RC:บทที่ 322 ร่างกายอันแปลกประหลาดของปาเต๋า

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 322 ร่างกายอันแปลกประหลาดของปาเต๋า


ในตอนนั้นเอง มีทั้งหมาป่าและเสือล้อมหน้าล้อมหลัง ไปที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย


“ฮ่าๆ ฉันมีความคิดดีๆแล้วล่ะ เดี๋ยวทุกคนส่งการโจมตีแบบระยะยาวไปที่ตระกูลตงฟางเลยนะ แล้วจากนั้นก็ค่อยวิ่งแยกกันเป็นสองฝั่ง” เมื่อหลิน เฟิงพูดจบ เขาก็บอกให้คนที่เหลือลงมา ก่อนจะเก็บสัตว์วิญญาณของตนแล้วปล่อยการโจมตีออกไปเต็มๆ


แม้ว่าจู่ ยี่จะไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกก็ตามน้ำโดยการปล่อยการโจมตีออกไป


“ใครน่ะ”


เมื่อพวกเขาสำแดงพลังโจตีออกมา คนเก่งๆบางคนในตระกูลตงฟางก็สัมผัสได้ว่าพลังนั้นกำลังมุ่งตรงมาเพื่อฆ่าทุกคน


“ดูท่าจะไม่สวยแล้วสิ เผ่นกันเถอะ” ในจังหวะที่หลิน เฟิงปล่อยพลังออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แข็งแกร่งมากมายจากตระกูลตงฟางพุ่งมาที่พวกเขา


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงจึงเรียกให้คนที่เหลือวิ่งหนีออกไปเป็นสองฝั่ง


ในตอนนี้เอง หมาป่านรกที่ตามมาก็เร่งรุดเข้ามาถึง และทันทีที่คนจากตระกูลตงฟางมาถึง พวกนั้นต่างก็ตกใจที่หมาป่าบุกจู่โจมเข้ามา 


ในตระกูลตงฟางนั้นมีคนเก่งๆอีกหลายคน พวกเขาเลยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว อีกทั้งยังรวมใจกันต่อสู้ ส่วนหลิน เฟิงกับพวกต่างก็แอบมองอยู่ไม่ไกล พวกเขาอยากจะขึ้นไปเก็บอัญมณีพวกนั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่ในเวลาต่อมา พวกเขาก็เลยเลิกล้มความคิดนั้นไป


ลมหายใจของคนระดับ S ไม่กี่คนแผ่ออกมาจากในตระกูลตงฟาง และเมื่อต้องเผชิญกับหมาป่าสีดำที่แต่ละตัวดุร้ายเอามากๆนั้น หลิน เฟิงก็นึกกลัวจนต้องรีบพาทุกๆคนออกจากที่นี่ พลางหันหน้าหนีจากท้องฟ้าที่ตนมอง


คนจากตระกูลตงฟางพวกนี้นั้นนับว่าแข็งแกร่งเอาการ แต่พวกเขากลับไม่รู้และไม่เห็นหลิน เฟิงกันเลย


คนเหล่านี้ก็คือผู้นำตัวจริงของตระกูลตงฟางอย่างเห็นได้ชัด และต่อมา พวกเขาก็ได้ลงมือสังหารหมาป่านรกทั้งหมดนั่นรวมถึงจ่าฝูงหมาป่าด้วย


หลิน เฟิงกับคนอื่นๆถึงกับกลัวจับใจ และโชคดีที่ตอนนั้นพวกเขาดูไม่มีท่าทีรีบร้อนแล้ว หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะรู้ตัวบ้างไหม


และโชคยังดีที่พวกนั้นไม่พุ่งเข้ามาหาหลิน เฟิง เพราะหลิน เฟิงถูกหมายหัวไว้ในบัญชีของทางตระกูลตงฟางไปแล้วว่าจะต้องฆ่า


เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นฆ่าหมาป่าที่ตามมาเรียบร้อยแล้วนั้น แต่ทว่าก็มีอยู่หลายคนทีเดียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส


ส่วนพวกเขาก็ได้แต่มองอยู่ไกลๆ และในขณะที่กำลังจะออกไปนั้น จู่ๆพวกเขาก็พบว่าคนจากตระกูลตงฟางดูมีท่าทีลับๆล่อๆ มองซ้ายมองขวาราวกับกำลังกังวลถึงอะไรบางอย่าง


จนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว พวกเขาจึงมารวมตัวกันก่อนจะคว้าคบเพลิงแล้วเดินออกไป


