็สามารถสกัดเลือดของสัตว์พวกนี้ออกมาได้เหมือนกัน เอาพวกมันไปอยู่ที่หลังเขา แล้วปรับปรุงศักยภาพและพละกำลังของมัน
...
ด้วยความช่วยเหลือของสมาชิกตระกูลฮวงฝู คนที่ผ่านมาอย่างเขาจึงผ่านเขตแดนตรงนี้ไปได้ก่อนจะรีบมุ่งไปยังชั้นสามโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลย
ที่ชั้นสี่นั้นมีหมูป่าสามหัว เป็นหมูป่าสามหัวระดับ A ขั้นสูงสุด
ส่วนชั้นห้านั้นเป็นอินทรีย์ทองมีสี่ปีก ก็ระดับ A ขั้นสูงสุดเช่นกัน
ส่วนที่ชั้นหกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดหกฟุตซึ่งมีลักษณะเหมือนวัว เป็นวัวกระหายเลือดที่อยู่ในระดับ A ขั้นสูงสุดอีกเช่นกัน
0 ความคิดเห็น