RC:บทที่ 323 ถ้ำจูชาน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 323 ถ้ำจูชาน


หลังจากที่คุยกันอีกไม่นาน ทั้งคู่ก็ขอตัวไปนอน


ปาเต๋าหลับไปในที่สุด ในขณะที่หลิน เฟิงนอนไม่หลับ และเมื่อเขาหันไปเห็นปาเต๋า เขาก็เห็นว่าแม้ปาเต๋าจะนอน แต่เขาก็ยังดูดซับพลังวิญญาณอยู่เรื่อยๆ


หลิน เฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร่างกายเช่นนี้จะอยู่ในสถานที่ที่มีออร่ามากมายได้ขนาดนี้ ไหนจะพัฒนาไปได้เร็วอีกเท่าไหร่


ในตอนนี้ เสียงของมังกรดำก็ได้แว่วเข้ามาในใจของหลิน เฟิง ก่อนจะหายไปอย่างเงียบๆ


เวลาต่อมา หลิน เฟิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในป่าภูเขาที่ในตอนนี้บรรยากาศมืดมิดด้วยเป็นเวลากลางคืนและลมที่หนาวเย็น


แล้วจู่ๆ ช่องว่างตรงหน้าเขาก็ถูกแหวกออก ก่อนที่จะปรากฏร่างของมังกรดำออกมาจากในนั้น


เมื่อเห็นว่าเป็นมัน หลิน เฟิงจึงเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจ “เป็นไงบ้าง นายเจออะไรบ้างไหม”


“นายท่าน ข้าเห็นว่าคนพวกนั้นเข้าไปในภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ลูกหนึ่ง ที่นั่นมีถ้ำลึกลับใต้ภูเขาที่ทั้งกว้างและใหญ่อีกด้วย เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ แถมข้างในยังมีเสียงคำรามลั่นให้ได้ยินอีกด้วยขอรับ”


“แล้วไงต่อ” หลิน เฟิงเอ่ยถาม


“แล้วหลังจากนั้น ข้าก็กลับมาแจ้งข่าวท่านนี่ล่ะขอรับ แล้วนายท่านจะตามข้าไปไหม” มังกรดำเอ่ยถาม


“ไปสิ ไปดูว่ามันมีอะไร...”


เขากระโดดขึ้นไปบนหลังมังกรดำด้วยอารามรีบร้อนที่จะไปสถานที่ที่ผู้นำตระกูลตงฟางอยู่


มังกรดำจัดการแหวกช่องอากาศออก ก่อนจะมุดลงไป และเมื่อโผล่ออกมาพวกเขาก็ได้มาถึงยังภูเขาสูงที่มังกรดำพูดถึงแล้ว


หลิน เฟิงเงยหน้าขึ้นมองภูเขาลูกตระหง่านตรงหน้า มันเป็นภูเขาที่จัดว่าสูงจริงๆ จนไม่เห็นเลยว่ายอดเขาอยู่ตรงไหนเพราะมีเมฆบังเต็มไปหมด


แล้วขอบเขตของภูเขาลูกนี้มันอยู่ที่เท่าไหร่กันล่ะ เส้นผ่าศูนย์กลางอาจจะน้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตร ส่วนความสูงก็น่าจะปาไปเป็นพันๆเมตร


หลิน เฟิงรู้สึกตกใจมากเมื่อได้มาเห็นภูเขาลูกสูงใหญ่เกินประมาณลูกนี้ และหลังจากนั้น เขาก็พึมพำขึ้นมา “ภูเขาลูกนี้ดูจะแปลกไปหน่อยนะ”


“ขอรับ มันดูเหมือนของที่มนุษย์สร้างขึ้นมามากกว่า แถมภูเขาที่อยู่บริเวณนี้ก็สูงเพียงแค่ 100 เมตรเองด้วย แต่พอเป็นเขาลูกนี้กลับสูงขึ้นไปหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว แถมสูงเสียดฟ้าเสียจนไม่เห็นยอดเขาเพราะมีเมฆลอยอยู่เต็มไปหมด ขัดกับธรรมชาติชัดๆเลยแบบนี้” มังกรดำเองก็เอ่ยขึ้นพลางจ้องมองภูเขาลูกดังกล่าว