“คนพวกนี้มาทำอะไรกับคบเพลิงตอนเที่ยงคืนโดยที่ไม่พักกันนะ” หลิน เฟิงสงสัย


“หลิน เฟิง เราไปหาที่พักกันเถอะ นี่พวกเราก็ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเลยด้วย” จู่ ยี่พูดขึ้นในที่สุด


หลิน เฟิงมองไปรอบๆก่อนจะเห็นว่าปาเต๋านั้นได้รับบาดเจ็บมาไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ในขณะที่ตู๋ กังดูมีท่าทีเหนื่อยล้าเอามากๆ


“ได้สิ เดี๋ยวรอฉันแป๊บนะ เดี๋ยวฉันขอไปห้องน้ำแป๊บนึง” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น ก่อนจะหลบหายเข้าไปในทุ่งหญ้ามืดๆด้านหนึ่ง


เมื่อไม่มีใครเห็นจู่ ยี่กับคนอื่นๆ หลิน เฟิงจึงปล่อยมังกรดำออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ตามพวกนั้นไป และถ้ามีอะไรให้มาบอกฉัน”


“ขอรับ นายท่าน” มังกรดำว่าขึ้นก่อนจะหายตัวไป ร่างสีดำของมันค่อยๆกลืนหายไปในความมืด


ไม่นาน หลิน เฟิงและที่เหลือสามคนก็ได้เจอถ้ำเล็กๆที่พวกเขาพอจะซ่อนตัวได้  แม้จะมีลักษณะง่ายๆ ป้องกันลมหรือฝนไม่ได้ก็ตาม


ขณะที่นอนอยู่ในถ้ำ พลางนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลิน เฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่อัดแน่นในสถานที่เร้นลับแห่งนี้ เขาเองก็ปรารถนาถึงโลกในยุคโบราณ ก่อนจะพูดอย่างอดไม่ได้ “โลกในยุคโบราณจะเป็นแบบไหนกันนะ”


ในตอนนี้นั้น จู่ๆหลิน เฟิงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณ ก่อนจะลืมตาขึ้น และก็ได้เห็นว่าคนอื่นๆได้หลับไปก่อนแล้ว แต่เขาก็เห็นว่าปาเต๋ายังไม่หลับ แต่กลับนั่งฝึกฝนสมาธิอยู่บนพื้น


หลิน เฟิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณมหาศาลที่เข้าไปในร่างของปาเต๋า รวมถึงแรงส่งของเขาเองก็ค่อยๆเพิ่มทีละน้อย หลิน เฟิงถึงกับอึ้งสุดๆ


ปาเต๋าคือผู้สั่งสมพลังวิญญาณด้วยตัวเองล้วนๆและสามารถฝ่าฟันภารกิจต่างๆได้โดยอาศัยความสามารถในการดูดซับพลังวิญญาณของตัวเอง และมาวันนี้ ความสามารถของเขาก็ได้เป็นที่ประจักษ์แก่หลิน เฟิง โดยเฉพาะในตอนที่เขาลงมือสังหารหมาป่านรกสี่หรือห้าตัวนั่นจนทำให้หลิน เฟิงถึงกับอึ้งไป


ทั้งหลิน เฟิงและปาเต๋าต่างเป็นผู้ใช้พลังระดับ A ด้วยกันทั้งคู่ หลิน เฟิงรู้ตัวว่าเขาทำแบบปาเต๋าไม่ได้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงนึกชื่นชมปาเต๋านัก


“ถ้าหมอนั่นสามารถเลื่อนขั้นได้โดยการสั่งสมพลังวิญญาณด้วยความสามารถในการดูดซับพลังของตัวเองแล้วล่ะก็ คุณลักษณะสัมพันธ์ของปาเต๋าจะต้องพุ่งสูงแน่” หลิน เฟิงคิด


ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ได้มองไปที่ตู๋กัง ตู๋กังเองก็เกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ และยังมีค่าความสันพันธ์กันที่สูงด้วย  นี่ถ้าเขาสามารถดูดซับพลังได้ด้วยตัวเองอีกล่ะก็ เขาก็จะไม่ด้อยไปกว่าปาเต๋าเลย


เมื่อหลิน เฟิงคิดถึงเรื่องนี้ อาการตกใจวูบหนึ่งก็แล่นขึ้นมา ราวกับมีหลุมดำดูดซับพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งอยู่รอบๆตัวเขา ความสามารถของเขาที่ไปถึงระดับ A ขั้นสูงสุดแล้วนั้น ค่อยๆหลุดลอยออกไปทีละน้อยในคราวนี้เอง