“นายว่าคนจากตระกูลตงฟางเข้าไปในถ้ำใช่ไหม” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ใช่แล้วขอรับ ทางนี้เลย”


ไม่นาน มังกรดำก็พาหลิน เฟิงไปที่ภูเขาลูกดังกล่าว หลิน เฟิงจึงได้เห็นรูขนาดใหญ่รูหนึ่ง


รูปร่างของรูที่ว่านั่นดูแปลกๆ มีก้อนหินแหลมคมขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากด้านบนย้อยลงมาด้านล่าง ราวกับฟันของสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์ซึ่งดูยอดไปเลย


รูที่ว่านั่นมีขนาดใหญ่เอาการจนมังกรดำยังเข้าไปได้ง่ายๆเลย เมื่อเห็นแบบนั้น ทั้งหลิน เฟิงและมังกรดำก็รู้สึกได้ถึงความกว้างใหญ่เกินประเมิน ใครกันที่สร้างภูเขาขนาดใหญ่แถมยังขุดรูใหญ่ๆเช่นนี้ขึ้นมาได้


แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้กันแล้ว หลิน เฟิงกระโดดลงมาจากหลังของมังกรดำ ก่อนที่มันจะหดร่างให้เหมือนกับงูเล็กๆพร้อมกับพันรอบคอของหลิน เฟิง


ต่อมา หลิน เฟิงจึงมองไปที่รูขนาดใหญ่นั่นก่อนจะเข้าไปเงียบๆ


หลังจากเข้ามาในถ้ำแล้วนั้น เขาก็ได้เห็นก้อนหินลักษณะขรุขระ ส่วนพื้นดินก็แห้งกร้าน และเมื่อยิ่งเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ หลิน เฟิงก็ได้เห็นว่าภายในถ้ำดังกล่าวนี้คละคลุ้งไปด้วยการเข่นฆ่าหนักขึ้นเรื่อยๆ


จะมีดาบสั้นสักเล่มหรือสองเล่มโผล่ออกมาจากกำแพงในบางครั้ง อีกทั้งบนพื้นยังมีซากกระดูกคนตาย แต่โชคดีที่หลิน เฟิงเป็นคนใจกล้า ไม่อย่างงั้นล่ะก็เขาคงตายเพราะความกลัวไปแล้ว


ถ้ำนี้ลึกและยาวมากราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว หลิน เฟิงก็ไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรที่ปลายถ้ำเลย


แต่เมื่อหลิน เฟิงมาคิดถึงเรื่องนี้อย่างเงียบๆแล้วนั้น ในตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า ภูเขาลูกนี้นั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวเป็นกิโลเมตร ความสูงหลายกิโลเมตร ดูแล้วไม่น่าจะมีจุดสิ้นสุดแน่


ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะให้มังกรดำขยายร่างเพื่อที่จะให้ตนได้ขี่ขึ้นไป จู่ๆก็มีเสียงร้องดังลั่นข้างหน้าจากที่เขายืนอยู่ และนั่นก็ทำให้หลิน เฟิงนึกกลัวขึ้นมา


หลิน เฟิงซ่อนตัวอยู่ในมุมๆหนึ่ง พลางกลั้นหายใจเผื่อว่าจะมีอะไรโผล่มา


แต่หลิน เฟิงคงจะกังวลมากเกินไป เพราะหลังจากที่สิ้นเสียงร้องนั้น ก็ไม่มีอะไรพุ่งเข้ามาหรือการเคลื่อนไหวใดๆเลย


จากนั้นหลิน เฟิงก็เริ่มเดินหน้าต่อไปด้วยหัวใจที่ผวา จนเมื่อผ่านไปไม่กี่นาที หลิน เฟิงก็ได้เห็นร่างๆหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เป็นร่างของหญิงสาวที่ใส่เสื้อผ้าของตระกูลตงฟาง


มีรูใหญ่สี่รูปรากฏขึ้นที่คอของหญิงสาว ดูเหมือนว่าเธอจะถูกอะไรบางอย่างฆ่า หลิน เฟิงถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางรู้สึกลังเลที่จะเดินเข้าไป