เมื่อได้เห็นแรงส่งที่เพิ่มขึ้น แถมรู้สึกว่าระดับของคนตรงหน้ากำลังจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ผ่านไปนานแล้ว หลิน เฟิงก็ยังไม่เห็นว่าคนตรงหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แถมยังดูเหมือนลูกบอลกลมๆที่กำลังโกรธเกรี้ยวแทน จากนั้นแรงส่งของเขาก็หายไป


“เฮ้อ” ทันใดนั้นเอ ปาเต๋าก็ได้ลืมตาขึ้น ก่อนจะถอนใจออกมาเล็กน้อย


ในตอนนี้ เขาก็ได้เห็นหลิน เฟิงที่กำลังจ้องเขาอยู่ “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ระดับยังไม่เลื่อนขึ้นไปอีกเหรอ”


ปาเต๋าจ้องเขากลับก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใช่ มันไม่ใช่ง่ายๆเลยล่ะ แต่ก็นะ สถานที่เร้นลับแห่งนี้มีพลังอยู่เต็มเปี่ยมมากเสียอยากจะเลื่อนระดับขึ้นไปก่อนออกจากที่นี่ได้อีก”


“ก็ใช่อยู่ แล้วนี่ ปาเต๋า นี่นายเลือกชื่อของนายเองหรอ แล้วนายฝึกมาจนถึงระดับ A แบบนี้ได้ยังไง ฉันล่ะสงสัย” หลิน เฟิงเดินมาที่คนตรงหน้าก่อนจะกระซิบถาม


“ชื่อเดิมของฉันไม่ใช่ปาเต๋า เพียงแต่ว่าฉันชอบความดุร้ายและก็ได้อิทธิพลในแบบเต๋ามาน่ะ ต่อมา ฉันก็เลยตั้งชื่อเล่นให้ตัวเองว่าปาเต๋า เวลาก็ผ่านมานานแล้ว เพื่อนๆของฉันเองก็ลืมชื่อฉันไปหมดแล้วล่ะ จำได้แต่ชื่อเล่น แล้วพวกเขาก็เรียกมาตลอดเลย”


“ส่วนในเรื่องที่ว่าสั่งสมระดับ A สูงสุดในรูปแบบของลัทธิเต๋าอย่างไรนั้น นั่นก็เพราะว่าฉันเกิดมากับค่าความสัมพันธ์ในเรื่องพลังวิญญาณที่หาตัวจับยาก และสัตว์วิญญาณนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉันเลย ในเมื่อสัตว์วิญญาณสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน” ปาเต๋าเอ่ย


“มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลย” หลิน เฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เรียนรู้ว่าค่าความสัมพันธ์ของตนสัมพันธ์กับคุณลักษณะอันหลากหลาย 100% แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงพลังที่ลอยอยู่ในอากาศนี้เลย


ปาเต๋ามองไปยังความมืดตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “นอกจากนี้ ฉันยังต่างจากคนอื่น ร่างกายของฉันก็มีความพิเศษมาก มันสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้เอง โดยที่ฉันไม่ต้องเริ่มใช้ ตั้งแต่เกิดมา ฉันก็ดูดพลังมาได้เองอัตโนมัติ ตั้งแต่ฉันเกิดมาจนอายุยี่สิบแปดปี จึงเพิ่งได้เพิ่มเป็นระดับ A เนี่ยล่ะ”


หลังจากได้ฟังในสิ่งที่ปาเต๋าเล่า หลิน เฟิงจึงเข้าใจในทันทีว่าปัญหาของเขาไม่ใช่แค่เรื่องคุณลักษณะสัมพันธ์ในระดับสูงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังเป็นร่างกายของเขาอีกด้วย ไม่อย่างงั้นแล้ว การที่จะได้มาอยู่ในระดับ A ตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก


“แล้วว่าแต่นายล่ะ ฉันรู้สึกว่านายเองก็ไม่เหมือนคนอื่นอยู่ตลอดเลย แบบว่ามีบรรยากาศที่ทำให้คนอื่นเกรงกลัวน่ะ” ในตอนนั้นเอง ปาเต๋าก็ได้ถามขึ้นมา


“ฉันน่ะเหรอ ฉันก็เป็นแค่ผู้ใช้พลังระดับ A ทั่วไป ที่ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณเหมือนกับคนอื่นๆนั่นล่ะ นายก็เห็นสัตว์คู่ใจฉันนี่...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น