ในตอนนี้ หลิน เฟิงจึงได้เห็นว่าที่พื้นนั้นยังมีเลือดไหลนองไปทั่วถ้ำ รวมถึงละอองฝุ่นบนพื้นที่ยังไม่จางหายไปไหน และยังลอยอยู่แบบนั้น พร้อมกับทิ้งรอยเท้าบนพื้นไว้มากมาย


“นี่ เพิ่งจะมีคนผ่านไปเองนี่นา แถมดูเหมือนกำลังไล่ตามอะไรไปด้วยก็ไม่รู้” หลิน เฟิงพึมพำ


“นายท่านครับ ดูเหมือนเขาจะอยู่ตรงหน้านี้ล่ะขอรับ และดูท่ากำลังจะต่อสู้กันอยู่ด้วย” มังกรดำที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมยิ่งกว่าหลิน เฟิงรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวจากข้างหน้ามาตั้งแต่แรก


หลิน เฟิงจึงมองไปทางข้างหน้าก่อนจะว่าขึ้น “งั้นไปดูกันเถอะ”


หนึ่งคนกับมังกรอีกหนึ่งตัวจึงมุ่งหน้าวิ่งไปที่ถ้ำ มีดสั้นมากมายโผล่ให้เห็นขึ้นมาตลอดทาง อาวุธหักพัง และศพอีกหลายศพที่กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว


และหลิน เฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจที่โครงกระดูกเหล่านี้ถูกกิน แต่ต่อมาเขาก็ไม่ได้คิดมากถึงเรื่องนี้อีก


ใช้เวลาไม่นาน หลิน เฟิงกับมังกรดำก็เข้ามาถึงในที่สุด


ในขณะที่ทั้งคู่มุ่งเข้าไปในนั้น ในตอนนั้นเอง หลิน เฟิงก็พบโลกอีกโลกหนึ่งในถ้ำที่ทั้งกว้างและมีลักษณะเป็นวงกลม มีรัศมีประมาณ 100 เมตร สูง 10 เมตร


แถมยังมีศพมากมายนอนเรียงรายอยู่ข้างล่าง บางส่วนก็เป็นมนุษย์ บางส่วนก็เป็นสัตว์วิญญาณ รูปร่างหน้าตาแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือว่าสถานที่แห่งนี้นองไปด้วยเลือด แถมยังมีหนูตัวใหญ่อยู่อีกมากมาย


หลิน เฟิงยังรู้สึกถึงพลังวิญญาณจากหนูพวกนี้อีกด้วย พวกมันน่าจะเป็นสัตว์วิญญาณ


แล้วใครกันล่ะที่ฆ่าพวกเขา หลิน เฟิงรู้สึกงงไปหมด แล้วทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนจากตระกูลตงฟางได้เข้ามาในนี้นี่นา แล้วพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกันแล้วล่ะ


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตกใจอยู่นั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ตามมาเป็นชุดๆซึ่งอยู่ข้างบนที่พวกเขายืนอยู่


หลิน เฟิงมองไปรอบๆก่อนจะพบบันไดลิงที่เสมือนสิ่งที่นำทางไปโดยตรง


“เข้าไปดูกันเถอะ” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นก่อนจะตามไปอย่างเงียบๆ


ไม่นาน หลิน เฟิงก็มาถึงทางเข้าของชั้นสองก่อนจะเห็นผู้คนมากมายสู้กันอยู่ข้างใน คนพวกนี้เป็นคนของตระกูลตงฟางไม่ใช่หรือเนี่ย


สิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงตกใจสุดขีดก็คือสิ่งที่พวกเขาต่อสู้ด้วยซึ่งดูเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกๆทั้งหมดสามตัวอย่างเสือไม่ก็เสือดาวที่มีเขาสองเขาอยู่บนหัว น้ำลายไหลยืดออกจากปาก ที่ส่งกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา


และสิ่งที่ทำให้อึ้งขึ้นไปอีกก็คือดวงตาสีแดงฉานและจิตวิญญาณชั่วร้ายที่มองไม่เห็นของพวกมัน ราวกับว่าสัตว์พวกนี้ไม่มีสติปัญญา นอกเสียจากความรู้สึกในการที่จะฆ่าอย่างไม่มีสิ้นสุด


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น